'จิสด้า' เผยภาพเปรียบเทียบพื้นที่น้ำท่วมช่วงสิงหาคมปี 54 และ 65 ต่างกัน 3 เท่าตัว

1 ก.ย.2565 - เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า โพสต์ภาพแผนที่น้ำท่วมพร้อมข้อความระบุว่า #อย่าตระหนกแต่ขอให้ตระหนัก GISTDA เทียบพื้นที่น้ำท่วมไทย สิงหาคม 54 และ สิงหาคม 65 ต่างกัน 3 เท่าตัว!!!

ข้อมูลภาพจากแผนที่แสดงสถานการณ์น้ำท่วมช่วงเดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมขัง 5.59 ล้านไร่ และเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมในเดือนสิงหาคมปีนี้ (2565) พบว่าประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมขังแล้ว 1.85 ล้านไร่ หรือต่างกันราวๆ 3 เท่าตัว

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลกลับไปในช่วงปี 2563 และปี 2564 ของเดือนสิงหาคม จะพบว่าในขณะนั้นประเทศไทยมีปริมาณน้ำท่วมขังน้อยกว่าปี 2565 สาเหตุหลักๆ เป็นเพราะภัยแล้ง อีกทั้งปีนี้ (2565) ฝนมาเร็วซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ลานีญาที่เกิดขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้ประเทศไทยยังไม่เจอกับพายุแบบทางตรงนะครับ ที่ผ่านมาก็จะเป็นแค่ทางอ้อมเท่านั้นที่ทำให้ได้รับผลกระทบทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศ ขณะนี้หลายหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น สทนช. กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา สสน. ปภ. รวมถึง GISTDA เป็นต้น เพื่อร่วมกันวางแผนและประเมินสถานการณ์ต่อไป

หากมองย้อนกลับไปปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่มีเหตุการณ์มหาอุทกภัยอย่างรุนแรง สาเหตุหลักๆ เกิดจาก...
เกิดพายุหลายลูกเคลื่อนตัวผ่านและส่งผลให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลโดยตรง ซึ่งยังไม่นับรวมร่องมรสุมอื่นๆ ที่พาดผ่านประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงลมประจำถิ่น ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างหนักในหลายพื้นที่

ฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ทำให้ปริมาณฝนตกสะสมทั้งประเทศสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากถึง 35%

ช่วงครึ่งปีแรก เกิดปรากฏการณ์ลานีญาที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติทุกเดือน

เกิดน้ำทะเลหนุนบ่อยครั้ง ส่งผลให้การระบายน้ำค่อนข้างยาก และเป็นไปอย่างล่าช้า

เขื่อนใหญ่ๆ อย่างเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างอย่างต่อเนื่องในปริมาณสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำผลให้ไม่สามารถระบายน้ำออกได้ทัน เนื่องจากบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

มีสิ่งกีดขวางทางน้ำมากมายทั้งจากธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

ส่องสถานการณ์น้ำ ปี 2565 ณ ขณะนี้

เดือนสิงหาคม ประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมขังแล้วกว่า 1.85 ล้านไร่ ถือว่ายังน้อยกว่าอยู่ 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2554

เกิดปรากฏการณ์ลานีญาเช่นกัน ทำให้ฝนมาเร็ว ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงขึ้น แต่ไม่รุนแรงเท่าปี 2554

ในช่วง 1 – 2 เดือนนี้ อาจเกิดพายุขึ้น 2-3 ลูก ซึ่งบางลูกประเทศไทยอาจไม่ได้รับอิทธิพลโดยตรง

สิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น ผักตบชวา ต้นไม้ กิ่งไม้ ขยะฯ ได้รับการจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำ

หลายหน่วยงานด้านน้ำเร่งระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย ในช่วงที่ไม่เกิดน้ำทะเลหนุนสูง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกช่วงเวลา

GISTDA ได้วางแผนและปรับแผนรับสัญญาณดาวเทียมมากกว่า 1 ดวง เพื่อวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยท่านสามารถตรวจสอบพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-3 องศา ใต้ฝนเพิ่มตกหนักถึงหนักมาก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น ยอดดอยหนาวจัด ใต้ฝนฟ้าคะนอง 10%

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

'ยศชนัน' ลงจากหอคอยพบชาวนา ชูเทคโนโลยีแก้น้ำทั้งระบบ

“ยศชนัน-จุลพันธ์” นำเพื่อไทยยกทัพลุยอยุธยา รับฟังปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก-ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ชูแก้น้ำท่วมทั้งระบบ ระบายน้ำเป็นธรรม ใช้ข้อมูลจริง-เทคโนโลยี-วิศวกรรม วางแผนป้องกัน-เยียวยาครบวงจร

ฝนเริ่มซา เทศบาลหาดใหญ่ขึ้นธงเขียว สถานการณ์น้ำเข้าสู่ภาวะปกติ

ภายหลังเมื่อวานนี้ (18 ธ.ค. 68) มีฝนตกลงมาต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องประกาศระดับการแจ้งเตือน “ยกธงเหลือง” ในหลายจุดเสี่ยงน้ำท่วม อาทิ ถนนสามสิบเมตร ถนนศุภสารรังสรรค์ ถนนธรรมนูญวิถี ถนนประชาธิปัตย์

เรื่องราวทีมงานด่านหน้าของทรู ที่ทุ่มเททำงานด้วยหัวใจ เพื่อให้ทุกสัญญาณเชื่อมต่อกันในวิกฤตอุทกภัยภาคใต้

วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและชีวิตผู้คน แต่ยังตัดขาดการสื่อสารในหลายพื้นที่ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีทีมงานด่านหน้าของทรูที่ทุ่มเททำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่เพียงดูแลเครือข่าย แต่ยังทำให้ทุกสัญญาณยังสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดต่อ รับข่าวสาร และส่งความห่วงใยถึงกันได้ในช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุด