
3 ต.ค. 2565- ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมมอบนโยบายและทิศทางการดำเนินงานกระทรวงสาธารณสุขต่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลาง และผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้บริหารส่วนภูมิภาค ภายหลังเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
นพ.โอภาสกล่าวว่า ขอให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคนยึดตามพระราชดำรัส สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย ที่ “ให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” เป็นปณิธานในการทำงานร่วมกัน ซึ่งช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา ทุกคนได้ร่วมแสดงพลังต่อสู้วิกฤต พิสูจน์ให้เห็นถึงความเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขและระบบสาธารณสุขไทย จนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และทำให้เห็นว่า “สุขภาพของคนไทย” มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ ซึ่งปัจจุบันเราอยู่กับโควิดอย่างคุ้นเคยมากขึ้น และเศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อนได้ อย่างไรก็ตามเรายังอยู่ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (VUCA World) เช่น การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางเศรษฐกิจการขาดแคลนทรัพยากรและอาหาร, สภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ มลพิษ, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี,การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ประชากรอายุยืนขึ้น เด็กเกิดใหม่และวัยแรงงานน้อยลง เมืองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น และด้านสาธารณสุข ที่มีทั้งโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ โรคติดต่อไม่เรื้อรังปัญหาสุขภาพจิต และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทัน
สำหรับทิศทางที่จะร่วมกันพัฒนากระทรวงสาธารณสุขและสุขภาพของคนไทยต่อไป จะนำนโยบายมุ่งเน้น 5 ประการ ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ได้แก่ การทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น, การยกระดับการเสริมสร้างสุขภาพเพื่อคนไทยแข็งแรง, ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและทั่วถึง, นำสุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และข้อมูลสุขภาพต้องเป็นของประชาชนและเพื่อประชาชน ซึ่งระยะ 3 ปีต่อจากนี้ จะเป็นโอกาสพัฒนาระบบสาธารณสุขให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งมิติสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อเป้าหมาย “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง” ด้วยแนวนโยบาย “สุขภาพคนไทยเพื่อสุขภาพประเทศไทย” มุ่งเน้น 6 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ยกระดับการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษาพยาบาล ฟื้นฟู และความเสี่ยงต่อสุขภาพ เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สะดวกรวดเร็ว พัฒนาศักยภาพคนไทยทุกช่วงวัย ดูแลสุขภาพกาย-ใจตนเอง ครอบครัว และชุมชนให้แข็งแรง

2.ยกระดับบริการรองรับสังคมสูงวัยและลดอัตราตายโรคสำคัญ โดยเสริมความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ เพิ่มศักยภาพ 3 หมอ ทั้ง อสม.หมอคนที่ 1 เป็นผู้นำด้านสุขภาพชุมชน เพิ่มศักยภาพ รพ.สต. หมอคนที่ 2 เป็นจุดเชื่อมต่อดูแลสุขภาพจากชุมชนสู่ระบบบริการ โดยใช้การแพทย์ทางไกล และเพิ่มประสิทธิภาพเชื่อมโยงกับหมอคนที่ 3 ดูแลแบบ “ใกล้ตัว ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” ปรับโฉมโรงพยาบาลทุกแห่งเป็น “โรงพยาบาลของประชาชน” มีสถานที่ สิ่งแวดล้อม สะอาด สวยงาม เข้าถึงง่าย รับบริการสะดวก ลดความแออัด ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ทันสมัย บริการมีคุณภาพ ใส่ใจดุจญาติ และเพิ่มขีดความสามารถระบบบริการและเครือข่ายไร้รอยต่อ “ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง” โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อุบัติเหตุ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคไต มะเร็ง สุขภาพจิต ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญของคนไทย
3.ผลักดันบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขสู่ยุคดิจิทัล ให้โรงพยาบาลทุกแห่งใช้การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพให้เอื้อต่อการบริการอย่างไร้รอยต่อ และเร่งพัฒนานวัตกรรมการแพทย์โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) การแพทย์ระดับอณู (Molecular medicine) เพื่อการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ ดูแลรักษาสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคตามลักษณะเฉพาะทางพันธุกรรม และใช้ยาเฉพาะบุคคล (Personalized medicine) 4.ยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพ เตรียมพร้อมรับภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศในอนาคต รวมถึงผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 5.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพนานาชาติ สนับสนุนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
และ 6.พัฒนาสู่องค์กรสมรรถนะสูงและบุคลากรมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดีขึ้น ด้วยแนวทาง 4T ได้แก่ Trust สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชน เจ้าหน้าที่ ฝ่ายนโยบาย ฝ่ายต่างประเทศและเครือข่าย, Teamwork &Talent ทำงานเป็นทีม สนับสนุนคนเก่ง, Technology ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ Targets ทำงานแบบมุ่งเป้าหมาย จัดการทรัพยากรให้เกิดผลิตภาพและบริการที่มีคุณค่า ขณะที่บุคลากรมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดีขึ้น มีความสมดุลของชีวิตกับการทำงาน สามารถยืดหยุ่นปรับตัวได้ในภาวะวิกฤต
“ขอให้ทุกคนยึดหลักปฏิบัติในการทำงาน “ททท” คือ “ทำทันที” “ทำต่อเนื่อง” “ทำและพัฒนา” และร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนและพัฒนาสาธารณสุขไทยสู่การยกระดับบริการและการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นระบบสาธารณสุขที่เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน” นพ.โอภาสกล่าว

ในโอกาสนี้ นพ.โอภาส ได้รับมอบบัตรแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะและดวงตา จากสภากาชาดไทย พร้อมทั้งขอให้บุคลากรสาธารณสุขให้ความสำคัญและช่วยกันรณรงค์เรื่องการบริจาคอวัยวะและดวงตา ซึ่งเป็นการสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ ช่วยให้ผู้ป่วยที่รอคอยการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลคาดวันหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดหมื่นล้าน
รัฐบาลคาดช่วงหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดกว่าหมื่นล้าน เหตุอากาศเย็นสบาย-มาตรการรัฐหนุนท่องเที่ยวคึกคัก
รมว.สธ. ตอก 'บิ๊กโจ๊ก' เปิดเว็บรับแจ้งศพน้ำท่วม ชี้วัดอะไรไม่ได้ หลักฐานชัดคือใบมรณะบัตร
"พัฒนา" เมิน "บิ๊กโจ๊ก" ปูดตัวเลขผู้เสียชีวิตน้ำท่วมใต้หลักพัน ชี้ตัวเลข 140 รายของสธ. ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง บอก หลักฐานชัดคือใบมรณะบัตร ตัวเลขในเว็บไซต์ชี้ชัดอะไรไม่ได้
สธ. แถลงยอดผู้เสียชีวิต 'น้ำท่วมสงขลา' 140 คน คาดจากนี้เพิ่มแค่หลักหน่วย
นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ผู้เสียชีวิจากเหตุน้ำท่วม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ว่า จะยึดข้อมูลที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นหลัก เพราะศูนย์รวบรวมศพผู้เสียชีวิต ซึ่งข้อมูลปัจจุบัน ณ เวลา 16.00 มีผู้เสียชีวิตอยู่ในระบบ 140 คน


