'ภูมิธรรม' บินลำปาง ตรวจเขื่อนกิ่วลม-เขื่อนกิ่วคอหมา หลังน้ำล้น เร่งระบายเพิ่ม

28 ก.ย.2567 - เมื่อเวลา 16.00 น. ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นภารกิจจากจังหวัดเชียงใหม่แล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศปช.) พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อมายังจังหวัดลำปาง และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มายังเขื่อนกิ่วคอหมา ตำบลปงดอน อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำ ที่แม่น้ำวัง เขื่อนกิ่วลม และเขื่อนกิ่วคอหมา

โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมติดตามสภานการณ์ด้วย

เวลา 17.00 น. เมื่อมาถึงเขื่อนกิ่วคอหมา รองนายกฯ รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จาก น.ส.นิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ก่อนนายภูมิธรรม กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้มาที่นี่เพราะเป็นห่วง ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้ลงพื้นที่แม่สายกับ นายกฯ ซึ่งนายกฯถึงกับน้ำตารื้น เพราะชาวบ้านมากอด แล้วบอกว่าอย่าทิ้งกัน ซึ่งบริเวณแม่สายปัญหาที่เจออย่างหนักคือเรื่องโคลน ขณะนี้รัฐบาลเร่งประสานงานทุกส่วนราชการให้เข้ามาแก้ไขในพื้นที่ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เชียงราย คาดว่าอีก 30 วันจะทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติได้

สำหรับที่จังหวัดลำปางโซเชียลบอกว่าเขื่อนกิ่วลมจะแตกประชาชนข้างล่างจะมีปัญหา รู้สึกตกใจจึงต้องมาตรวจสอบ เห็นว่าปริมาณน้ำมากถึงขนาดนี้ถึงอย่างไรก็ต้องระบาย แต่จากการรับฟังทางจังหวัดลำปางมีการแจ้งเตือนให้ประชาชนรับรู้ก่อนมีการปล่อยน้ำ 2 วัน ทำให้สบายใจ ก็อยากให้มีการประเมินและสรุปการแก้ไขปัญหาต่อไป และจากข้อมูลที่ได้รับวันนี้

สิ่งที่สบายใจคือปีนี้น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯเหมือนปี 54 อย่างแน่นอนเพราะเราค่อยๆระบายน้ำ และระบบเตือนภัยที่เราวางไว้ก็สื่อสารเรื่องการเตือนภัยกันตลอด และนายกฯจะระดมทีมแก้ปัญหานี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เหมือนที่เคยระบุว่าจะยกเป็นวาระแห่งชาติด้วยซ้ำไป เพราะปัญหาเช่นนี้มีมาโดยตลอด แต่ปัญหาอยู่ที่เงินงบประมาณที่ต้องใช้เป็นแสนแสนล้าน ประเทศไทยมีเรื่องใหญ่หลายเรื่องเราก็ต้องหาทางแก้ไปให้ได้

ภายหลังพบประชาชนรองนายกฯตรวจเยี่ยมดูปริมานน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา พร้อมให้ความมั่นใจว่าได้มาดูสถานที่จริงและดูที่สันเขื่อนก็มั่นใจว่ายังสามารถรับปริมานน้ำได้อีกมาก และสันเขื่อนมีความแข็งแรงไม่เป็นไปตามข่าวลือในโซเชียลที่ว่าเขื่อนจะแตกรับน้ำไม่ไหว จึงขอให้พื้นที่ด้านล่างและกทม.มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดภาพน้ำท่วมรุนแรงอย่างแน่นอน และสั่งการรองผู้ว่าฯขอให้ดูแลเรื่องการเยียวยา เพราะผู้เดือดร้อนบางครั้งแม้แต่นาทีเดียวเขาก็รับไม่ไหว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มอบเงินให้สภากาชาดไทย ช่วยน้ำท่วมภาคใต้

รศ.นายแพทย์พินิจ กุลละวณิชย์ ประธานกรรมการมูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มอบเงินบริจาคจำนวน 306,000 บาท (สามแสนหกพันบาทถ้วน) ให้นายเตช บุนนาค เลขาธิการ สภากาชาดไทย รับมอบ เพื่อ “รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วมภาคใต้ กับสภากาชาดไทย” ช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้

อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้

ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง

อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก เหนือ-อีสาน-กลางอุณหภูมิลดลง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล

สส.ศาสตรา สะท้อนปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ จี้รัฐบาลเร่งแก้ขยะเน่าเหม็นแล้ว เงินเยียวยายังล่าช้า

สส.สงขลา เข้าสภาฯ สะท้อนปัญหาชาวหาดใหญ่ เรียกร้องรัฐบาล เร่งจ่ายเงิน 9,000 บาทให้เร็วเหมือนวันแรก จี้ เก็บขยะเน่าเสีย วอน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

วิริยะประกันภัย ผุดมาตรการเร่งช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุวิกฤตอุทกภัยภาคใต้

วิริยะประกันภัย เดินหน้ามาตรการรับมือวิกฤตอุทกภัยภาคใต้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิบัติการ FIRST AID ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย