
รัฐบาลเข้มจัดการบุหรี่ไฟฟ้า“จิรายุ” เผยมีคนส่งเอกสารลับข้าราชการเอี่ยวเพียบทั้งชายแดนและด่าน แฉพบจนท. ละเว้นหลายพื้นที่ ทั่วกรุง
23 ก.พ.2568 – นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขพร้อมชุดเฉพาะกิจสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สคบ. ฝ่ายปราบปรามการยาสูบได้ร่วมกันลงพื้นที่ถนนเลียบคลองสอง และถนนสุเหร่าคลอง 1 เขตคลองสามวา ในพื้นที่ สน.คันนายาว ปรากฏว่าหลายแห่งข่าวรั่ว พอทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะลงตรวจปิดร้านกันหมด
จากนั้นหน่วยข่าวได้เฝ้าสังเกตการณ์ที่บริเวณตลาดสามวาพลาซ่าถนนเลียบคลองสอง เขตคลองสามวาพบว่าเปิดให้บริการทุกวันแต่เมื่อทราบข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลงตรวจได้ปิดร้านแต่ยังพบข้อความด้านหน้าว่าชุดนักเรียนห้ามเข้า
นายจิรายุ ระบุว่า จากนั้นทีมเฉพาะกิจได้ลงพื้นที่บริเวณปากซอยคู้บอน 25 ถนนคู้บอนโดยไม่แจ้งกำหนดการ พบร้านเปิดขายบุหรี่ไฟฟ้า และเข้าจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ผิดกฎหมาย โดยเปิดร้านเป็นอาคารพาณิชย์ นำส่งพนักงานสอบสวน สน. คันนายาว ดำเนินคดี
นายจิรายุ ระบุว่า เวลา15.15น ลงพื้นที่ในซอยคู้บอน 27 เขตพบร้าน ขายบุหรี่ไฟฟ้า เปิดให้บริการหลายร้านได้แสดงตัวจับกุมส่งสน. คันนายาว
หลังจากนั้น เวลา15.20น นำทีมเฉพาะกิจ ชุด 2 ลงพื้นที่ซอยนวลจันทร์ 35 ท้องที่สน. โคกคาม พบร้าน ขายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า มีลักษณะเป็นการขายส่งมีอุปกรณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นอาร์ตทอยและสีสันสวยงาม เจาะกลุ่มเด็ก และเยาวชน
นายจิรายุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันกวาดล้างจับกุมการขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา และอุปกรณ์ต่อเนื่องผิดกฎหมาย ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองจำนวนมาก ว่ามีตำรวจในบางพื้นที่ ปล่อยปะละเลยบางแห่งกลับปล่อยให้ตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษา
นายจิรายุ ระบุว่า ได้รับเอกสารงานลับ เรื่องธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าสีเทามูลค่ากว่า 5 พันล้านต่อปีรวมทั้งแผนผังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า ทั้งอุปกรณ์และน้ำยาจากต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆโดยระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทั้งผู้ดูแลสินค้าน้ำเข้าที่ด่านพรมแดน ช่องทางธรรมชาติ 51 แห่ง เพราะบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ผลิตในไทยและไม่ได้ตกลงมาจากบนฟ้า ขณะที่รายงานฉบับดังกล่าวพบว่า มีเกือบทุกจังหวัดโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครพบเกือบทุกเขต 50 เขต ที่มีการเปิดร้านขายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างโจ่งครึ่มไม่สนใจตำรวจ
“บางแห่งถึงขั้นลงโฆษณาในโซเชียลและบางแห่งทำหน้าร้านชนิดที่ไม่เกรงกลัวใด ๆ ทำให้สังคมเกิดข้อกังขาว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่หน้าด่านที่ควบคุมสินค้าต่างๆ และตำรวจทุกหน่วยที่มีหน้าที่ปราบปรามจับกุม ทั้งหน้าร้านและ ในโซเชียลรู้เห็นเป็นใจและรับสินบนจากร้านค้าขายของผิดกฎหมายเหล่านี้หรือไม่ ทั้งนี้รายงานดังกล่าวมีการการรวบรวมรายชื่อของร้าน จุดที่ตั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ การจ่ายส่วยสถานีตำรวจที่รับผิดชอบทั่วประเทศ ที่กล่าวหาว่ามีการรับส่วยเดือนละ 5,000 -10,000 บาท / ร้านค้า ส่วนผู้นำเข้าจ้าวละกว่า 200,000 ขึ้นอยู่กับขนาดของร้านและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ อีกด้วย” นายจิรายุ ระบุ
นายจิรายุ กล่าวว่า ในพื้นที่เขตคันนายาว คลองสามวา กทม.ภายใต้ความรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเพียง 1โรงพักจากกว่า 50 เขตในนครบาล และอีกกว่า 500 อำเภอภายใต้ความรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธร ซึ่งหลังจากตนเองเห็นรายงานในเอกสาร”ลับ”ระบุ หลายจุดในพื้นที่ เขตคันนายาว คลองสามวา ตนเองก็ได้โทรศัพท์สอบถามกับ พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.คันนายาว เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่า มีในพื้นที่หรือไม่ และขอให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งผู้กำกับก็ยืนยันกับตนอย่างหนักแน่นว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน. คันนายาว ไม่มีร้านค้าเปิดขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่อเนื่องผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งขัดแย้งต่อข้อมูลที่ได้รับรายงานในบัญชี”ลับ” บุหรี่ไฟฟ้ายานรก ของเด็กและเยาวชน” ทำให้น่าสงสัยว่าร้านเหล่านี้เปิดเป็นร้านค้าเป็นเรื่องเป็นราว บางแห่ง มีตู้แดงสายตรวจติดอยู่ไม่ไกลนักห่างจาก ร.ร. แค่ไม่ถึง100 เมตร.เหตุใดจึงไม่ทราบ ซึ่งตนจะดำเนินการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหรือไม่เพื่อเอาผิดทางวินัย และทางอาญาต่อไป
จากนั้นหน่วยข่าวได้เฝ้าสังเกตการณ์ที่บริเวณตลาดสามวาพลาซ่า ถนนเลียบคลองสอง เขตคลองสามวา ท้องที่ สน.คันนายาว พบว่าเปิดให้บริการทุกวันแต่เมื่อทราบข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลงตรวจได้ปิดร้านแต่ยังพบข้อความด้านหน้าว่าชุดนักเรียนห้ามเข้า
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า มีผู้ปกครอง ร้องเรียนมาว่า ในพื้นที่เขตคลองสามวา คันนายาวเปิดเป็นจำนวนมาก หลายแห่งมีนักเรียนเข้าไปซื้อเป็นจำนวนมากจนผิดสังเกตถึงขนาดเจ้าของร้านเถื่อนเหล่านี้ ต้องแปะกระดาษประกาศห้าม นร.ในเครื่องแบบเข้าซื้อเลยทีเดียว ตนเองขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง และผู้บังคับบัญชา ให้เห็นใจถึงหัวอกพ่อแม่ซึ่งที่ผ่านมามีเด็กและเยาวชนจำนวนมากเข้าไปซื้อทั้งน้ำยาและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจนทำให้กิจการเหล่านี้รุ่งเรืองซึ่งหากไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยประละเลยก็จะไม่สามารถเปิดจำหน่ายได้ ทั้งนี้ตนจะรวบรวมข้อมูลและพฤติกรรมของสถานีตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ส่งให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี
รัฐบาลปลื้ม 'กทม.' คว้าแชมป์เมืองคนเที่ยวมากสุดในโลก สั่งพร้อมรับช่วงปีใหม่
รัฐบาลปลื้ม 'กรุงเทพมหานคร' คว้าอันดับ 1 เมืองที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุด ประจำปี 68 สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลปีใหม่
ส่งทีม สธ. SRRT–SehRT 52 ชุด ลงศูนย์พักพิง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ชายแดน
รัฐบาล ตรียมพร้อมแผนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ชายแดน มอบหมาย สธ. ส่งทีม SRRT–SehRT จำนวน 52 ทีม
รู้แล้วฝีมือใคร! จุดเริ่มต้นดรามา 'ซีเกมส์ 2025'
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิพากษ์วิจารณ์กันจนเป็นดรามา คือเรื่องพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
รัฐบาล สั่งปิดเส้นทางเสี่ยงชายแดนไทย–กัมพูชา แนะ ปชช. เลี่ยงการเดินทางพื้นที่ปะทะ
จากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาล ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

