
25 พ.ค.2568-ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอล์ค ขึ้นเวทีในงาน “ความจริงมีเพียงคนเดียว” 2/2568 โดยช่วงหนึ่งมีการสวมกอดและจับมือกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ซึ่งมาร่วมเป็นวิทยากรพิเศษรับเชิญ
นายสนธิ กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้คนๆนี้ไม่ใช่คนเดิมแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์ในครั้งนี้เพื่อทวงคืนความถูกต้องให้พี่น้องประชาชน และอยากให้ประชาชนให้โอกาสจตุพร ในการทำคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมือง และเราต้องเปิดใจว่าคนที่หลงผิด แล้วไปเจอความเลวความชั่วร้ายของจริง อย่างน้อยเค้าก็ยอมรับว่าทักษิณเลว ซึ่งผมเต็มใจจะให้โอกาสเขา เพราะการที่เขากล้าขึ้นมาบนเวทีนี้ แสดงว่าเขามีความกล้าหาญมากพอสมควร ที่ผ่านมาเขาคืออีกหนึ่งคนที่ร่วมต่อสู้กับหลายเหตุการณ์ของปัญหาบ้านเมือง จตุพร พรหมพันธุ์ ผมรับเขามาเป็นน้องแล้ว
ส่วนนายจตุพร กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเชื่อว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีมานี้ ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็นขณะนี้ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะคำว่าทวงความถูกต้องให้กับคนไทยเป็นหัวใจหลักนำพาให้ตนมาพบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันนี้ ซึ่งนายสนธิได้ชวนตนในขณะที่พบกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ว่าเราจะได้มีโอกาสถ้อยแถลงพร้อมกัน โดยผ่านมา 7 ปีเพิ่งประสบความสำเร็จในวันนี้
“วันนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าประเทศไทย ที่ผ่านมาผมจะอย่างไรทุกอย่างเป็นเรื่องเล็ก ส่วนเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองในวันนี้คือจะนำพาให้ประเทศไทยเดินทางในทิศทางที่ถูกต้อง และพลิกฟื้นประเทศชาติขึ้นมาได้อย่างไร ผมผ่านมาหลายเหตุการณ์ มารู้ตัวอีกทีก็อายุ 60 ปี แต่ทันทีที่ผมประกาศรบกับนายทักษิณ ทุกคนก็กลับมาญาติดีกับผมเหมือนเดิม ทั้งนี้วันที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษา มองว่าไม่ใช่ผลพวงการยึดอำนาจหรือตุลาการภิวัฒน์ แต่เขายอมรับว่าทุจริตจริง ไม่ว่าระบอบการเมืองใดทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย”
นายจตุพรกล่าวว่า ขณะนี้มีการตั้งคำถามว่านายทักษิณจะหนีหรือไม่ หรือมีการหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือยัง ซึ่งตนไม่อยากให้หนีอยากให้ได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ตนและนายสนธิ ได้ซึมซับในเรือนจำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนนายทักษิณอีกแล้ว และเขาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว และหากเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่ และหัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับนายทักษิณ คือการปฎิบัติ 2 มาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน ซึ่งนายทักษิณได้ทำครบทุกข้อ ที่ผ่านมาเราได้เห็นความเป็นทักษิณ ผู้สนับสนุนได้หูตาสว่างมากขึ้น เพราะการกระทำทั้งหมดเป็นการทำลายตัวเองอย่างย่อยยับไม่มีใครไปทำอะไรเขา ตอนอยู่ต่างประเทศกระแสนิยมสูง เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ 22 สิงหาคม 66 จนถึงวันนี้ คนไทยได้เห็นความเป็นตัวตนของนายทักษิณครบถ้วน สิ่งที่เสียไปคือการได้รัฐบาลแบบนี้
“เราได้เห็นการเปลือยตัวอย่างล่อนจ้อนของนายทักษิณ และเชื่อว่าหาคนไปตายแทบจะไม่เห็นในเวลาต่อมา ดังนั้นจึงควรมาเริ่มต้นความถูกต้องให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน เลยคำว่าปฏิรูป อาจถึงขั้นการปฏิวัติและล้างบางกันใหม่ โดยยึดแนวทางสร้างสถาบันหลักของชาติและประชาชนให้แข็งแรง เพราะแต่ละขบวนการเราหาสิ่งที่ถูกต้องไม่เจอ กล่าวอ้างประชาธิปไตยเพียงแค่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการซื้อเสียงตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้านแต่กลับอธิบายว่าเป็นประชาธิปไตย”
นายจตุพรระบุว่า หลังวันที่ 13 มิถุนายน 2568 นี้บ้านเมืองนี้คงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ เพราะผลนั้นจะเป็นน้ำมันหล่อลื่น เรื่องที่หนืดในกกต. ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือ ป.ป.ช. จะมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกขบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่ แต่ถ้าทุกคนรอคนใหม่มาทำหน้าที่จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ ตนมองว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแต่ปัญหาคือจะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่ ขออย่าหนีจิ้งจกมาเจอตุ๊กแก
“วันนี้ถึงเวลาของประชาชนที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ผิดทำนองคลองธรรม ประเทศนี้เป็นของเรา ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน และสุดท้ายเวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว วันนี้ตนและทนายนกเขาพร้อมร่วมมือกับนายสนธิ เรื่องชาติบ้านเมือง เพื่อร่วมเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จบไม่สวยสักคน 'จตุพร' เตือนการเมืองแบบเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียนอย่างที่เห็น
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย มาแบบไหน ไปแบบนั้น ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
'จตุพร' ฉะการเมืองตีโง่ ยุบสภากลางศึกสงคราม ส่อทหารใช้กฎอัยการศึกเลื่อนเลือกตั้งอีกยาว
'จตุพร' ฟาดนักการเมืองเอาแต่ใจ ตีโง่บีบยุบสภากลางศึกสงคราม ส่อประเคนอำนาจให้ทหารใช้กฎอัยการศึกเลื่อนเลือกตั้ง เผลอๆ อาจไม่มีสภาอีกยาวไกล
'เชาว์' ลั่นหากยังเก็บคนทำลายปชป.ไว้ เปลี่ยนหัวหน้าฯก็ไม่พ้นตกต่ำ หนุน 'มาร์ค' มาปฏิรูป
'เชาว์' ชม 'เฉลิมชัย' มีสปิริตยอมถอยเปิดทางเปลี่ยนพรรค ลั่นหากยังเก็บตัวถ่วง-สัญลักษณ์ความเสื่อมไว้ ต่อให้เปลี่ยน 'หัวหน้า ปชป.' ก็ไม่พ้นตกต่ำ เสียงร้องหา 'อภิสิทธิ์' ดังระงม แต่หากไร้ดาบอาญาสิทธิ์ก็ไร้ประโยชน์ ต้องให้สิทธิ์เด็ดขาดในการปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่
อำนาจคือเส้นเลือด ชีวิตคือเวที บทนิยามที่ยังไม่ปิดฉากของชายชื่อทักษิณ
จากชายผู้เคยก้าวสู่ยอดสูงสุดของอำนาจ สู่วันที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะนักโทษ ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ยังคงดึงการเมืองไทยให้เวียนวนระหว่างความหวังกับความขัดแย้ง บุรุษผู้หนึ่งถูกจดจำทั้งในฐานะผู้ผลัก
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'การกลับมาของทักษิณ???'
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความในรูปถาม-ตอบ เรื่องการกลับมาของ “ทักษิณ” ???
คืนเจ็ตจากดอนเมือง ปลายทางดูไบ: แรงกดของความจริงที่ดึง 'ทักษิณ' ให้กลับมา
เจ็ตหรูทะยานจากดอนเมืองสู่ดูไบ ทิ้งคำถามที่สั่นสะเทือนทั้งแผ่นดิน นี่คือการลาจากตลอดกาล หรือเพียงจังหวะหยุดพักของชายชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” หลายเสียงเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันกลับ แต่แรงกดของความจริงกำลังบอกว่า “การกลับมา” ต่างหากคือหนทางเดียว ที่ยังยื้อศักดิ์ศรี รักษาศรัทธาและพยุงระบอบไม่ให้ดับสูญ

