'วรภัค' ไขก็อกลาออกหลังมีชื่อเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์

อึ้ง!! ‘วรภัค’ ประกาศไขก็อกลาออกตำแหน่ง รมช.การคลัง พร้อมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลังมีชื่อเอี่ยวแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงิน scammers ในกัมพูชา เดือด!! พาดพิงภรรยารับคริปโตหลายล้านเหรียญ พร้อมท้าใครมีหลักฐานเปิดมาได้เลย

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2568 เวลาประมาณ 14.20 น. ที่กระทรววงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.การคลัง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมช.การคลัง เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นอิสระ ภายหลังจากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าบิดเบือน ใส่ร้าย ป้ายสี ว่ามีส่วนพัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชา พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ได้ถูกกดดันจากรัฐบาลแต่อย่างใดในการตัดสินใจดังกล่าว และก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเบื้องต้นให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงการตัดสินใจดังกล่าวแล้ว

“ผมไม่ได้เตรียมการอะไรเกี่ยวกับเรื่องการลาออก เพียงแต่วันนี้ต้องการมาชี้แจงข้อเท็จจริงทุกประเด็นผ่านสื่อมวลชน และการลาออกเพราะต้องการให้มีความเป็นอิสระในกระบวนการตรวจสอบ ไม่ใช่มาตรวจสอบตอนที่ผมยังอยู่ในตำแหน่ง รมช.การคลัง ผมมีประวัติการทำงานและจรรยาบรรณที่โปร่งใส ตรวจสอบได้มาตลอด 30 ปีในแวดวงการเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติและองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ของไทย และปัจจันทำงานในตำแหน่ง รมช.การคลังด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการกระทรวงการคลังได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผมมากกว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้ในช่วงที่ทำงานเป็นที่ปรึกษานายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง รวมทั้งในปัจจุบัน จะสามารถยืนยันได้ว่าผมทำงานอย่างไร” นายวรภัค ระบุ

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพาดพิงกรณีการฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย ‘Cambodian Scammers’ นั้น นายวรภัค ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับกระบวนการหลอกลวงต้นทุนหรือธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในประเทศกัมพูชาหรือประเทศอื่นใดทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่มีความพยายามเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank Cambodia ให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรยืนยันว่าไม่อาจทราบได้ และคงต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอยืนยันว่าส่วนตัวไม่สนับสนุนธุรกรมผิดกฎหมายและจะไม่ปกป้องผู้ที่กระทำผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าเคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคาร ชื่อ Mr. Leak Yim แต่ไม่เคยเป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใด ๆ ของ BIC Bank Cambodia และไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใด ๆ ซึ่งการที่มีการนำรูปและชื่อไปลงเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มธนาคารนั้น นายวรภัค ระบุว่า ‘ไม่เคยทราบมาก่อน’ ส่วนประเด็นของ Mr. Benjamin Mauerberger นั้น เนื่องจากลูกของนายวรภัคเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย แต่ส่วนตัวไม่เคยทราบลึก ๆ ว่า Mr. Benjamin ประกอบธุรกิจอะไร อย่างไร หรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างไรกับ Mr. Leak Yim เพราะนายวรภัค และ Mr. Benjamin เป็นผู้ปกครองนักเรียนวัยเดียวกัน ชั้นเดียวกัน และโรงเรียนเดียวกันเท่านั้น

สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Nominee) เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus : FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa นั้น รมช.การคลัง กล่าวว่า ในปี 2564 ได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ FSS ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกประการ เป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า management buy out และการซื้อหุ้นครั้งนั้นได้รับวงเงินสนับสนุน 2 ส่วน คือ ส่วนที่ซื้อหุ้นและส่วนที่ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ซึ่่งส่วนแรกเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ ชื่อ Capital Asia Investment (CAI) และส่วนที่ 2 จาก BIC Bank Lao ซึ่งเป็นธนาคารที่ถือหุ้น 70% โดยกลุ่มธุรกิจชาวลาว ชื่อ Asia Investment and Financial Services Sole Co., Ltd. และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว โดยวงเงินจาก BIC Laos เป็น Standby Facility เพื่อทำ Tender แต่เนื่องจากไม่มีผู้มาขายใน Tender จึงไม่มีการใช้วงเงินนี้

“BIC Bank Lao และ BIC Bank Cambodia มีความเกี่ยวกันกันอย่างไรจากในอดีต ถึงใช้ชื่อคล้ายกันนั้นผมไม่ทราบ ผมทราบแต่เพียงว่าในปัจจุบันนั้น ความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการนั้นแยกกันเด็ดขาด BIC Bank Lao ดำเนินกิจการมานานแล้ว เป็นธุรกิจธนาคารที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว เท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นโดย บริษัท Apsara Holding 99% และ Mr. Yim Leak 1% และหลังจากนั้นผมได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดและลาออกจากตำแหน่งกรรมการทุกตำแหน่งในบริษัท และไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ในการถือหุ้นในการบริหาร Finansia อีก ดังนั้นการคาดเดา กล่าวอ้าง หรือกล่าวเท็จเรื่องในความคิดตัวเองว่าผมเป็น Nominee หรือเป็นฟันเฟืองสำคัญของกระบวนการ scammer ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนข้อเท็จจริง” นายวรภัค กล่าว

นายวรภัค กล่าวอีกว่า กระบวนการใส่ร้ายป้ายสีล่าสุดยังได้เหิมเกริมใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จกับภรรยาของผมว่าได้รับประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และขอยืนยันและมั่นใจว่าภรรยาของผมไม่เคยมีบัญชีคริปโตใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย ดังนั้นหากใครที่กล่าวอ้างว่ามีหลักฐานยืนยัน จึงอยากขอให้เปิดเผยมาเลย

ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ทำให้เสียชื่อเสียง โดยส่วนตัวยังคงเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมและจะยืนหยัดในความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคลและเกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าเสียดาย เพราะได้เข้ามาทำงานในช่วงสั้น ๆ แต่ยืนยืนว่าที่ผ่านมาไม่เคยอยากนั่งตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่เคยทะเยอทะยานในเรื่องนี้ และที่ผ่านมาภรรยาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ แต่ส่วนตัวคิดสะระตะแล้ว มีความอยากช่วยเหลือประเทศ ก่อนหน้านี้จึงได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง และเห็นว่าวันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยยังเต็มไปด้วยปัญหาเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ต้องปฏิรูปยกใหญ่ในหลายด้านเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

“เสียดาย ทำงานอยู่ในช่วงสั้น ๆ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถือว่าโชคดีที่ได้รับความร่วมมือที่ดีจากข้าราชการกระทรวงการคลัง ที่ผ่านมาได้คุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ตลอดว่าเราเป็นรัฐมนตรีใหม่ แต่ก็ต้องเข้าใจข้าราชการว่าจะต้องมีตัวชี้วัดในการทำงาน ซึ่งนโยบาย Quick-Big-Win เป็นงานส่วนที่เพิ่มเข้ามา จึงต้องฉายภาพให้ข้าราชการเห็นว่าเรื่องนี้มีความจำเป็นในการร่วมมือร่วมใจเพื่อฉุดให้เศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม และหลังจากนี้แม้ผมจะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแล้ว แต่หากยังมีอะไรที่สามารถทำได้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเต็มที่”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 ชาติผนึกกำลังทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุบ 'KK Park - ชเวก๊กโก' ราบคาบ เตรียมหิ้วตัวกลับจีนล็อตใหญ่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอ

‘เอกนิติ’แจงศก.ไทยรับไม่ได้หลังบาทแข็งโป๊ก ถกธปท.ดูแลใกล้ชิด

‘เอกนิติ’ แจงเศรษฐกิจไทยรับไม่ได้หลังบาทแข็งโป๊ก เร่งหารือแบงก์ชาติ ประสานนโยบายดูแลใกล้ชิด พร้อมมอบนโยบายคลังช่วยบรรเทา โยนส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจพิจารณานำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็น กระทุ้ง สบน. เร่งคืนหนี้ต่างประเทศ

เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ

เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2