ภาพ 'ทักษิณ' นั่งริมสระน้ำสะท้อนอหังการ ท้าทายสังคม ส่งเสริมให้ 'ก้าวไกล' เติบโตไปอีก

'จตุพร' เย้ยบริวาร'ทักษิณ' ออกมาแจงอาการป่วย'นายใหญ่'คนละทิศทาง ชี้ภาพนั่งริมสระน้ำสะท้อนอหังการ ท้าทายสังคม อาการป่วยกลับบ้านมากพิรุธ เต็มด้วยความสงสัย เชื่อจะเป็นการส่งเสริมให้'ก้าวไกล'เติบโตไปอีกด้วย

21ก.พ. 2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า รัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ออกมาแจงอาการป่วยทักษิณ ชินวัตร ไปคนละทิศทางนั้น แสดงความมีพิรุธ สิ่งสำคัญการเสนอภาพนั่งริมสระน้ำบ้านจันทร์ส่องหล้ายังสะท้อนถึงอหังการท้าทายสังคมและกระบวนการยุติธรรมไทย

“นับแต่กลางมีนาคมไปจะเห็นท่วงทำนองของดีลกันชัดเจน ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะภาพการออกจาก รพ. และนั่งริมสระที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ยิ่งแสดงถึงความอหังการ ท้าทายทุกสายตาอย่างยิ่ง”

นายจตุพร กล่าวว่า ภาพสุดท้ายทักษิณ ที่สนามบินดอนเมือง ก่อนเข้า รพ.ตำรวจ ยังปกติดีอยู่ ส่วนภาพเมื่อออกจาก รพ.ตำรวจ ได้พักโทษกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า กลับกลายเป็นภาพคนป่วยไม่บ่งบอกอาการโรค

อย่างไรก็ตาม ภาพทักษิณ สวมปลอกคออ่อน แขวนด้วยผ้าพยุงแขน ซึ่งเป็นอาการสะท้อนถึงการป่วย โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.พาณิชย์ บอกเอ็นไหล่ขาด นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม บอกกระดูกหัก ที่สำคัญนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการคดีอาญา วินิจฉัยโรคได้ด้วยตาเปล่าและบอกอาการป่วยขั้นวิกฤต

อีกทั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ทักษิณ ไปพบอัยการเกี่ยวกับคดี ม.112 นั้น ขั้นตอนชั้นอัยการสามารถปล่อยตัวชั่วคราวได้เลย ไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 5 แสนบาทก็ได้ เมื่อให้ยื่นประกันด้วยเงินจำนวนมาก คงเพื่อหวังให้ตื่นเต้น ส่วนการนัดฟังคำสั่งอัยการวันที่ 10 เมษายนนี้ ดูหมือนจะให้ทุกอย่างจบเสร็จสิ้นไปก่อน ทั้งศาลนัดตัดสินคดียิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันที่ 4 มีนาคม ถ้ายิ่งลักษณ์ ไม่มาศาลอาจเลื่อนไปประมาณ 4 เมษายน หรือจะอ่านเลยก็ได้

นายจตุพร กล่าวว่า โฆษกพรรคเพื่อไทยขยายอาการป่วยของทักษิณ เพิ่มว่า เป็นเพราะกระดูกคอเสื่อม เอ็นเปื่อยยุ่ย ปอดทำงานไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากติดโควิด 3 ครั้ง แต่สิ่งสำคัญแม้จะป่วยจริงก็ตาม แต่การพูดไม่ตรงกันและมีพิรุธ จึงทำให้คนไม่เชื่อ

"การพูดไม่ตรงกันนั้น เป็นความผิดที่ใคร และนี่ไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหา แต่สร้างปัญหามากกว่า เพราะถ้าต้องการให้เขา (ทักษิณ) เป็นตัวแทนฝั่งอนุรักษ์จริง ก็ต้องเน้นสเปคอย่างน้อยสองข้อคือ เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ แต่กรณีนี้กลับมีปัญหาข้อสงสัยมากมาย ดังนั้น จึงอยากดูว่าท้ายสุดการดีลจะจบลงอย่างไร ทั้งๆ ที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการดีลนี้เลย"

นายจตุพร กล่าวว่า หากเกิดการเบี้ยวดีลกันขึ้น บ้านเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน โดยอาจมีกล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจ สามารถกู้ภาพคืนกลับมาได้ ซึ่งจะพิสูจน์การป่วยวิกฤตนอน รพ.ตำรวจ เป็นจริงหรือไม่ และถ้าไม่จริงแล้วการปรามาสผู้ชุมนุมต่อต้านจุดไม่ติดนั้นจะขยายเพิ่มมากขึ้น

พร้อมเชื่อว่า ภาพการออกจาก รพ.ตำรวจ กลับบ้านนั้น ทักษิณ ไม่ได้มุ่งต่อสู้กับพรรคก้าวไกล แต่เป็นการส่งเสริมให้ก้าวไกลเติบโตไปอีกด้วย ดังนั้น ความจองหอง เย่อหยิ่ง อวดดีที่แสดงกันออกมานั้นจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเร็วขึ้น

รวมทั้งกล่าวว่า น้ำยาของรัฐได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมในการรักษาความถูกต้องของบ้านเมืองไว้ และเข้าใจได้ว่า รัฐนี้ไม่มีอำนาจอะไรเลย การเกิดดีลขึ้นต้องรู้ก่อนว่า สิ่งนี้เป็นบาดแผลใหญ่ของสังคมไทย

“การปฏิบัติตามดีลคนไทยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะเป็นเพียงการตกลงแลกเปลี่ยนของผู้ทำการดีลเท่านั้น แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามดีลจะเกิดการล้างผลาญกันตามมา”

นายจตุพร กล่าวว่า การจะหักดีลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเลือกคนไม่มีบาดแผลมาเป็นนายกฯ และประชาชนสนับสนุน แต่เมื่อเลือกคนมีบาดแผลพร้อมถูกสอยได้ตลอดเวลา อีกทั้งไม่ให้งบประมาณบริหารประเทศ และไม่ให้สร้างผลงานด้วย ดังนั้น จะออกจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อไรจึงไม่ใช่เรื่องยาก เช่นกัน