
"เจสซี่-กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์" เปิดใจแบบหมดเปลือกในรายการ WOODY FM ถึงเส้นทางในวงการบันเทิง บทเรียนชีวิตจากเวทีนางงามที่ไม่มีมงกุฎเป็นเครื่องวัด ให้ความสำคัญกับการเป็นตัวเอง เคยพังทั้งกายพังทั้งใจ เผยช่วงต่ำสุดของชีวิต การรับมือกับความผิดพลาด และการก้าวข้ามความล้มเหลว
"ดีใจที่ตัวเอง คือเราเป็นตัวเองมาตลอด ไม่ว่าคนอื่นจะนึกยังไง คือตอนเด็กควรที่จะแคร์ความรู้สึกมากกว่านี้ แต่ตอนมองกลับไปเราเป็นตัวเองในทุกๆเวอร์ชั่นเลย ตอนเด็กแล้วก็มั่นใจอยากทำ โตมาอีกหน่อยก็เริ่มนอยด์นิดหนึ่งว่าคนไม่เข้าใจ แล้วก็มีโอกาสประกวดเวทีนางงาม ก็รู้สึกว่าคนเข้าใจมากขึ้น แต่ทุกขั้นตอนเป็นตัวเองมากๆ ไม่มีสักครั้งหนึ่งที่คนอื่นบอกให้ทำอย่างนี้แล้วเราทำแล้วเรากลับมานึกว่านั่นไม่ใช่ฉัน ดังนั้นมันเลยเป็นการเดินทางที่แท้จริงมากๆ มันเป็นการเดินทางของเด็กคนหนึ่งที่แบบ ชีก็อยากเป็นอย่างงี้ ชีอยากทำอย่างงี้ แล้วมันมองกลับไปได้จริงว่าทำตามที่เราอยากทำ
ตอนเด็กอาจจะดื้อไม่อยากฟัง เหมือนตอนนั้นจะเข้าช่องต่างๆ เขาบอกว่าคุณต้องเรียบร้อยมากกว่านี้ลงรูปชุดว่ายน้ำไม่ได้ เพราะตอนนั้นหนู 16-17 และในโรงในโรงเรียนนานาชาติมันเป็นเรื่องปกติ แล้วเขาจะแบบคุณทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นนางเอกไม่ได้ งั้นก็โอเคไม่เป็นไร ก็เลยยอมรับเลยว่าอาจจะดื้อไม่เอาดีกว่า แต่ตอนโตมารู้สึกว่าเรารู้จักตัวเราดีที่สุด
ไม่ได้มั่นใจว่าทุกอย่างที่ทำคือถูก แต่รู้ว่าผิดหรือถูกได้เรียนรู้ ดังนั้นถ้าทำอะไรที่มันเยอะไป ส่งผลกระทบคนเยอะแล้วมันผิดได้เรียนรู้ แต่ถ้าคุณไม่ให้ฉันเรียนรู้เลย แล้วคุณมาไกด์ตลอด วันหนึ่งถ้าเจสซี่ไม่ได้อยู่ในวงการหรือมีผู้จัดการ คนที่รักเราเยอะขนาดนี้มาเตือน หนูอาจจะพังไปเลยก็ได้ ดังนั้นก็คือเรียนรู้ไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าตอนหนูเจ็บไม่มีใครมาเจ็บแทนหนูได้ ตอนที่คนอื่นบอกอะไรเราแล้วเราทำตามแล้วมันผิด เราจะกลับไปโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะเป็นคนเลือกที่จะฟังเขาเอง ดังนั้นคือมันไม่ใช่ไม่ฟังคนอื่นเลย แต่จะยึดว่าสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันอาจจะเหมาะกับฉัน ไม่ใช่ว่าหนูจะทำตามการเดินทางของทุกคน หรือดารานางเอกทุกคนมันไม่เหมือนกัน แต่ว่าถ้าให้ปั้นเป็นอย่างงั้นหนูคงไม่ได้ เพราะว่าความรู้สึกมันไม่ได้
ช่วงที่ได้รับความกดดันเยอะ จริงๆ รู้สึกโชคดีแล้วก็ขอบคุณแล้วกันที่คนยังใส่ใจอยู่ เพราะว่าในวงการนี้จะเป็นธรรมชาติที่คนสวยคนเก่งกว่าเราจะมาใหม่ทุกๆวันนะคะ แล้วบางทีมันเหนื่อยที่เจสซี่จะต้องพยายามให้คนยังสนใจอยู่ เจสซี่มองว่าการประกวดต่างๆ ภาพมันสวยงามจริงจากคนที่ดูภายนอก แต่จากคนที่ประกวดมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด มันเป็นประสบการณ์ที่ดีและเจสซี่เรียนรู้เยอะมากๆ จากประสบการณ์นี้ ดังนั้นเลยมองว่าเสียงของคนภายนอกทั้งสิ่งดีและไม่ดีรับรู้แต่แค่จบที่รับรู้จะไม่เอามาใส่ใจ คือมองว่าเขาไม่รู้ว่าเราผ่านไปยังไง ตอนที่เราดิ่งมากๆ หรือตอนที่ป่วยครั้งที่แล้วที่ต้องผ่าตัดหลัง เจสซี่จำได้คนมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลไม่ถึง 10 คน แต่ว่าคนติดตามเราเป็นล้าน แล้วคนอยากให้เชียร์โน่นนี่นั่น แต่ตอนเราป่วย คือเข้าใจมันคือธรรมชาติของมนุษย์ที่เขาไม่รู้เพราะเขาไม่ได้เจ็บเหมือนเรา แต่ความคิดเจสซี่มองว่าสุขภาพกายและใจสำคัญที่สุดในทุกๆอย่าง การที่คุณจะประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่แค่คุณมีชื่อเสียงหรือเงินทองเลย แต่ความสำเร็จของเจสซี่ คือ นอนหลับได้ มีความสุข มีเงินพอที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ทานอาหารทุกอย่าง พ่อแม่มีความสุข เจสซี่เป็นคนดีให้คนรอบข้าง และเจสซี่มีคนรอบข้างนั่นคือความสำเร็จ ไม่ใช่ต้องมีมงกุฎ ไม่ใช่จะต้องอะไรที่มันมากกว่านั้น เจสซี่เข้าใจว่าการที่เราให้คือสิ่งที่ดี เช่น เราได้มงกุฎ เราทำดีกับทุกคน หรือว่าคนรอบข้างคงภูมิใจในตัวเรา แต่นั่นไม่ใช่สูงสุดของเจสซี่ มันเป็นสิ่งที่เจสซี่คงจะภูมิใจในวันหนึ่งถ้าเราได้รับอันนั้นมา ภูมิใจมากๆ ภูมิใจให้ประเทศเพราะเราเป็นตัวแทน แต่มันไม่ได้แปลว่าคุณสำเร็จในชีวิตนี้ถ้าคุณมีการงานที่ดีหรือเงินหรือมงกุฎ ก็เลยมองว่าเข้าใจคนภายนอกที่อินกับกระแสต่างๆ และอยากให้เจสซี่ลงประกวด ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณเลยที่เห็นศักยภาพ แต่ต้องดูว่ามันคุ้มหรือเปล่ากับสิ่งที่เราต้องแลก ทุกอย่างมันต้องแลก เจสซี่คิดนะคะว่าทุกอย่างในชีวิตมันต้องแลก ไม่ใช่ทำแล้วได้มงกุฎ คือมันไม่ได้เป็นอะไรที่มันแย่หรือดี แต่มันแล้วแต่คนว่าคนๆนั้นยอมที่จะแลกอะไรเพื่ออะไร และในตอนนี้ที่ร่างกายยังไม่ได้ดีและเคยหลังหักมาแล้วขอยังไม่แลก แต่ไม่ได้แปลว่าในอนาคตเราจะไม่ทำอะไรเลย แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ว่าฟังดูทุกๆอย่าง มันแล้วแต่ๆ ละคนว่าอะไรคุ้มหรือไม่คุ้ม ในทุกๆ อย่างด้วย
คือหลังหักเลยพี่วู้ดดี้ ไม่ทราบว่าจากอะไร แต่ว่าเจซี่เป็นนักบัลเล่ต์มาตั้งแต่เด็กใช่ไหมคะ แล้วพอทราบอีกว่า หนูเป็นโรคกระดูกสันหลังคด ก็คือหลังมันจะมีการแอ่นที่ผิดปกติแต่ก็ไม่ได้นึกอะไรมาก แล้วเราไปประกวด แล้วคนก็มักจะชมว่าการเดินเจสซี่ดี เดินขาตึง แต่คุณหมอบอกว่าการที่เดินขาตึงนั้นน่ะมันไป กดทับในหลังคุณที่พังอยู่แล้ว คือคนที่หลังไม่พังอาจจะไม่ได้เจอ แต่ว่าไปกดทับในจุดที่มันกำลังจะเสื่อมอยู่แล้ว และการที่ทำอย่างงั้นทุกๆวัน แล้วก็ไม่ดูแลตัวเอง ไม่ทานอาหารให้เพียงพอ ไม่นอนให้เพียงพอทำไปเยอะๆ มันเลยไปทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเลยเคลื่อนไปทับเส้นประสาททำให้เท้าชาแล้วจริงๆไม่เจ็บที่หลังเลยตอนนั้นนะคะ งงว่าทำไมเท้าถึงชา นึกว่าเกิดขึ้นจากรองเท้าส้นสูงก็เลยไปหาคุณหมอหลายท่านอยู่ แล้วก็ไปเจอท่านหนึ่งบอกว่าเข้าเครื่อง MRI เลยดีกว่า ตอนนั้นกลัวมาก เพราะว่าตอนนั้นหนูแพ้แล้ว หนูก็นอยด์ เพราะว่าหนูแพ้ทุกอย่างมาตลอดเลย ทำอะไรหนูก็แพ้ งงว่าทำไมคนชมว่าเราเก่งๆ แต่เราแพ้ทุกอย่างเลย แคชต่างๆไม่เคยได้ ประกวดนางงามทั้งๆที่แบบคะแนนก็ดีนะ กระแสก็โอเคนะก็แพ้ แต่ไม่ได้บอกว่าหนูควรชนะคือเข้าใจ แต่การที่มันมาเยอะๆ มันเลยกลายเป็นว่าหนูก็แค่นอยด์ เราพยายามสุดจริงๆ หนูเป็นคนสุดกับทุกอย่างจนคนบอกว่าเยอะ แต่โอเคหนูชอบที่จะเป็นคนเยอะ หนูทำมันด้วยใจจริงๆ จะไม่มีใครพูดว่าแบบเราขี้เกียจ หรือไม่เต็มที่ ขอให้เยอะ คือขอบคุณด้วยซ้ำที่แบบบอกว่าเยอะดีแล้ว ก็เลยนอยด์มากก็เลยผ่าตัด คือ 2-3 วันหลังจากที่ทราบว่าหลังพังก็ผ่าตัด แล้วตอนนั้นเหมือนมีภาระด้วยเรื่องสัญญาต่างๆ งานก็ทำไม่ได้ จะเอาเงินจากไหนไปจ่ายเขา หลังก็หัก แทนที่คุณจะมีงานต่อหลังจากการประกวดนี้ กลายเป็นแบบเห็นคนอื่นประกวด คุณนอนอยู่โรงพยาบาล งานก็ทำไม่ได้ ในแง่จิตใจอยู่ในช่วงแย่ที่สุดในชีวิต ไม่นึกว่าการผ่าตัดจะส่งผลกระทบให้จิตใจได้ขนาดนี้ค่ะ รู้สึกว่าผ่าตัดเสร็จแล้ว ฝึกเดินแป๊บนึงเจสซี่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่เลย ก็เลยมีทางออกเจสซี่ถึงเริ่มมาไลฟ์อะไร มันก็เลยเป็นโมเมนต์น่ารักๆ ต่างๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จ อาบน้ำ เป็นเวลาที่จะอยู่กับตัวเองในห้องนอน ก็ไลฟ์ตอนแรกๆก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่างๆ มีมต่างๆนะคะ เราก็แค่ไลฟ์ เพราะว่าเราไม่ได้สามารถไปทำงานได้ แล้วก็มันเป็นช่วงที่ด้อมของเจสซี่จากการประกวด เหมือนอาจจะเป็นห่วงเราด้วยแหละ แต่เราไม่มีผลงานให้เขา เจสซี่รู้สึกผิด ออกไปไหนไม่ได้ใส่ส้นสูงให้เขาดูไม่ได้ เดินแบบให้เขาดูไม่ได้ ทั้งๆที่นี่คือคนที่สนับสนุนเจสซี่ ก็เลยมาไลฟ์ละกันอย่างน้อยมันจะได้คุยกันได้ค่ะ ก็คุยกันในนั้นแล้วมันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่ดี ตอนแรกก็มีคนต้านเรื่องนี้เหมือนกันว่าอย่าไลฟ์มาก มันดูแบบไม่แพงอะไรอย่างงี้ เพราะว่าเราไม่ใช่อินฟลูเอนเซอร์อะไรอย่างงี้นะ แต่เจสซี่มองว่าทำอะไรมันแล้วแต่คนนะคะ มันจะทำตามแบบแผนไม่ได้ ว่าทำอย่างงี้ดีคือไม่ดี เจสซี่ก็ยึดถือสิ่งนี้เหมือนกัน เจสซี่ก็จะไลฟ์อยู่ เพราะว่า 1 ไม่ได้มีอะไรทำ เพราะว่าป่วย 2 ไม่มีเพื่อนคุยด้วยที่บ้านก็เลย ก็เลยไลฟ์ มองว่ามันไม่เสียหายอะไร ก็เลยกลายเป็นสิ่งที่ดีจากการที่เราตามใจตัวเอง
เรื่องดีจากการที่ไม่ชนะคืออะไรเหรอ การเรียนรู้ว่าความล้มเหลวคืออะไร การรับมือกับความล้มเหลวตั้งแต่อายุน้อย ทำให้เราเข้าใจว่าความผิดหวังคืออะไร และเข้าใจตัวเองด้วยว่ายูเป็นคนยังไง ตอนที่ยูเจอความผิดหวัง คนนี้ดีลกับมันยังไง ไม่ใช่คุณได้ทุกอย่างมาตลอดหรือมันง่ายมาตลอด แล้ววันหนึ่งเจออะไรผิดหวังขึ้นมา ร่างกายฉันไม่รู้ว่าจะอะไรยังไงค่ะ ก็เลยสิ่งหนึ่งที่ได้มาแล้วขอบคุณมากๆคือเราเข้าใจตัวเอง รู้ว่านิสัยเป็นยังไง ตอนนอยด์ ตอนแพ้นิสัยเป็นยังไง และร่างกายเราต้องการอะไร ณ ตอนนั้น"




ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เฟิร์สวัน' ร่ายยาวซี้แจงปมแต่งตัวแนวเฟมินีน
จากประเด็นดรามาที่มีการถกเถียงกันใน X กรณีของนักแสดงซีรีส์วายค่ายดูมันดิ เฟิร์สวัน-วรรณกร เรืองรัตน์ ที่มีการแต่งตัวแนวเฟมินีนและเสิร์ฟจริตที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ แถมยังมีบางคนโยงไปว่าเฟิร์สวันหากินกับอัตลักษณ์ ของคนในคอมมู LGBTQIA+ ซึ่งล่าสุดทางด้านเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
เหล่าผู้ประกาศ 'ช่อง3' เสิร์ฟฉ่ำ ทำถึง ปฏิทินครอบครัวข่าว 'มุ่งมั่น มั่นคง มั่งมี'
ปฏิทินครอบครัวข่าว ประจำปี 2569 ปีนี้ มาในรูปแบบแขวน ซึ่งได้จัดทำกันต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 แล้ว และยังคงคอนเซปต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยการรวมตัวกันของทีมผู้ประกาศข่าวคุณภาพของทางช่อง 3 นำทีมโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา - พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ จากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ กรรชัย กำเนิดพลอย - อริสรา กำธรเจริญ จากรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว 'โอ๊ต วรวุฒิ' ขายรถ-บ้าน-ที่ดิน ต่อลมหายใจ
อดีตดาวร้ายวัยเก๋า "โอ๊ต-วรวุฒิ นิยมทรัพย์" ประกาศขายทรัพย์สินผ่านทางโซเชียล ท่ามกลางความห่วงใยจากแฟนๆละคร ถึงปัจจัยในการขายสมบัติทิ้ง ล่าสุดขอควงลูกชายคนเล็ก "น้องโอเลิฟ" มาอัปเดตชีวิต พร้อมเผยทุกมรสุมชีวิตผ่านรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23
'เช่ The Richman Toy' กับบทบาทใหม่ บริหารค่ายเพลง 'Talent Management'
เป็นอีกหนึ่งศิลปินมากความสามารถในบทบาทที่หลากหลาย สำหรับ “เช่-อัคราวิชญ์ พิริโยดม” มือเบสวง “The Richman Toy” ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน, นักดนตรี, อาจารย์, นักธุรกิจ ล่าสุด เช่ กับบทบาทใหม่นั่งแท่นบริหารค่ายเพลง “Talent Management” หรือ TM ชูแนวคิดสร้าง Home of Music Longevity ทางดนตรีที่แข็งแรง ปลอดภัย และยั่งยืนให้ศิลปินและคนทำงานสายดนตรี
'บอม Retrospect' วอนทุกคนหยุดซื้อ-ขาย 'บัตรรีเซล'
กำลังเป็นประเด็นร้อนในวงการเพลงเลยทีเดียว สำหรับการที่มีคนฉกฉวยโอกาสกว้านซื้อบัตรคอนเสิร์ตเพื่อมาเก็งกำไรต่อ หรือมีแม้กระทั่งการนำบัตร “ห้ามจำหน่าย” ที่เป็นของสปอนเซอร์หรือของแขกพิเศษในงานมาขายต่อให้แฟนคลับ ทำให้หลายๆคอนเสิร์ตนั้น แฟนคลับที่กดบัตรไม่ทันต้องยอมจำใจซื้อบัตรที่ราคาแพงจากบุคคลเหล่านี้เพราะอยากดูศิลปินที่ชื่นชอบ แม้หลายครั้งศิลปินจะออกมาพูดว่าไม่สนับสนุนการกระทำดังดังกล่าวก็ตาม
'หน่อย ณัฐนี' ปลุกตำนาน 'วิ่งลงโอ่ง' คัมแบ็กในรอบ 14 ปี กับ 'ปอบดิ๊บดิบ'
เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ยังมีลมหายใจและไม่เคยถูกลืม คำนี้ไม่เกินจริง!! สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “หน่อย–ณัฐนี สิทธิสมาน” หรือ “แม่หน่อย” ผู้สร้างปรากฏการณ์ “ปอบหยิบ” มานานกว่า 36 ปี

