ถอดรหัสชีวิตพระเอก 'ไมค์ ภัทรเดช' ผ่านสองตัวละครฝาแฝดจาก 'ในรอยทราย'

พระเอกหนุ่ม “ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี” บอกเล่าเรื่องราว “ในรอยทราย” ทางช่อง 7HD ผ่านสองตัวละครหลัก ในบทฝาแฝด “ทิวา-ตะวัน” ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พร้อมเผยความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมืออาชีพรุ่นใหญ่ การันตีคุ้มค่ากับการรับชม

เหตุผลที่รับเล่นละคร ในรอยทราย กับบทฝาแฝด

“หนึ่งเลย ผมได้มีโอกาสอ่านเรื่องย่อละคร ในรอยทราย มีความรู้สึกว่า หลาย ๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ทำให้เราอยากจะเข้าไปอยู่ คืออ่านแล้ว เราเข้าใจความรู้สึกตัวละครมาก ๆ อยากเข้าไปเป็นตัวละครนั้น สองเลยก็คือ บทฝาแฝดครับ คือบทฝาแฝดในเรื่องนี้ มีซีนที่ต้องอยู่ด้วยกันเยอะมาก แล้วมันมีความน่าสนใจ ทั้งคู่ ด้วยคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน แล้วพื้นฐานของตัวละครก็แตกต่างกัน แต่ต้องมาอยู่ด้วยกัน มีเป้าหมายเดียวกัน คือมันมีความยาก และท้าทายความสามารถอยู่ เลยรับเล่นละครเรื่องนี้ครับ”

ในรอยทราย มีการดีไซน์บทฝาแฝด ให้ต่างกันยังไง

“สำหรับผม พยายามที่จะไม่ดีไซน์ เรื่องของกายภาพภายนอก เพื่อสร้างความแตกต่างมากนัก คือเรื่องของทรงผม เรื่องอะไรของตัวละคร ให้เป็นเรื่องขององค์ประกอบภายนอกไป ตามอาชีพ ตามสไตล์ของตัวละคร แต่ผมพยายามดีไซน์จากข้างในตัวละครมากกว่า ผมสร้างพื้นฐานตัวละคร ตั้งแต่เกิดจนโต อย่างเช่นตัว ตะวัน เขาเกิดมายังไง เกิดในครอบครัวที่แม่ค่อนข้างยุ่งกับการทำงาน เขาก็เป็นคนที่ขาดความรัก ในวันที่แม่ของเขาเริ่มก่อตั้งบริษัท ไม่มีเวลาให้เขาเลย ผมก็พยายามหาก้อนความรู้สึกนั้น ว่าเขาจะต้องรู้สึกอะไร แล้วก็เห็นภาพสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งเขาก็จะเติบโตขึ้น จนบริษัทของแม่ ประสบความสำเร็จ นี่แหละ แม่มีเวลาให้เราแล้ว แต่สุดท้ายแม่ก็ไปมีสามีใหม่ ก็คือ พัชระ (อ้น-สราวุธ พุทธาร มาตรทอง) ผู้ชายที่หน้าตาดี ซึ่งแม่เราอายุเยอะแล้ว เราก็เลยแอนตี้พัชระ เราไม่มีทางเชื่อว่าคนหนุ่ม หน้าตาดีอย่างพัชระ จะมารักแม่เรา แล้วที่มันเจ็บกว่าคือที่ผ่านมา แม่ไม่เคยมีเวลาให้เราเลย แต่แม่กลับมีสามีใหม่ มันเลยทำให้เขาไปเรียนเมืองนอกดีกว่า เพราะน้อยใจแม่ นี่คือปมของตะวัน การเติบโตขึ้นมาของเขาเป็นแบบนี้ ซึ่งเขาคิดว่าชีวิตของเขาต้องดีกว่าแม่ เขาพึ่งพาตัวเองได้ แล้วเขาจะทำให้แม่เห็นว่าเขาอยู่ได้ โดยไม่ต้องมีแม่ เขาก็ไปใช้ชีวิตในแบบเขา เป็นเพลย์บอย เขาไม่รู้ว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง เพราะขนาดแม่ที่เรารัก ยังทำแบบนี้กับเราเลย

ส่วนตัวละครของทิวา พื้นฐานเขาโตมาบนเกาะ ๆ หนึ่ง ที่อยู่กับคุณพ่อมนต์ (พล ตัณฑเสถียร) ที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก เกิดมาจำความได้ก็เจอแต่คุณพ่อ ที่อ่อนโยนกับเขามาก อาศัยอยู่บนเกาะกัน เติบโตมาตามสภาพแวดล้อมที่มีคุณพ่อ มีวิ (ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร) มีคุณอาวินัย (โชคชัย เจริญสุข) เขาโตอยู่ด้วยกันมาแบบนี้ ผมพยายามสร้างสตอรี่ คิดตามพื้นฐานตัวละคร เพื่อให้รู้จักตัวละครให้มากขึ้น เขาโตมาก็มีความรักความถูกต้อง
ซึ่งจะเห็นว่าสองคนนี้ ตะวัน กับ ทิวา มีจุดเริ่มต้นชีวิตที่ต่างกัน เรียกว่าผมมีคัมภีร์ของตะวันเล่มหนึ่ง แล้วก็มีคัมภีร์ของทิวาอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุกครั้งที่ผมแค่มอง ผมก็รู้แล้วว่าผมต้องเป็นใคร คือผมพยายามทำความเข้าใจ สร้างพื้นฐานตัวละครให้กับตัวเอง ให้แน่นที่สุด ส่วนลักษณะบุคลิก กายภาพ มันจะเป็นไปของมันเอง ถ้าข้างในเราแน่นพอ ไม่ว่าจะเป็นการเดินของทิวา ที่เป็นตำรวจ ต้องก้าวเท้าอย่างมั่นคง ต้องพร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา วิธีคิดของตำรวจ วิธีการมอง ความนิ่งของลมหายใจ การประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ของคนที่ปฏิบัติภารกิจมาเยอะขนาดนี้

ส่วนของตะวัน จะเป็นคนที่มีความใจร้อน แต่ไม่ใช่คนที่ใจร้อนแบบโวยวายนะ จะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง อะไรแบบนี้ คือผมพยายามทำความเข้าใจ ข้างในของเราให้มากที่สุด ที่จะทำได้ เพื่อให้คาแรกเตอร์ตัวละครที่เราแสดง มันชัดมาจากอินเนอร์ข้างใน กายภาพภายนอกก็เป็นไปตามบริบทของชีวิตเขาไปประมาณนี้ครับ”

ฉากไหนในละคร ในรอยทราย ที่ประทับใจ

“สำหรับผมจริง ๆ มีหลายฉากมาก คือการเล่นฝาแฝด มันเป็นอะไรที่ต้องบอกว่ายากมาก วิธีการทำงานของผมคือ เวลาเราเล่นที่ต้องมีตัวฝาแฝดเข้าด้วยกัน ผมก็จะคุยกับสแตนอิน ซึ่งสแตนอิน เขาก็จะพูดส่งบทมาให้เรา แต่ความยากของตรงนี้ คือ เราต้องสื่อสารกับสแตนอินก่อน ว่าเราจะเล่นอะไร มวลของก้อนอารมณ์ ความรู้สึกในฉากนั้นมันประมาณไหน รู้สึกอะไร เพื่อให้สแตนอินเล่นส่งมาให้เราได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงไดอะล็อกที่อยากให้สแตนอินพูดส่งมาให้ผมก่อน เพื่อให้มวลอารมณ์มีความต่อเนื่อง หรือสมมติมีตัวละครตัวอื่นในฉากด้วย ก็เพื่อจะให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเมื่อผมต้องกลับไปเล่นอีกตัวหนึ่ง จะได้มีความต่อเนื่อง เป็นเรื่องราวเดียวกัน ผมรู้ว่าตอนผมเป็นทิวา ผมจะพูดอะไร พอผมพูดไปแล้ว ตะวันรู้สึกยังไง รู้สึกกับคำพูดคำไหน ต้องทำหน้ายังไง ผมต้องจำไว้ให้ได้ทั้งหมด ซึ่งบางครั้งความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ มันอาจจะไปได้ไกลมากกว่าที่เราวางไว้อีกก็ได้ ปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์ไป เพราะพอเราสลับไปเป็นตัวฝาแฝดอีกคน เราจำได้แล้วว่าอีกตัวของเราเล่นอะไร เราไปย้อนนั่งดูมอนิเตอร์อีกครั้ง ก็จะเข้าใจความรู้สึก เหมือนเราเล่นตีปิงปอง นี่ก็เป็นความท้าทาย ของการเล่นละครเรื่องนี้หลายฉากมาก ที่ฝาแฝดได้คุยกัน ฉากประทับใจจึงมีเยอะ ประทับใจหลายฉากมาก ๆ ที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมีอาชีพ จนไม่รู้จะพูดถึงฉากไหน แต่อยากจะให้มาติดตามดูกัน ทุกฉากทุกตอนเลย มันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนถึงจุดพีค จนถึงตอนจบแน่นอนครับ ผมก็พยายามเอาความสามารถที่ผมมี มาใส่ในการแสดงให้เต็มที่ นักแสดงทุกคนก็เช่นกันครับ”

เปิดความประทับใจถึง 2 นางเอก ‘ฐิสา’ กับ ‘สกาย’

“กับฐิสาก็มีที่ประทับใจมากเช่นกัน หลายฉากเลย ผมเคยดูละครที่ฐิสาเล่น ผมไม่เคยเห็นเขามีเลิฟซีนมากมายเลยนะ แต่เรื่องนี้เขาเล่นกับผม คือเขาเป็นคนเรียบร้อย เวลาจะเล่นอะไรทีผมก็เกรงใจเขา จะเล่นอะไรต้องบอกเขาก่อน กลัวเขาตกใจ จะอธิบาย เช่น เล่าให้เขาฟังว่าเส้นเรื่องความรักมาถึงจุดนี้แล้วนะ ถ้าเป็นชีวิตจริง ความสัมพันธ์มันต้องไปถึงขั้นไหน แล้วพอต้องมีฉากเลิฟซีน ที่ต้องเล่น ผมก็เซอร์ไพรส์นะ ผมก็อุ้ย ฐิสาเล่น คือประทับใจมาก ดีใจมาก ไม่ใช่ว่าดีใจที่เขามาจูบ แต่ดีใจที่ผมได้ทำงานกับมืออาชีพที่เคารพในความรู้สึกของตัวละคร ที่เขาปล่อยไปตามธรรมชาติที่มันออกมาจากข้างในของตัวละคร คือดีใจที่ได้มาเจอนักแสดงทุกคน

ฐิสาเป็นคนที่ไม่ผิดหวังเลย เขาถือเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง เพราะเขาเข้าวงการก่อนผม ซึ่งเราก็เคยได้ดูผลงานมา แล้วก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานกันครั้งนี้ เป็นคนตั้งใจทำงาน เวลาเข้าฉากเป๊ะมาก บทไม่เคยถือ สิ่งที่เซอร์ไพรส์ดูภายนอกเขาเป็นคนดูเรียบร้อยมาก พูดจาสุภาพ คำหยาบไม่เคยมี ซึ่งในฉากเลิฟซีน เราก็กลัว เพราะถ้าในฐานะตัวละคร อารมณ์ความรู้สึกมันต้องก้าวหน้าไป เพราะว่ามันถึงเวลาแล้ว ความรักมันอิ่มตัว แล้วก็จะแต่งงานกันแล้ว ผมก็กลัวว่าเขาจะไม่กล้าเล่น ไม่กล้าให้ตัวละครขับเคลื่อน แต่พอมาเล่นจริง ๆ เฮ้ย เขาปล่อยอารมณ์อินเนอร์ไปตามตัวละคร เอ่อ…มืออาชีพมาก ไม่ผิดหวังเลยกับฐิสา

สกาย (สกาย มาเรีย) ที่รับบทเป็น เกรซ ประทับใจหลายฉากมาก ตอนอ่านบท เราก็เห็นประมาณหนึ่งว่าคาแรกเตอร์เขาเปรี้ยวซ่า แต่พอไปเล่นด้วยกัน สกายทำให้ผมประทับใจมาก คือน้องพาตัวละครไปได้ไกลกว่าบทที่เขียน น้องเป็นน้องใหม่ เล่นไม่กี่เรื่อง แต่ฝีมือเก่งมาก เล่นด้วยกันแล้วมีความสุข ฉากเลิฟซีนก็น่ารัก แล้วก็มีฉากที่ไปดริ๊งค์กัน ไปกินหมูกระทะ แล้วเมาเหล้าขาวกัน คือน้องสกายเขาเล่นเมาได้เหมือนมาก จินตนาการได้สมจริงมาก ยอมรับเลย น้องเล่นสู้ตายมาก แล้วก็มีความประทับใจหลาย ๆ ครั้งที่เข้าฉากกับสกาย เขาก็มีอะไรเซอร์ไพรส์ตลอด เวลาที่เราคุยกันหน้าฉาก ว่าอยากพูดอะไรก็พูดนะ ปล่อยให้อารมณ์ตัวละครมันขับเคลื่อนจากข้างในออกมาเลยนะ ผมต้องการให้ฉากเป็นแบบนี้ อยากจะเล่นออกมาก็เล่นไป ไม่ต้องห่วงพี่นะ คือการเล่นละคร เหมือนเราเล่นชีวิตจริงที่มันเป็นละคร น้องอยากพูดอะไรน้องพูดเลย แล้วบางครั้งมันเกิดเซอร์ไพรส์ขึ้นในฉากที่เราพากันเดินเรื่องในฉากนี้ไป แต่มันน่ารัก อยากให้ติดตามดู”

พูดถึงความประทับใจกับนักแสดง “ในรอยทราย”

“จริง ๆ ผมประทับใจทุกท่านเลยครับ ผมดีใจมาก ๆ ที่ครั้งหนึ่งในอาชีพนักแสดง ได้มาเจอกับนักแสดงที่เก่ง และน่ารักทุกคน รวมถึงทีมงานที่น่ารักมาก ๆ คือเราถ่ายละครมาเยอะแล้ว หลายเรื่องแล้ว มันมีพบ มีพราก มีจาก คือมันเป็นการมาอยู่ด้วยกันช่วงหนึ่ง แล้วก็จากกัน จนมันชินแล้ว แต่พอมาเรื่องนี้ผมรู้สึกคิดถึงพี่ ๆ น้อง ๆ นักแสดงทุกคน คิดถึงทีมงานทุกคน แล้ววันเลี้ยงปิดกล้อง ก็มารู้ว่าผมก็ไม่ได้คิดแบบนี้อยู่คนเดียว กลายเป็นว่าทุกคนคิดถึงกันมาก เจอหน้า เห็นแววตา รู้เลย ทุกคนกอดกัน เรียกชื่อกัน คือผมมีความสุขมาก ที่ครั้งหนึ่ง ได้มาทำงาน ร่วมงานกับทีมงาน และนักแสดงเรื่องนี้ เวลาไปกองถ่าย ไม่ค่อยมีใครอยากจะกลับบ้าน อยากนั่งดู นั่งคุยกันชิล ๆ ก่อน คือบรรยากาศการทำงานมันรีแลกซ์มาก

แล้วก็ดีใจมากที่ได้มาเจอผู้จัดที่น่ารัก และเข้าใจ ซึ่งพี่กีต้าร์ (ศิริพิชญ์ วิมลโนช) เป็นผู้จัดที่เถิดเทิงมาก เป็นคนน่ารักมาก มีความสบาย ๆ ให้สิทธิ์ทุกคนในการทำงาน ผมชอบนะ ทุกคนสามารถปลดปล่อยความคิดได้อย่างอิสระ มีไอเดียออกมาเต็มที่ สำหรับผม นี่คือการทำงานที่ดี ทั้งผู้จัด และผู้กำกับ คือฟีลมันจะเหมือนว่าใครมีอะไรในกระเป๋า พี่กีต้าร์ให้ล้วงออกมาหมด หมายถึงความสามารถ ใครมีความสามารถอะไรในกระเป๋า ล้วงออกมาวางบนโต๊ะให้หมด แล้วเอามายำใส่กันในเรื่องนี้ นี่คือสุดยอดผู้จัดของเราครับ พี่กีต้าร์ และในเรื่องเขามาเล่นด้วย เล่นเป็นน้าของผม ส่วนพี่วี (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) จะคอยเป็นห่วง ซัปพอร์ตอยู่ห่าง ๆ คอยถามไถ่ บางครั้งตัวเขาไม่ได้มากอง จะคอยถามไถ่ ผมประทับใจทุกคนจริง ๆ ครับ รวมถึงนางเอกของผม ฐิสา, สกาย ดีใจมากที่ได้มาทำงานร่วมกัน มันจะมีละครสักกี่เรื่อง ที่ผมจะได้มีนางเอก 2 คน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 แล้ว

และได้มาเจอน้อง ๆ น้องทศ (รวิศชา ปัญจวิชญ์) น้องบอส (นวไพบูลย์ วุฒินานนท์) เต้นติ๊กตอกกัน ได้มาเจอพี่อ้น (สราวุธ พุทธาร มาตรทอง) ที่ต้องบอกเลยว่าฝีมือการแสดงเก่งมาก ๆ ผมได้วิชาเยอะเลย เพราะเข้าฉากด้วยกันเยอะ มีอะไรมาให้เซอร์ไพรส์ตลอด พี่พล (พล ตัณฑเสถียร) นี่ก็เจอตั้งแต่ผมยังเป็นวัยรุ่น เวลาผ่านไปพี่เขาก็ยังหล่อเหมือนเดิม เรื่องนี้มาเล่นเป็นพ่อของผมครั้งแรก ตอนเจอกันในฉากครั้งแรก ผมรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นพ่อของผมจริง ๆ พี่พลอบอุ่นมาก เป็นพ่อที่น่ารักมาก แล้วก็พี่แพร์ (แพร์รัชนี ศิระเลิศ) ที่เล่นเป็นคุณแม่ พี่แพร์นี่ก็เถิดเทิงเหมือนกัน หรือพี่ซ้ง (ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์) เป็นผู้กำกับที่ชิลมาก เป็นผู้กำกับที่มีอิสระในด้านของความคิด คุยกันรู้เรื่อง คุยกันเข้าใจ มีพี่เต๋า ดราก้อนไฟว์ (อดิศร อรรถกฤษณ์) นี่ก็เป็นอีกคนที่เจอกันที่ไร คลิปติ๊กตอกต้องมา แล้วก็มีพี่สุเมธ (สุเมธ องอาจ) มีพี่ครีม (เปรมสินี รัตนโสภา) ซึ่งพี่ครีมตอนเด็ก ๆ ผมชอบมาก ตอนนี้ได้มาทำงานด้วยกัน เหมือนฝันเลยและอีกหลาย ๆ คน ขอบคุณพี่ ๆ มาก ๆ ได้วิชาจากพี่ ๆ ทุกคนเลย คือ ดีใจที่ได้มาเจอทุกคนในกองถ่ายเรื่องนี้ ไปถ่ายที่ทะเล ถ่ายเสร็จแล้ว ยังปาร์ตี้ ร้องเพลงกัน ทีมงานนักแสดงเอ็นจอยด้วยกัน อยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัว ผมทำงานมีความสุขมากจริง ๆ คือเราทำงานกันอย่างมีความสุข ผมก็เชื่อว่าความสุขนี้ จะส่งถึงคนดู ผ่านละคร ในรอยทราย ได้อย่างแน่นอน”

คำว่า พระเอก ในความหมายของ ไมค์ คืออะไร

“ถ้าเป็นตัวบุคคล ผมนึกถึง อาแอ๊ด (สมบัติ เมทะนี) พระเอกตัวจริง อันนี้คือสมองผมเห็นภาพอาแอ๊ด ออกมาทันทีเลยนะ แต่ถ้าพูดถึงในความหมายของคำว่า พระเอก คืออะไร สำหรับผม พระเอก คือตัวอย่างของคน เป็นต้นแบบของสังคม เนี่ยเขาถึงเรียกว่าพระเอกตัวจริง สำหรับในความคิดของผมนะ”

ทำไมถึงต้องดูละคร ‘ในรอยทราย’

“ละครเรื่องนี้ผมว่าเป็นละครของ ช่อง 7HD ที่ต่างจากเรื่องอื่น ทั้งโปรดักชั่น มุมภาพที่ถ่ายทอดออกมา การสื่อสารของบท การเล่นของนักแสดงมากมาย นักแสดงรุ่นใหญ่แต่ละคน ฝีมือคุณภาพทั้งนั้น เป็นอะไรที่แปลกใหม่ ผมว่าคุ้มค่า คุ้มเวลากับการอยู่ดูมาก ๆ ยังไงก็ฝากด้วย ผมว่าเป็นละครที่ทุกคนตั้งใจมาก ทุกคนทำการบ้าน เอาประสบการณ์ที่มี จะมาก น้อย เอามาใส่รวมกันในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ผู้กำกับ ผู้จัด คนเขียนบท ทุกคนมีส่วนร่วมกับละครเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ในบทบาทของตัวเอง คือทุกคนตั้งใจเต็มที่ กับการทำงานมาก ๆ บรรยากาศในกอง มีความสุข เป็นละครที่หลายสิบชีวิตรวมพลังกัน เพื่อให้เกิดผลงานละครเรื่องนี้ขึ้นมา อยากให้ได้ดูกัน ถ้าพูดถึงเรื่องราวในละคร ต้องบอกว่า มันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกตอน ทั้งภาพ การตัดต่อ บท นักแสดง อยากให้ดูกัน แล้วก็ในฐานะนักแสดง หรือไม่ว่าจะทั้งผู้จัด ผู้กำกับก็ตาม เราทำงานกันเต็มที่ ให้ดีที่สุด ภายใต้ทรัพยากรที่เรามี อยากให้ดูกันจริง ๆ และอย่าใจร้อน ค่อย ๆ มามีส่วนร่วมอยู่กับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นในละคร ในรอยทราย แล้วมาร่วมพัฒนาความสนุกไปพร้อม ๆ กัน รับรองว่าเราไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน”

อยากขอบคุณแฟน ๆ ที่ติดตามว่ายังไง

“ฝากขอบคุณแฟน ๆ นะครับ ที่ติดตาม ละครของพวกเรา และมีความสุขกับละครของเรา เราเองในฐานะคนแสดง เราก็มีความสุขมากที่แฟน ๆ มีความสุขกับละครของเรา ฝากติดตามไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนจบเลยนะครับ รับรองว่าพีคทุกตอน ติดตาม ในรอยทราย ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 นะครับ”

เอาเป็นว่า ระหว่าง ทิวา กับ ตะวัน ใครจะเลือกอยู่ทีมไหน ลองถามใจดู กระซิบบอกตรงนี้ว่า แม้นิสัย บุคลิก อาจจะผิดแผกแตกต่าง ทว่าความหล่อ และเท่ สูสีสุด ๆ ชนิดกินกันไม่ลงเลยทีเดียว