โปรดเกล้าฯ ให้ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวพ้นจากตำแหน่ง 10 ราย

ราชกิจจานุเบกษา23 มี.ค.2567 - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวพ้นจากตำแหน่ง

ด้วยสำนักงานศาลยุติธรรมแจ้งว่า มีผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวขอลาออกจากตำแหน่ง จำนวน ๑๐ ราย ดังนี้

๑. นายสมพร ไหมบุญแก้ว ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖

๒. นายสุจิตร์ จันทร์ดำ ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖

๓. นายธีรศักดิ์ ส่งทอง ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖

๔. นายนิกร นำภานนท์ ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖

๕. นายวิชชา จิรภิญญากุล ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖

๖. นายพงศ์เทพ เวศย์รุตม์ ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖

๗. นายโกมุท รุยอ่อน ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยะลา ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖

๘. นายทองไฉน โมทะจิตต์ ผู้พิพากษาสมทบำในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

๙. นายธงชัย พลพวก ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

๑๐. นายพิชญุตม์ ขุนนุช ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖

และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว

ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
เศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประกาศแล้ว! หลักเกณฑ์-วิธีตรวจสอบนโยบายที่ต้องใช้เงินของพรรคการเมืองในการโฆษณา

ต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน

ราชกิจจาฯ ประกาศปรับฐานค่าจ้างคำนวณเงินสมทบประกันสังคม ม.33 เริ่ม 1 ม.ค. 2569

กฎกระทรวงใหม่กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ-ขั้นสูง ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยปรับเพดานสูงสุดเป็นลำดับ จาก 17,500 บาท เพิ่มเป็น 23,000 บาทในระยะถัดไป มีผลตั้งแต่ต้นปี 2569

ราชกิจจาฯ ประกาศอนุญาตแรงงาน 'ลาว-เมียนมา-เวียดนาม' อยู่ไทยและทำงานได้เป็นกรณีพิเศษ

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติลาว เมียนมา และเวียดนาม