อดีตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น อาสารวบรวม 'กำลังใจ' จากคนไทยส่งถึงภรรยา 'อาเบะ'

9 ก.ค.2565 - นายสืบศิษฏ์ ศานติศาสน์ หรือ "ชาร์ตโตะคุง" อดีตนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันดูแลคณะทำงานด้านการศึกษา พรรคกล้า ได้โพสต์ภาพนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และอากิเอะ อาเบะ ภรรยา พร้อมเขียนข้อความบนเฟซบุ๊ก Shad Sarntisart ว่ากำลังใจสำคัญที่สุด! มาร่วมให้กำลังใจอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่นให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปด้วยกันครับ

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ว่าท่านอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะไม่มีลูก ในสถานการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแบบนี้ เป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับคนใกล้ชิด โดยเฉพาะท่านอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่น ท่านอากิเอะ อาเบะที่จะทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

เมื่อคืนผมได้มีโอกาสคุยกับท่าน ได้ส่งสารแสดงความเสียใจ ซึ่งท่านรู้สึกขอบคุณและยังทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง

ในสถานการณ์อันเลวร้ายแบบนี้โดยเฉพาะครอบครัวที่ไม่มีลูก ถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆที่จะทำใจสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง

กำลังใจสำคัญที่สุดครับ ถ้าเพื่อนๆท่านไหนอยากส่งกำลังใจให้ท่าน คอมเม้นไว้ใต้ภาพได้เลยครับ หรืออาจพิมพ์ส่งให้ผมเป็นการส่วนตัว ได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย หรือภาษาญี่ปุ่น ยินดีแปลให้ครับ และอีกสองสามวันผมจะรวบรวมนำส่งให้ท่านอีกที

ขอรวบรวมกำลังใจจากไทยในฐานะประเทศพันธมิตรเบอร์หนึ่งในภูมิภาคอาเซียนให้ท่านครับ

เครดิตภาพ: News Post Seven/ Kamilog/ Yumejinhensachi

ก่อนหน้านี้ นายสืบศิษฏ์ ศานติศาสน์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อปี 2564 ถ่ายทอดประสบการณ์ครั้งสำคัญได้ร่วมรับประทานอาหารกับ "อากิเอะ อาเบะ" ภรรยานายกฯญี่ปุ่น โดยระบุว่า ประเทศยิ่งเจริญ จะยิ่งพิธีน้อย ไม่ทำตัวเว่อวัง แต่เอาเวลาไปค้นหา และพูดคุยสิ่งที่สร้างสรรค์ เมื่อเทียบกับไทย เสาไฟต้นละแสน เลขา รมว.ที่ไม่มีความรู้ แต่ต้องทานข้าวมื้อละ 2 หมื่นกับไวน์ขวดละ 1.5 หมื่น คนไทยต้องไม่ยอมรับวัฒนธรรมการเมือง-ราชการที่น่าขยักแขยงนี้ครับ: ญี่ปุ่น...ประเทศที่เรียบง่ายแต่ประทับใจกับประสบการณ์ทานซูชิราคาถูกกับภริยานายกรัฐมนตรีอาเบะ Lunch with Japan's First Lady

ครั้งหนึ่งผมเคยพูดกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นเล่นๆว่า 'ช่วยแนะนำนักการเมืองญี่ปุ่นให้รู้จักหน่อยสิ' เนื่องด้วยผมเป็นคนสนใจเรื่องการเมืองเป็นทุนเดิมและอยากศึกษาแนวคิดหรือระบบของญี่ปุ่นเอาไว้เพื่อนำมาปรับใช้กับไทย

เพื่อนผมบอกว่า 'ได้สิ เธอรู้จักไหม อากิเอะ อาเบะหนะ' ผมรีบบอกเพื่อนไปว่า แน่นอนสิ ภริยาของท่านนายกรัฐมนตรีอาเบะ หรือ Japan's First Lady เพื่อนผมบอกว่าให้ส่งประวัติส่วนตัวของผมและครอบครัวมาให้ทั้งหมดเพราะต้องให้ทีมงานนายกฯตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย

สัปดาห์ถัดมาเพื่อนผมบอกว่า ท่านตอบรับแล้วนะ ผมดีใจมากและตื่นเต้นที่จะได้เจอ เพื่อนผมบอกว่าท่านจะมาหาที่มหาลัยเลยให้เตรียมเล่าเรื่องงานวิจัยตัวเองให้ท่านฟัง คืนนั้นผมแทบนอนไม่หลับครับ ภริยาผู้นำประเทศจะมาหาถึงมหาลัย ผมนึกถึงขบวนนักการเมืองของไทยที่มีตำรวจติดตามเป็นสิบ บอดี้การ์ดอีก แล้วนึกถึงญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากๆก็อดตื่นเต้นไม่ได้เพราะกลัวทำตัวไม่ถูก

ปรากฎวันนั้น ท่านมาด้วยรถAlphardสีดำคันเดียว ไม่มีตำรวจติดตาม ไม่มีบอดี้การ์ดแม้แต่คนเดียว มีเพียงคนขับรถและผู้ช่วยผู้หญิงติดตามแค่สองคน ขอย้ำว่า ณ ตอนนั้นท่านยังอยู่ในต่ำแหน่ง ผมได้ถือโอกาสเล่าเรื่องงานวิจัยของผมให้ฟัง และท่านก็ถามประเด็นต่างๆอย่างกันเองมาก

พอเล่าเรื่องงานวิจัยจบ ปรากฎเป็นเวลามื้อเที่ยงพอดี ท่านก็ชวนทานข้าว ผมก็นึกภาพถึงการไปร้านหรูๆ ปิดร้านทานข้าวแบบไพรเวทอย่างที่เห็นนักการเมืองไทยชอบทำ แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นกลับกันครับ ท่านบอกว่าให้ไปร้านที่ผมและเพื่อนๆไปประจำ เราเลยจบที่ร้านซูชิราคาถูกในมหาลัย ผมไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสทานข้าวในบรรยากาศกันเองกับสตรีเบอร์หนึ่งของหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลก ที่สำคัญ เมนูที่ท่านสั่งก็คือเซ็ทซูชิราคาประหยัดที่ผมชอบสั่งประจำ

วันนั้นเป็นหนึ่งวันสำคัญของชีวิตผมที่ทำให้เข้าใจว่าความเรียบง่ายของคนญี่ปุ่นมีอิทธิพลถึงคนระดับผู้นำประเทศด้วยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยครับทำไมประเทศถึงเจริญได้ขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็กๆที่แพ้สงครามโลกและอยู่ด้วยภัยธรรมชาติตลอดทั้งปี

ท้ายวันนั้น ท่านฝากผมไว้สองเรื่อง คือ 1.ต่อให้เรียนจบญี่ปุ่นกลับไทยแล้ว ขอให้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อไทย-ญี่ปุ่นให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 2.วันไหนว่างๆให้ผมกับเพื่อนๆไปร้องคาราโอเกะที่ทำเนียบนายกฯได้ ท่านจะเชิญนายกอาเบะมาร่วมวงด้วย ข้อหนึ่งผมน้อบรับปฏิบัติตลอดมา ส่วนข้อสอง หมดโควิดผมจะขอทวงสิทธิครับ