
ดูเหมือนว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2569 ยังคงเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับภาคธุรกิจอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และสอดรับกับสถานการณ์อยู่เสมอ ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่หลายแบรนด์เลือกนำมาใช้ คือเทคโลยีต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การทำงานขององค์กร และความต้องการของผู้บริโภค
22 ธ.ค. 2568 – นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่าในปี 2568 ที่ผ่านมานับเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ หรือแม้แต่สภาวะหนี้ครัวเรือนทั้งหลาย แน่นอนว่าประเด็นเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลต่อการเติบโตธุรกิจของบริษัท ขณะเดียวกันการที่จะอนุมัติลูกค้ารายใหม่ก็ยากมากขึ้น ถ้าหากภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ทั้งนี้ แม้ว่าปีนี้จะค่อนข้างท้าทาย แต่มองว่าภาพรวมของบริษัทก็ยังเป็นไปได้ด้วยดี เห็นได้จากผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 ก็เป็นบทพิสูจน์ว่าบริษัทมีผลดำเนินงานที่ดี
สำหรับหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัท คือการพัฒนาด้านไอทีครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนระบบการชำระเงินเดิม สู่ระบบใหม่ที่ออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่ปรับขนาดได้ (Scalable) ตามความเติบโตของธุรกิจ และยืดหยุ่น (Resilient) ในการต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อการปรับใช้และจัดการที่รวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการได้ทันที ส่งผลให้เกิดประโยชน์กับสมาชิก ร้านค้าและเพื่อนคู่ค้าในหลายมิติ พัฒนาการบริการ ยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐานใหม่ ISO/IEC 27001:2022 ลดต้นทุนในการดำเนินงานและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ
นางพิทยา กล่าวว่า ในปี 2569 เคทีซีมีการรวบรวมข้อมูลสมาชิกทั้งช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชันและโซเชียลมีเดียให้ครบวงจรขึ้น ผ่าน Customer Data Platform (CDP) เครื่องมือที่จะทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลสมาชิกทุกช่องทางไว้ในระบบเดียว ซึ่งจะช่วยให้ทำการตลาดเฉพาะกลุ่มได้แม่นยำขึ้น ยกระดับความปลอดภัยในการบริหารจัดการด้านข้อมูลสมาชิก ทำให้กระบวนการทำงานภายในรวดเร็วขึ้น เชื่อว่าการลงทุนเทคโนโลยีครั้งนี้จะช่วยเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2569 คาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมจะขยายตัว 1-2% ควบคู่กับการรักษาอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio) ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% และมีแผนระดมเงินกู้ยืมระยะยาวประมาณ 12,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนด
นอกจากนี้ การเริ่มเปิดตัวธุรกิจนายหน้าประกันในฐานะธุรกิจใหม่ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเคทีซียังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยคาดว่าต้นทุนทางการเงิน ณ สิ้นปี 2569 จะต่ำกว่าสิ้นปี 2568 ประมาณ 0.15%–0.20%

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปี 2568 คาดการณ์เติบโตที่ประมาณ 4% จากเป้าหมาย 10% แม้ว่าจบปีจะเติบโตในระดับดังกล่าว แต่มองว่ายังดีกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรม จากข้อมูล 9 เดือนแรกของปีนี้ที่มีการเติบโตประมาณ 0.1% นับว่าการเติบโตของบริษัทยังดีกว่าตลาดเป็นอย่างมาก ขณะที่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปี 2569 คาดการณ์เติบโตที่ 5% และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 250,000 ราย ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจ 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1. เสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตสมาชิกคุณภาพ ยกระดับผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการขยายฐานสมาชิกผ่านช่องทางดิจิทัล พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กิน ช้อป เที่ยว รวมถึงหมวดที่สอดรับ กับเทรนด์ที่ลูกค้าให้ความสนใจ เช่น หมวดการดูแลสุขภาพ และ Healthcare
ส่วน 2.ต่อยอดธุรกิจนายหน้าประกัน (Insurance Brokerage) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและวินาศภัย เพิ่มทางเลือกและความคุ้มค่าให้สมาชิก รวมถึงสร้างรายได้ใหม่จากผลิตภัณฑ์ประกันบนช่องทางบัตรเครดิต 3. มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกับธนาคารกรุงไทยในหลายมิติ โดยเน้น 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มลูกค้า Wealth ยกระดับสิทธิพิเศษและบริการที่ครอบคลุมกว่าเดิม กลุ่ม SME สร้างช่องทางการขยายโอกาสให้พันธมิตรร้านค้า บน e-marketplace “KTC U SHOP” ซึ่งเตรียมรีแบรนด์เป็น “KTC MALL” และกลุ่ม Gen Z เจาะกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อสร้างฐานสมาชิกใหม่ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นกำลังซื้อ และ4. ใช้ Digital และ AI ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้า “ง่าย เร็ว ไร้รอยต่อ” และเสนอสิทธิประโยชน์เฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำและครบวงจร
“นอกเหนือจากความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอ และการที่เราสามารถควบคุมคุณภาพลูกหนี้ให้ต่ำกว่าอุตสาหกรรม เรายังต้องมาดูเรื่องของการที่สมาชิกบัตรหยิบบัตรเราขึ้นมาใช้อย่างสม่ำเสมอด้วย พอร์ตของเรา ลูกค้า Active อยู่ที่ประมาณ 95% ในขณะที่อุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 65% นั่นแปลว่าบัตรเราค่อนข้างที่จะ Active ดังนั้น เรายังคงรักษาความแข็งแกร่งนี้ต่อไป เมื่อมีสมาชิกบัตร Active แล้ว การเตรียมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ต้องเตรียมให้ตรงใจลูกค้า เคทีซีแข็งแกร่งในเรื่องการทำสิทธิประโยชน์ในหมวดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิน ช็อป เที่ยว หรือ หมวดใหม่ๆ ที่เริ่มเห็นการเติบโตของสถานที่ต่างๆ ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเฮลธ์แคร์ เวลเนส อาจจะเป็นหมวดที่เราให้ความสนใจและเตรียมสิทธิประโยชน์ให้กับบัตรมากขึ้น”

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อบุคคล บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ เคทีซี กล่าวว่า ในส่วนของสินเชื่อเคทีซีมีให้บริการอยู่ 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ บัตรกดเงินสด KTC PROUD และเคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน โดยทั้งสองผลิตภัณฑ์เป็นตัวขับเคลื่อนทำให้พอร์ตโฟลิโอของสินเชื่อ KTC เติบโต ต้องบอกว่าปีที่ผ่านมาก็ค่อนข้างทำได้ดี หรือยังมีการเติบโต เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ทราบกันดีว่าธุรกิจสินเชื่อไม่ว่าจะทางแบงก์หรือนอนแบงก์ก็ค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายมากในการที่บริษัทจะสามารถหาลูกค้าใหม่ที่มีคุณภาพ และสามารถทำให้พอร์ตเติบโตได้ แม้ว่าปีนี้จะยังสามารถผลักดันการเติบโตได้อยู่ แต่ในปีหน้าก็คงเป็นอีกปีที่ท้าทาย ที่จะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นโจทย์สำคัญอย่างมาก
ในปี 2569 ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลตั้งเป้าเติบโต 2% เน้นพอร์ตสินเชื่อเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพิ่มสมาชิกใหม่ 110,000 ราย โดยบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะใช้ 4 กลยุทธ์การตลาดในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1. ปรับโฉมการสมัครออนไลน์ E-Application ให้อยู่บนแอป KTC Mobile เพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถทำการสมัคร และรู้ผลอนุมัติไวใน 30 นาที 2. ขยายฐานสมาชิกใหม่ผ่านพันธมิตร และจุดขายที่มีดีมานด์สูงกว่า 2,000 ร้านค้า สแกนสมัครได้ที่หน้าร้าน อนุมัติ และรับสินค้าได้ทันที รวมถึงความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยผ่านฐานข้อมูล Payroll 3. ดูแลสมาชิกกว่า 700,000 รายด้วยสิทธิพิเศษ ทั้ง “รูด–โอน–กด–ผ่อน” เพื่อรองรับพฤติกรรมทุกไลฟ์สไตล์ และเดินหน้าโครงการ “เคลียร์หนี้” เพื่อส่งเสริมวินัยการชำระเงิน และ 4. ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ผ่านโปรโมชันผ่อนสินค้าด้วยดอกเบี้ย 0% นานถึง 24 เดือน

นางวิไลวรรณ นพรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี กล่าวว่า บริษัทกำลังจะ Transform ตัวเองครั้งใหญ่ ผ่านการเปลี่ยนระบบรับชำระหลักของ KTC จากระบบ Legacy ที่ใช้มานานกว่า 10 ปีแล้ว สู่เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Cloud Native อย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าเทคโนโลเดิมที่ใช้มานานจะยังดีและเสถียร แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโลกตอนนี้รวดเร็วมาก และด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเติมเต็มกับชีวิตผู้คนมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนแปลงระบบคอร์หลัก เพื่อเชื่อมสู่โลกที่ได้มีการพัฒนากันไปอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อเอาระบบหลักเราขึ้นใช้งาน ข้อดีที่เกิดขึ้นคือได้ Speed หลายๆ คนมักจะพูดว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก ตอนนี้คือปลาเร็วกินปลาช้า ดังนั้น สิ่งที่เราอยากทำก็เพื่อส่งมอบเรื่องของ Speed หรือเวลาที่รวดเร็วขึ้น โดยในมุมของ Speed มีทั้งที่ส่งมอบให้กับลูกค้าที่จะช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และ Speed ในการทำงานของไอทีด้วย เพราะด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มันจะทำให้การพัฒนาในทีมไอทีไปได้อย่างรวดเร็ว Time to Market ที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมให้กับทางธุรกิจก็จะคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น”

นางรจนา อุษยาพร ผู้บริหารสูงสุด สายงานการเงิน บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี กล่าวว่า บริษัทยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันผลกำไรสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ควบคู่ไปกับการควบคุมคุณภาพของพอร์ต ซึ่งปี 2568 มีการตั้งเป้าตัว NPL Ratio ไว้ที่ไม่เกิน 2% ซึ่งตรงนี้ก็ยังสามารถควบคุมได้อยู่ ส่วนปีหน้า 2569 ในมุมมองเศรษฐกิจคงเป็นปีที่มีความท้าทาย คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตแบบชะลอตัว ดังนั้น ปีหน้าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะของ KTC แน่นอนว่าในการตั้งเป้าของแต่ละ Product ก็ตั้งเป้าไว้ในระดับที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่ต้องมีการเติบโตขึ้น เช่น การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตตั้งเป้าไว้ที่ 5% แต่เป้าเติบโตภายใน Challenge มากกว่านั้น เพราะยังไงก็ต้องพยายามทำให้ได้มากกว่า 5%
ในส่วนของตัวสินเชื่อส่วนบุคคลตั้งเป้าว่าปีหน้าสินเชื่อส่วนบุคคลจะโต 2% เพราะว่าปีนี้ของไตรมาส 3 สินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตแบบ Low single digit เพราะฉะนั้น 2% ก็ยังเป็นสิ่งที่โต ไม่ได้ติดลบ ถ้าเทียบกับอุตสาหกรรมที่ติดลบ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตของบัตรเครดิตหรือพอร์ตของสินเชื่อส่วนบุคคล ภาพรวมอุตสาหกรรมเฉลี่ยติดลบ แต่ว่า KTC ยังโตได้
นางพิทยา กล่าวปิดท้ายอีกว่าสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจในทุกวันนี้ก็คือความสามารถ ความยืดหยุ่นและการปรับตัวตลอดเวลา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ KTC เตรียมพร้อมเพื่อจะรับมือ และความสามารถ คือมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี คนก็ยังเป็นสิ่งที่จะต้องลงทุนต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างเดียว และหวังว่าค่าใช้จ่ายด้านของเทคโนโลยีที่ลงทุนจะเกิดประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายแล้ว Operating Cost ส่วนอื่นๆ ก็จะลดน้อยลง การดำเนินการตามแผนเทคโนโลยีในปี 2569 จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานสมาชิก มอบประสบการณ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และตรงใจสมาชิกมากขึ้น พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนว่าบริษัทกำลังลงทุนในโครงสร้างดิจิทัลเพื่อการเติบโตระยะยาว บนพื้นฐานความยั่งยืนในทุกมิติ

