ทภ. 1 เพิ่มชุดตรวจค้นวัตถุระเบิดเป็น 7 ชุด ร่วมค้นหาวัตถุระเบิดตกค้าง ”บ้านหนองหญ้าแก้ว” คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน ย้ำดำเนินการเด็ดขาดเมื่อได้เปรียบ
11 ตุลาคม 2568 - กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ประจำวันที่ 11 ต.ค.68 ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ณ เวลา 15.00 น. โดยพื้นที่บ้านหนองจาน ฝ่ายไทย มีมวลชนเข้าพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งนักข่าว ประมาณ 200 คน โดยในห้วงเวลา 10.00 น. นายวีระ สมความคิด ร่วมแสดงกิจกรรมแสดงออกถึงความรักชาติหวงแหนอธิปไตยไทยร่วมกับประชาชน ได้ชี้แจงถึงจุดยืนที่จะเข้าไปผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกในพื้นที่ โดยจะให้เวลาเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ และมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ได้นำคอนเทนเนอร์ให้เจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อให้ กกล.บูรพานำไปใช้ประโยชน์ทางยุทธการ
พื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน, สื่อมวลชน,ทหาร และตำรวจ ฝ่าย กพช. คอยติดตามความเคลื่อนไหว/การปฎิบัติของฝ่ายไทย ประมาณ 30-40 คน สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ
การปฏิบัติการที่สำคัญ กกล.บรูพา โดย ฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทย มีมวลชนจำนวนหนึ่งในพื้นที่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญ ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน และมวลชน/ผู้สื่อข่าว จำนวนประมาณ 150-200 คน บริเวณรั้วลวดหนาม และกระจายรอบหมู่บ้านเปรยจัน โดยมี ทหาร,ตำรวจ และส่วนราชการ คอยอำนวยความสะดวกและเชิญชวนนักข่าวในประเทศ และต่างประเทศเข้าร่วมกิจกรรมปลุกระดมบิดเบือน ตลอดจนเรียกร้องให้ปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายกลับประเทศ
สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ ปฏิบัติการที่สำคัญ หน่วยได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ โดยจัดควบคุมและรักษาความปลอดภัยพื้นที่ เเละจัดชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด 7 ชุด พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้นเเละรถถากถางหุ้มเกราะ D5 ดำเนินการตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิดที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่ปฏิบัติการฝ่ายไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วเพิ่มเติมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน เพื่อดำเนินการให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยทั้งหมด
นอกจากนี้ กกล.บูรพา โดยฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันจะดำเนินการเด็ดขาดกับพื้นที่ที่มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ในห้วงเวลาที่ได้เปรียบโดยคำนึงถึงผลสำเร็จทางยุทธวิธีและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 มีความห่วงใยกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนในพื้นที่จ.สระแก้ว ได้สั่งการให้หน่วยดำเนินการสำรวจและช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลที่ได้รับผลกระทบ อาทิ มีบุพการีที่เจ็บป่วยไม่มีผู้ดูแล, ครอบครัวอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยหรือภัยพิบัติอื่นๆ เป็นต้น เพื่อลดความกังวลใจของกำลังพลในทุกมิติ ให้มีพร้อมปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สดุดีทหารกล้ารายที่ 20 'จ.ส.อ.พรศักดิ์ เอี่ยมสะอาด' พลีชีพที่บ้านหนองจาน ชายแดนสระแก้ว
พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก กกล.บูรพา สูญเสีย ‘ทหารไทย’ เพิ่ม 1 นาย ในพื้นที่ บ.หนองจาน จ.สระแก้ว ภายหลังสถานการณ์กลับมารุนแรง เมื่อวานนี้ (16ธ.ค.) ตั้งแต่ช่วง 14.30 เป็นต้นมา ส่วนยอดบาดเจ็บของกำลังพลทางกองทัพบกจะชี้แจงต่อไป
กองทัพแจงหลายพื้นที่ยังปะทะเดือดทั้ง 'สุรินทร์-สระแก้ว-ตราด'
กองทัพชี้กัมพูชารบตลอดแนวเนิน 350 ยุทธภูมิสําคัญ ปราสาทตาควายสู้รบไม่จบ ยังเข้มข้น ยังหวังช่วงชิงตีพื้นที่ ส่วนสระแก้วโดนหนัก บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว และ จ.ตราด
กกล.บูรพา สรุปสถานการณ์ปะทะเดือดวันที่ 7 ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน
ทอ. ส่งเครื่องบินรบ ทิ้งระเบิดใส่คลังอาวุธกัมพูชา ตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้ว
ทภ.1 เผย ‘กัมพูชา’ ยังกัก ‘คนไทย’ ฝั่งปอยเปต ส่วนเหตุปะทะ 3 พื้นที่ ‘บ.คลองแผง-หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’ ฝ่ายกัมพูชา ระดมยิง BM 21 - ปืนใหญ่ - เครื่องยิงลูกระเบิด ‘ฝ่ายไทย’ บิน ‘เครื่องบินรบ’ ทิ้งระเบิด ‘คลังอาวุธ-กระสุน -ระบบสื่อสารของหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ’ ของกัมพูชา
เพจดังเฉลย เหตุผลที่ทหารพรานต้องเดินเท้าขึ้น 'เนิน 323' เชิญธงชาติสู่ยอดเนิน
หลังจากที่กองกำลังบูรพา โดย หน่วยเฉพาะกิจคลองหาด (ฉก.คลองหาด) ภายใต้การนำของ พ.อ.ภูมินรินทร์ สุขเสพ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 13 ได้นำกำลังพลจาก ชค.ทพ.13 ออกลาดตระเวนด้วยการเดินเท้าเข้าสู่พื้นที่สำคัญ บริเวณเนิน 323 อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย
เปิดภาพแฉกัมพูชา ดัดแปลงปราสาทพระวิหาร กลายเป็นสนามรบที่ตั้งกองกำลังทหาร
เพจกองทัพภาคที่ 1 โพสต์ภาพปราสาทพระวิหารที่ฝ่ายกัมพูชาปรับเปลี่ยนพื้นที่จนกลายเป็นสมรภูมิรบ โดยระบุข้อความว่า "โบราณสถานไม่ใช่สนามรบ"

