
ในปัจจุบันที่โลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน มีคนไทยจำนวนมากตกเป็นเหยื่อและสูญเสียทรัพย์สินไปแล้วหลายหมื่นล้านบาทให้กับมิจฉาชีพออนไลน์ โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงเวลา 5 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 11,348 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจาก 14,683 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน แต่ถือว่ายังน่าเป็นห่วง เนื่องจากประชาชนบางส่วนขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการป้องกันตนเองจากภัยออนไลน์ ในขณะที่มิจฉาชีพได้พัฒนากลอุบายหลอกลวงได้แนบเนียนและซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ
19 ธ.ค. 2568 – ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้าเชิงรุกในการสร้างความตระหนักรู้และเสริมภูมิคุ้มกันให้คนไทยอย่างต่อเนื่อง พาไปเจาะลึก 5 รูปแบบกลโกงยอดนิยม เพื่อให้แยกแยะระหว่างข้อมูลจริงกับกลโกง พร้อมเน้นย้ำถึงจุดอ่อนสำคัญที่ทุกคนต้องสังเกตก่อนที่จะสูญเสียทรัพย์สินให้กับมิจฉาชีพ
1. หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล/สิทธิพิเศษ/วัตถุประสงค์อื่นๆ
รูปแบบทั่วไปของกลโกง
· ได้รับข้อความ/โทรศัพท์/ข้อความในโซเชียล บอกว่า “ถูกรางวัล/ได้รับสิทธิพิเศษ/ได้คูปอง” แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าจัดส่ง ภาษี หรือค่าตรวจสอบก่อนจะรับของรางวัลได้
· ลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว (หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน/รหัส OTP/บัญชีธนาคาร) ก่อนยืนยันสิทธิ
· ใช้โลโก้ธนาคารหรือหน่วยงานปลอมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ข้อสังเกต “รู้ทัน” ไม่ตกเป็นเหยื่อ
· ข้อความกดดันเรื่องเวลาจำกัด เช่น “ภายใน 24 ชม.”
· ขอ OTP/รหัสยืนยันทางการเงินหรือหมายเลขบัตรเครดิตทางข้อความหรือโทรศัพท์
· ลิงก์ที่เป็น URL ย่อ/สะกดผิด/ไม่ใช่โดเมนขององค์กรที่แท้จริง
วิธีรับมือป้องกันเงินหาย
· อย่าโอนเงินหรือส่ง OTP ให้ผู้ส่ง ตรวจสอบกับหน่วยงาน/แบรนด์โดยตรงผ่านช่องทางทางการ
· รายงานข้อความ/บัญชีผู้ส่งไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ (Facebook/LINE) และแจ้งความหรือแจ้งสายด่วน AOC 1441 กด 2
2. หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (แพลตฟอร์มเทรด/แอปลงทุนปลอม)
รูปแบบทั่วไปของกลโกง
· โฆษณาแพลตฟอร์มลงทุน/เทรด ที่รับประกันผลตอบแทนสูง ใช้หน้าจอปลอมโชว์กำไร/สถิติที่ไม่เป็นความจริง
· ชักชวนผ่านโฆษณา กลุ่ม LINE/Facebook หรือ “มิจฉาชีพโค้ช” ที่ชวนให้เติมเงินเข้าระบบ (วอลเล็ต/แพลตฟอร์ม) แล้วถอนยากหรือถอนไม่ได้
· อาจมีระบบฝาก-ถอนผ่านบัญชีบุคคลหรือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่โปร่งใส
ข้อสังเกต “รู้ทัน” ไม่ตกเป็นเหยื่อ
· รับประกันกำไรแน่นอนหรือผลตอบแทนสูงผิดปกติ
· ไม่มีข้อมูลบริษัทชัดเจน/ไม่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต.
· คำสั่งให้โอนเงินไปบัญชีบุคคลหรือใช้วอลเล็ตที่ไม่เป็นทางการ
วิธีรับมือป้องกันเงินหาย
· ตรวจสอบการจดทะเบียนและใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.ก่อนลงทุน หรือทดลองฝากเงินจำนวนน้อยสุดถ้าต้องการทดสอบ
· หากถูกล็อกเงินหรือถูกบังคับ ให้รวบรวมหลักฐานและแจ้ง สำนักงานปปง./สถานีตำรวจ/สำนักงาน ก.ล.ต. ตามช่องทางทางการที่เกี่ยวข้อง
3. หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้พิเศษ (งานพาร์ทไทม์)
รูปแบบทั่วไปของกลโกง
· ประกาศงานออนไลน์ที่ “ทำง่าย ได้เงินเยอะ” เช่น คีย์ข้อมูล ทำงานจากบ้าน รับค่าคอมมิชชั่นสูง แต่ต้องจ่ายค่าสมัคร/ซื้ออุปกรณ์/จ่ายค่าธรรมเนียมก่อน
· ให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์หรือระบบที่ต้องจ่ายก่อน หรือให้โอนค่ามัดจำเพื่อ “สำรองตำแหน่ง”
ข้อสังเกต “รู้ทัน” ไม่ตกเป็นเหยื่อ
· ค่าจ้างสูงเกิน ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับงาน
· ข้อความชวนแบบเร่งด่วน/ขอสลิปโอนเงินก่อนเริ่มงาน
· ไม่มีที่ตั้งบริษัทจริงหรือไม่มีสัญญาที่ชัดเจน
วิธีรับมือป้องกันเงินหาย
· ขอรายละเอียดงานเป็นลายลักษณ์อักษร ตรวจสอบบริษัทนายจ้าง (ทะเบียนพาณิชย์/รีวิว) อย่าโอนค่าสมัครล่วงหน้า
· ถ้าโดนหลอก ให้เก็บหลักฐานและแจ้งความ/แจ้งหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค ตามช่องทางทางการที่เกี่ยวข้อง
4. หลอกลวงให้ลงทุนที่เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน (แชร์ลูกโซ่/ระดมทุนผิดกฎหมาย)
รูปแบบทั่วไปของกลโกง
· ชักชวนให้ร่วมลงทุน หรือระดมทุนโดยสัญญาผลตอบแทนสูง เช่น รูปแบบแชร์ลูกโซ่ กองทุนปิดที่ไม่มีสินทรัพย์รองรับ และแพลตฟอร์มระดมทุนที่ไม่ได้รับอนุญาต
· ใช้คำว่า “สัญญารับประกันผลตอบแทน” “คืนทุนเร็ว” “ระบบปันผลอัตโนมัติ” เพื่อดึงเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่
ข้อสังเกต “รู้ทัน” ไม่ตกเป็นเหยื่อ
· ข้อความเน้นเรื่องผลตอบแทนสูง-แน่นอน-ไม่มีความเสี่ยง
· ไม่มีข้อมูลทางการเงินหรือเอกสารแสดงธุรกิจจริง/ ไม่มีผู้ตรวจสอบอิสระ
· การจ่ายผลตอบแทนขึ้นกับการหาสมาชิกใหม่ (ชักชวนคนอื่นเข้ามา)
วิธีรับมือป้องกันเงินหาย
· หากเสนอให้ลงทุน ให้ขอเอกสารทางการเงิน ตรวจสอบกับสำนักงาน ก.ล.ต. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าการระดมทุนนี้ได้รับอนุญาตหรือไม่
· ถ้าเจอแชร์ลูกโซ่ แจ้งสำนักงาน ก.ล.ต./สำนักงาน ปปง./สถานีตำรวจ ตามช่องทางทางการที่เกี่ยวข้อง
5. หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam)
รูปแบบทั่วไปของกลโกง
· ติดต่อผ่านโซเชียลมีเดีย/แอปหาคู่ ปั้นเรื่องเป็นคนโสด/ทำงานต่างประเทศ ใช้ความใกล้ชิดทางอารมณ์จนเกิดความไว้วางใจ
· ขอความช่วยเหลือเรื่องเงิน เช่น ป่วย/ถูกกักตัว/ค่าตั๋วเดินทาง/ค่าธรรมเนียมการทำเอกสาร หรือชวนลงทุนที่ “ปลอดภัย” แล้วขอให้โอนเงินให้ก่อน
ข้อสังเกต “รู้ทัน” ไม่ตกเป็นเหยื่อ
· ความสัมพันธ์ไวเกินจริง พูดเรื่องอนาคตเร็ว (แต่งงาน ย้ายประเทศ)
· ขอข้อมูลทางการเงิน หรือขอให้โอนเงินแล้วให้สัญญาว่าจะคืน/ส่งของ
· พยายามหลีกเลี่ยงการเจอแบบเห็นหน้า (อ้างเหตุผลต่าง ๆ)
วิธีรับมือป้องกันเงินหาย
· อย่าโอนเงินให้คนที่เพิ่งรู้จักออนไลน์โดยไม่มีการตรวจสอบตัวตนจริง
· ขอให้เพื่อน/คนในครอบครัวช่วยสังเกตพฤติกรรมผิดปกติ และเก็บหลักฐานหากถูกหลอก เพื่อนำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
สิ่งที่ควรทำทันทีเมื่อสงสัยว่าถูกหลอก
1. หยุดทุกการโอนเงิน/ยกเลิกคำสั่งถ้าเป็นไปได้ (ติดต่อธนาคารทันที)
2. เก็บหลักฐาน (ข้อความ รูปภาพ บัญชีผู้ส่ง หมายเลขบัญชีธนาคาร)
3. แจ้งแพลตฟอร์มที่เกิดเรื่อง (Facebook/LINE/Marketplace) ให้ปิดบัญชีของผู้กระทำผิด
4. แจ้งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง (เช่น AOC 1441 กด 2, สำนักงาน ก.ล.ต. 1207, สำนักงาน ปปง., สถานีตำรวจ) และ/หรือไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
ทั้งนี้ มิจฉาชีพจะใช้ “บัญชีม้า” หรือ บัญชีธนาคารที่เปิดในชื่อคนอื่นนำไปใช้กระทำความผิด เป็นช่องทางในการรับและถ่ายโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงออนไลน์ ทำให้ยากต่อการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งความเสียหายไม่ได้จำกัดแค่ผู้ถูกหลอกโอนเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าของบัญชีม้าที่ได้รับค่าจ้างเพียงเล็กน้อย แต่อาจติดคุกเพราะการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรง
สำหรับโทษของบัญชีม้ามีดังนี้ การเปิด ขาย ให้เช่า ให้ยืมบัญชีธนาคาร หรือ e-Wallet มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ส่วนผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า ให้ยืมบัญชีเงินฝาก หรือ e-Wallet มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ รวมถึงยังเสียชื่อเสียงและไม่สามารถขอสินเชื่อหรือบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้
ทีทีบี มุ่ง Make REAL Change สร้างระบบการเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย เพื่อให้ชีวิตทางการเงินของคนไทยดีขึ้นแบบรอบด้านอย่างแท้จริง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ รวมถึงใช้ข้อมูลเชิงลึกมายกระดับการเตือนภัยและความรู้ทางการเงินของประชาชน อีกทั้งยังผลักดันและยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมให้ทุกคนมาร่วมมือและจัดการบัญชีม้าอย่างจริงจัง เพื่อให้คนไทยใช้บริการทางการเงินอย่างปลอดภัยและมั่นใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ซีเกมส์'ครั้งที่33 เงินสะพัด12,000ล้าน เศรษฐกิจไทยคึกคัก-บูมกระแสกีฬา
มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 บูมกระแสกีฬาไทยคึกคัก และยังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ชี้เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่ไทยเคยจัดมหกรรมกีฬามา พร้อมเผยยอดผู้ชมเข้าสนามแข่งขันต่าง ๆ สะสมเกือบ 400,000 คนแล้ว

