หญิงไทยประสบ "สุญญากาศ" เรื่องสัญชาติ บินกลับจากไต้หวัน อาจารย์ มธ.จี้หน่วยงานรัฐเร่งช่วยเหลือ-เยียวยา เชื่อ 90 วันได้คืนสัญชาติไทย รมว.พม.ประสานขอข้อมูล
8 เมษายน 2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีคนไทยกำลังประสบความยากลำบากเพราะตกอยู่ในสุญญากาศของรัฐ จากคนไทยกลายเป็นคนไร้สัญชาติในขณะอยู่ต่างประเทศ และอีกหลายคนแม้จะยังมีสัญชาติไทยแต่ก็ไม่ได้รับคุ้มครองอย่างที่ควรจะเป็น
ล่าสุดได้รับการเปิดเผยจากบงกช นภาอัมพร นักศึกษาปริญญาเอก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นซึ่งกำลังศึกษาประเด็นคนไทยไร้สัญชาติในต่างประเทศ ซึ่งติดตามกรณีดังกล่าวได้ระบุว่าในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้สุดารัตน์ ไชยฝาง หญิงชาวมูเซอแดง วัย 45 ปี จากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ถูกจับแต่งงานกับหนุ่มชาวไต้หวันที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยได้ยื่นขอสละสัญชาติไทยเพื่อจะขอสัญชาติไต้หวันตามสามี และรัฐไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทยให้สละสัญชาติไทยได้ แต่ยังไม่ทันที่สุดารัตน์จะได้สัญชาติก็ต้องทะเลาะกับสามีและถูกสามีฟ้องหย่าจึงไม่มีสัญชาติทั้งไทยหรือไต้หวันและต้องอยู่อย่างยากลำบาก โดยสุดารัตน์จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย
บงกชกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสุดารัตน์ที่เดินทางกลับถิ่นฐานบ้านเกิดเพราะจากประเทศไทยเป็นเวลานานถึง 27 ปี และครั้งนี้ไม่ได้กลับไปอยู่ในชุมชนมูเซอแดงที่คุ้นเคยเพราะไม่มีใครรอเธอกลับโดยต้องไปอยู่กับพี่ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในจังหวัดชลบุรี
ด้าน รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุทนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าหน่วยงานรัฐสามารถช่วยเหลือและเยียวยาสุดารัตน์ได้ และเป็นหน้าที่ทั้งตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งอาจสรุปหน้าที่ของส่วนราชการของรัฐไทยออกเป็น 3 ช่วงเวลา กล่าวคือ 1 ในช่วงที่ยังอาศัยอยู่ในต่างประเทศ 2ในช่วงที่กลับมาถึงประเทศไทย และยังไม่ถือสัญชาติไทย และ 3 ในช่วงที่ถือสัญชาติไทยแล้ว
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ฯกล่าวว่า ในช่วงแรกที่สุดารัตน์ยังอาศัยอยู่ในไต้หวัน และประสบปัญหาความไร้สัญชาติในไต้หวัน ก็เป็นช่วงเวลาที่เป็นหน้าที่ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับส่วนราชการของจีนไต้หวัน เมื่อปรากฏว่า สุดารัตน์ไม่มีคุณสมบัติที่จะถือสัญชาติไต้หวันเพราะถูกสามีฟ้องหย่าก็จะต้องไปต่อวีซ่า เพื่อให้มีสถานะของคนต่างด้าวที่เข้าเมืองไต้หวันถูกกฎหมาย แต่เมื่อไม่ได้ทำ จึงทำให้ตกเป็นคนผิดกฎหมายไต้หวัน ทางแก้ไขคือ ต้องไปทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ซึ่ง "อพม.เพื่อคนไทยในไต้หวัน"ได้พาไปจัดการจนมีสถานะบุคคลที่ชอบด้วยกฎหมายคนเข้าเมืองไต้หวันเท่าที่เป็นได้ และอาจเดินทางออกจากไต้หวันในช่องทางปกติทางสนามบินแห่งชาติไต้หวัน
รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์กล่าวว่า สิ่งที่สุดารัตน์ ไม่ได้ทำในวันที่ทางกระทรวงมหาดไทยไต้หวันปฏิเสธที่จะรับรองสถานะคนสัญชาติไต้หวันคือ การแจ้งปัญหาความไร้สัญชาติแก่กระทรวงมหาดไทยของรัฐไทย ผ่านสถานกงสุลไทยในไต้หวัน ซึ่งตอนนี้ ก็กลับมาทำในสิ่งที่ยังไม่ทำแล้ว กระบวนการกลับมาถือสัญชาติไทยโดยการเกิด เพราะเธอเกิดในประเทศไทย ก็จะต้องเกิดขึ้นโดยไม่ชักช้า เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐไทย การแจ้งปัญหาความไร้สัญชาติของคุณสุดารัตน์ก็ทำแล้วโดยหลายฝ่าย โดยเฉพาะทางสถานกงสุลไทยในไต้หวันคงมีรายงานในรายละเอียดไปยังกรมการกงสุลและกรมการปกครองแล้ว
“สุดารัตน์เป็นเพียง “หนังตัวอย่าง” ของมนุษย์ในสังคมไทยในหลายปรากฏการณ์ เช่น เรื่องราวของคนเชื้อสายจีนที่นิยมหาแม่สื่อมาแสวงหาโอกาสสมรสให้บุตรหลาน และเมื่อการจับคู่แบบคลุมถุงชนกันไม่สำเร็จ ทั้งชายและหญิงที่จำเป็นต้องก่อตั้งครอบครัวร่วมกันก็จะประสบทุกขภาวะอย่างมาก”รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าว
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ.กล่าวว่า การไม่มีการศึกษาในระดับที่คิดบนเหตุผลซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้สุดารัตน์หลงไปเชื่อคำแนะนำผิดๆ และตกอยู่ในสถานะคนผิดกฎหมายคนเข้าเมืองไต้หวันมานับสิบปี ซึ่งสุดารัตน์ก็เพิ่งตระหนักในความหลงผิดของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้เอง ความหลงผิดนี้ทำให้ปฏิเสธที่จะจัดการชีวิตตามเหตุผลที่ควรจะเป็น อันนี้เป็นบทเรียนของรัฐไทยและชาวมนุษย์นิยมที่จะเรียนรู้ในการสร้างระบบความคิดที่ถูกต้องให้แก่มนุษย์ที่ตกอยู่ในการใช้อารมณ์แทนเหตุผล ดังนั้น การไปกล่าวโทษ “คนลำบาก” และสมน้ำหน้าโดยไม่ช่วยเหลือคือการสร้างปัญหามากขึ้นให้สังคมไทยนั่นเอง การจัดการปัญหาให้มนุษย์ในสังคมไทยกลับสู่การใช้เหตุผล และการสอนให้เจ้าของปัญหาเริ่มต้นแก้ปัญหาของตนเอง จึงเป็นการจัดการปัญหาที่ยั่งยืน
รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ได้รับการประสานงานจากผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอทราบข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้กฎหมายไทยมีความชัดอยู่แล้วโดยภายใน 90 วัน สุดารัตน์น่าจะกลับมาถือสัญชาติไทยได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลคาดวันหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดหมื่นล้าน
รัฐบาลคาดช่วงหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดกว่าหมื่นล้าน เหตุอากาศเย็นสบาย-มาตรการรัฐหนุนท่องเที่ยวคึกคัก
'ซูเปอร์โพล' ชี้คนไทยพอใจโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยรายงานผลการสำรวจ เรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่งพลัส” จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,248 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา
“อัครา” นำทีม เดินหน้า "พม.ใกล้คุณ" ช่วยกลุ่มเปราะบาง จ.ชลบุรี - เตรียมลงนาม MOU 4 กระทรวง 3 สมาคม อปท. พัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยทั่วไทย 29 ต.ค. นี้
วันที่ 24 ตุลาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)
'บิ๊กต่าย' ให้คำมั่น 'วันตำรวจ' พิทักษ์สันติราษฎร์ทำปชช.สุขใจ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เนื่องในวันตำรวจประจำปี 2568 ในวันนี้ ขอขอบคุณเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้น ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจนถึงผู้ปฏิบัติงาน
'อดีต สว.' ปรบมือให้ 'นายกฯหนู' แนะลุยต่อยกเลิก MOU 43-44
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ประกาศระหว่างลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
'พท.' ชี้ 19 ปี รัฐประหาร 19 กันยาฯ บทเรียนร่วมกันของคนไทย
เพจ "พรรคเพื่อไทย" โพสต์ข้อความในหัวข้อ "19 ปี 19 กันยายน บทเรียนร่วมกันของคนไทย" โดยระบุว่า


