อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย?

7 พ.ย.2564 - นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ "หมอเลี้ยบ" ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษไทยโพสต์ ถึงกรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เข้ามาทำงานการเมืองในพรรคเพื่อไทย โดยมีบทบาทเป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้พรรคเพื่อไทยถูกมองและถูกวิจารณ์ว่าเป็นพรรคตระกูลชินวัตร ว่า อย่างที่คุณแพทองธารบอกไว้ตอนที่เปิดตัวเมื่อ 28 ต.ค.ว่า ความเป็นพ่อลูกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนกำเนิด ดังนั้นคงบอกไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเป็นพ่อลูกกัน แต่ผมคิดว่าไม่ได้หมายความว่าการเป็นครอบครัวเดียวกัน จะทำให้ระบบการบริหารจัดการของพรรคการเมืองนั้นๆ มีลักษณะแบบครอบครัว

"ผมบอกได้เลยว่า ตั้งแต่ไทยรักไทยมาถึงพรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย มีการจัดการที่ใช้ศาสตร์ของการจัดการมาใช้ ทั้งในการจัดระบบพรรคการเมือง การวางแผนการเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่าบอกว่าเป็นพรรคครอบครัวแล้วก็จะต้องบริหารแบบครอบครัว มันก็เหมือนกับบริษัท อย่างบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่เป็นบริษัทแบบครอบครัว แต่หากบริษัทดังกล่าวบริหารจัดการแบบมืออาชีพ โอกาสที่จะเติบโตและมีความเจริญก้าวหน้าก็มีอยู่

ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าหากพรรคการเมืองนั้นมีคนในตระกูลเดียวกันเข้ามาร่วมในการผลักดัน แต่ถ้าการบริหารจัดการเป็นประเภทแบบครอบครัว พรรคการเมืองนั้นก็อยู่ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน แต่หากบริหารจัดการแบบลักษณะพยายามสร้างให้เป็นสถาบันทางการเมือง มีการระดมความเห็นจากทุกฝ่าย เอาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มีทักษะการจัดการที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยกัน ผมเชื่อว่าพรรคการเมืองเติบโตได้

ประเด็นคุณแพทองธาร อย่าไปดูว่าเป็นลูกของคุณทักษิณ ชินวัตร แต่ต้องดูว่าคุณแพทองธารมีความสามารถหรือไม่ ถ้ามีความสามารถอย่างที่จะเข้ามาสร้างการมีส่วนร่วมจากคนรุ่นใหม่ เพื่อจะมาสร้างนวัตกรรม ถ้ามีความสามารถตรงนั้นก็จะช่วยทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้เพิ่มขึ้นอีก"

นพ.สุรพงษ์ กล่าวต่อไปว่าเพราะต้องยอมรับว่าภายใต้การนำของคนรุ่นอาวุโส การเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ใช้ภาษาแบบคนรุ่นใหม่มันไม่กลมกลืน แต่พอมีคนรุ่นใหม่จริงๆ อย่างหัวหน้าพรรค (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว) ก็อายุน้อยลงมาจากเดิม 20 ปี ส่วนกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันก็อายุเฉลี่ยประมาณสัก 30-40 ปี ก็จะทำให้การเข้าถึงคนรุ่นใหม่จะมีมากขึ้น แล้วยิ่งคุณแพทองธารจะเข้ามาช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาได้อีก ก็น่าจะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้เราสามารถที่จะ disrupt ให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคแห่งอนาคตได้จริงๆ

เมื่อถามว่าถึงตอนนี้ชื่อแพทองธาร ชินวัตร มีโอกาสที่เพื่อไทยจะวางตัวให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ตอบว่า ไม่หรอกครับ คือคุณแพทองธารได้แจ้งเข้ามาก่อนที่พรรคจะมีการประชุมใหญ่ที่ขอนแก่นประมาณ 3-4 วัน ว่าสนใจจะเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ผมทราบเหตุผลว่าเพราะเขาเห็นว่าพรรคกำลัง disrupt แล้ว และข่าวที่ออกไปก็มีข่าวว่าพรรคจะจัดประชุมแบบที่ไม่เคยมีใครมาทำมาก่อน เช่นจะมีการแสดงวิสัยทัศน์เรื่องมหานคร, การศึกษา ทางคุณแพทองธารก็เห็นว่าคราวนี้เพื่อไทยเอาจริงเรื่อง disruption แล้ว เขาก็เลยบอกว่าอยากเข้ามาช่วย โดยเขาบอกว่าอยากเข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษา แต่ยังไม่ได้อยากจะเข้ามาเป็น ส.ส.หรือเป็นนักการเมือง ขั้นตอนนี้จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะมาตัดสินใจตรงนั้น

"หากจะบอกว่าจะใช่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตัวคุณแพทองธารจะเป็นคนตัดสินใจเอง และขณะเดียวกันก็ต้องดูด้วยว่า ความรู้ความสามารถของเขาต่อจากนี้ ได้ทำให้คนในพรรคประจักษ์ได้หรือไม่ว่า เหมาะสมที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ดังนั้นในวันนี้จึงเร็วเกินไปที่จะไปพูดอะไรทั้งสิ้น"

ถามว่าคาดการณ์ไว้ก่อนหรือไม่ว่า พอเปิดตัวแพทองธารแล้วจะมีกระสุนตก มีการนำเรื่องในอดีตขึ้นมากล่าวถึงอย่างเรื่องการสอบเอนทรานซ์ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า จริงๆ ไม่ได้คาดเลย คือหลังคุณแพทองธารมาปรากฏตัวในการประชุมใหญ่ หลังจากนั้นประมาณหนึ่งวันก็มีข่าว โดยที่ทุกคนก็ลืมไปแล้ว ทั้งที่มันก็ตั้งนานแล้ว แล้วก็มีคนไปหาข้อมูลและมีการนำเสนอข้อมูลที่แสดงความชัดเจนว่า กรณีดังกล่าวมันเคยถูกทำให้เกิดความชัดเจนแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณแพทองธาร และเขาก็บอกชัดเจนว่าเข้าไปเรียนหนังสือก็เรียนเต็มที่ สามปีครึ่งก็จบการศึกษาแล้วไปเรียนต่อ.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้