5 ธันวาคม 2568 - นายกรณ์ จาติกวณิช สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า Connection = Corruption
ต่อคำถามว่า ท่านนายกฯ และท่านรัฐมนตรีคลัง รู้จักมักคุ้นกับนายเบน สมิธ แค่ไหน ผมก็รู้เท่าที่ทุกคนวันนี้รู้ ซึ่งจากภาพที่มีการปล่อยออกมา คำตอบก็คือคุณเอกนิติเคยเจอ และคุณอนุทินมีความคุ้นเคยพอที่จะนั่งทานข้าวด้วย อย่างน้อยก็ตามที่ท่านได้ชี้แจงว่า ‘ในฐานะเพื่อนของเพื่อน‘
ถ้าเพียงแค่นั้นก็ไม่มีอะไรผิด แต่สะท้อนให้เห็นความจริงว่า ’ระบบการสร้าง connection’ และ ‘การสร้าง connection อย่างเป็นระบบ’ ของสังคมไทยนั้นน่ากลัวและอันตรายอย่างไร ผมและหลายคนพูดหลายครั้งว่ารัฐควรยกเลิกพวก ‘หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง’ ต่างๆเสียที ส่วนหลักสูตรของเอกชน เจ้าหน้าที่รัฐก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าร่วม
และเสียดายแทนที่ท่านไม่เปิดเผยก่อนหน้า ว่าท่านรู้จักและเคยสังคมกับบุคคลคนนี้ ทั้งๆที่เป็นบุคคลต้องสงสัยเรื่องการฟอกเงิน
น่าคิดว่าเราควรมีกฎหมายเหมือนสิงคโปร์ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐต้องเปิดเผยการพบปะกับนักธุรกิจต่างชาติทุกกรณี
ในยุคที่มีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นระดับสุดขีด เราต้องถามตัวเองว่า ตกลงเราจะเอาจริงกันมั้ยเรื่องนี้?
ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ประเด็นเดียวกันว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ ในการยกเลิก “หลักสูตรคอนเนคชัน” ที่หล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ และเสี่ยงกลายเป็น one stop service ให้กับผู้ประสงค์ร้ายในการเข้าถึงผู้มีอำนาจในประเทศจากทุกแวดวง ]
สังเกตไหมครับ ว่าหลังจากที่สังคมได้เห็นและตั้งคำถามต่อภาพที่มีการปรากฏตัวร่วมกันของบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ กับเครือข่ายผู้มีอำนาจทางการเมือง-ธุรกิจ-ทหาร-ตำรวจ-ราชการ คำชี้แจงของผู้มีอำนาจหลายคนเกี่ยวกับที่มาของภาพ มักโยงกลับไปที่ #หลักสูตรอุปถัมภ์ หรือ #หลักสูตรคอนเนคชัน ตัวย่อต่างๆของหน่วยงานรัฐ
- รูปกับนายกฯ ที่หน้าโรงแรม ก็ถูกชี้แจง ว่าเป็นภาพระหว่างการเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ของหลักสูตร วปอ.
- รูปกับรองนายกฯ ในงานเลี้ยง ก็ถูกชี้แจง ว่าเป็นกิจกรรมของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรจะเอาจริงกับการทบทวนหรือยกเลิกการมีอยู่ของหลักสูตรเหล่านี้ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีอยู่อย่างแพร่หลายในหลายหน่วยงาน (เช่น วปอ. ของกระทรวงกลาโหม / นธป. ของศาลรัฐธรรมนูญ / บยส. ของศาลยุติธรรม / นยปส. ของ ป.ป.ช. / พตส. ของ กกต.)
ที่ผ่านมา ผมได้เคยนำเรื่องดังกล่าวหารือใน กมธ. พัฒนาการเมืองฯ ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของหลักสูตร - แม้หน่วยงานพยายามให้เหตุผลว่าหลักสูตรต่างๆถูกริเริ่มด้วยเจตนาที่ดีในการส่งเสริม “การเรียนรู้” ระหว่างองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งคำถามมาโดยตลอด คือการมีอยู่ของหลักสูตรเหล่านี้ “ได้” คุ้ม “เสีย” หรือไม่ ?
1. หากหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริง และไม่ได้มีไว้เพื่อเส้นสายหรือ “คอนเนคชัน” เป็นหลัก ทำไมเราถึงไม่ค่อยได้รับรู้ถึงนวัตกรรมเชิงนโยบายหรือประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมของการร่วมมือกันระหว่างผู้เข้าเรียนจากแต่ละองค์กร ทั้งๆที่หลายหลักสูตรเหล่านี้จัดมาหลายสิบรุ่น?
2. หากหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริง และไม่ได้มีไว้เพื่อเส้นสายหรือ “คอนเนคชัน” เป็นหลัก ทำไมเราไม่เคยเห็นถึงความพยายามในการนำคลิปการสอนจากหลักสูตร (เฉพาะส่วนที่เป็นการบรรยาย ไม่ใช่ส่วนที่เป็นการทำกิจกรรม workshop) มาเผยแพร่ออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงองค์ความรู้บางส่วนที่ถูกถ่ายทอดในหลักสูตร?
3. หากหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริง และไม่ได้มีไว้เพื่อเส้นสายหรือ “คอนเนคชัน” เป็นหลัก ทำไมเราไม่เคยเห็นถึงความพยายามของหลักสูตรในการปรับรูปแบบเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องการสร้างระบบเส้นสายและระบบอุปถัมภ์ (เช่น จัดการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์เพื่อลดกิจกรรมสันทนาการ / เปลี่ยนจากหลักสูตรที่รับผู้เข้าเรียนเป็นรุ่นๆมาเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนหัวข้อและผู้เข้าร่วมเป็นครั้งๆตามความเหมาะสม / แยกกิจกรรมการเรียนรู้ระหว่างผู้เรียนจากแต่ละองค์กรที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบกันและกัน หรือเสี่ยงจะเอื้อประโยชน์ต่อกันและกัน)
4. แม้คุณเชื่อว่าหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริง มีใครกล้ายืนยันไหม ว่าประโยชน์ดังกล่าวคุ้มค่าจริง เมื่อเทียบกับงบประมาณจากภาษีประชาชนที่ต้องใช้ในการจัดหลักสูตรดังกล่าว ซึ่งไม่ได้รวมถึงแค่ค่าวิทยากรหรือค่าดำเนินการจัดการสอนภายในประเทศ แต่ยังรวมถึงการนำพาผู้เรียนหลายสิบคนไปดูงานต่างประเทศพร้อมกันเกือบสัปดาห์?
5. แม้คุณเชื่อว่าหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริง มีใครกล้ายืนยันไหม ว่าประโยชน์ดังกล่าวคุ้มค่าจริง เมื่อเทียบกับความเสี่ยงในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อระบอบอุปถัมภ์ เนื่องจากหลักสูตรส่วนใหญ่ (1) มักมีผู้เข้าร่วมจากทั้งองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบกับภาคส่วนที่ถูกตรวจสอบ (เช่น ศาล & นักการเมือง-นักธุรกิจ) หรือจากกลุ่มองค์กรหรือภาคส่วนที่เสี่ยงจะเอื้อผลประโยชน์ให้กันและกัน (เช่น บริษัทผู้รับเหมา & หน่วยงานรัฐเจ้าของโครงการ) และ (2) มีความเสี่ยงในการส่งเสริมค่านิยมให้เกิดการปกป้องหรือช่วยเหลือกันและกันในบรรดาผู้เข้าเรียน (เช่น การส่งเสริมความ “สามัคคี” หรือความเป็น “ครอบครัว” หรือ “พี่น้อง” เกินสมควร ระหว่างผู้เข้าร่วมในรุ่นเดียวกันและระหว่างแต่ละรุ่น)
ในการอภิปราย พ.ร.บ. งบประมาณ 2569 ผมได้พยายามทำงานใน กมธ. และอภิปรายในสภาเพื่อตัดงบประมาณสำหรับหลักสูตรดังกล่าว (link ใน comment) แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าว สส. ส่วนใหญ่ในสภา
ความจริงแล้ว ข้อเสนอในการทบทวนหรือยกเลิกหลักสูตรคอนเนคชันเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงภาพไม่กี่ภาพวันนี้
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพไม่กี่ภาพดังกล่าว ยิ่งตอกย้ำถึงความเสี่ยงของหลักสูตรดังกล่าว ในการสร้างพื้นที่ทำเลทอง หรือ “ศูนย์บริการแบบครบวงจร” (one-stop service) ให้ผู้ที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนจากทรัพยากรรัฐ สามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจในประเทศจากทุกแวดวงโดยตรง
เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรที่ถูกจัดโดยหน่วยงานความมั่นคง กลับกลายเป็นช่องทางในการเข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐ ของบุคคลที่ถูกมองว่าเชื่อมโยงหรือใกล้ชิดกับเครือข่ายสแกมเมอร์นานาชาติ ซึ่งนับเป็นภัยคุกคามอันดับต้นๆต่อความมั่นคงของประเทศ
เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรที่ถูกจัดโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยประชาชน กลับกลายเป็นช่องทางในการเข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐ ของของบุคคลที่ถูกมองว่าเชื่อมโยงหรือใกล้ชิดกับเครือข่ายที่หลอกลวงและคุกคามความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระวังปชช.ลุกฮือ! เร่ง 'แก้รธน.' เพิ่มอำนาจตัวเอง ไม่สนปัญหาปากท้อง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เขาต้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้พวกตนมีอำนาจมากขึ้น โดยไม่สนใจปากท้องประชาชน
'ดร.มานะ' ยก 10 เหตุผลขอจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ บ่อยครั้งใช้เลี่ยงไม่เข้าโครางการข้อตกลงคุณธรรม
หากเราป้องกันคอร์รัปชัน ล็อกสเปก ฮั้วประมูล แล้วเข้มงวดให้ทุกหน่วยงานใช้อีบิดดิ้งมากขึ้นอีกสัก 5% ประเทศของเราคงเหลือเงินเพิ่มได้อีก 2 – 3 แสนล้านบาท
'รักชนก' ชงตัดงบบูรณาการต่อต้านคอร์รัปชันบอกดัชนีโกงไม่ได้ดีขึ้นเลย
'รักชนก' ลั่นอย่าให้เจ้ากระทรวงใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซัดงบบูรณาการต่อต้านคอร์รัปชัน วัดผลไม่ได้-ซ้ำซ้อน แนะกรมบัญชีกลาง-ป.ป.ช. เปิดข้อมูล ทำธรรมาภิบาล กำหนดอาสาให้ชัดเจน
ก.ร.ตร. เปิดแอปพลิเคชัน COPDEE ดึงปชช.มีส่วนร่วม ยกระดับคุณธรรมตำรวจ ป้องกันคอร์รัปชัน
ประธาน ก.ร.ตร. ร่วมเผยแพร่งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ยกระดับคุณธรรมและจริยธรรมป้องกันการคอร์รัปชันของตำรวจ เปิดตัวแอปพลิเคชัน COPDEE
คปท.นัด 9 ก.ค.บุกสภา ค้านนิรโทษกรรม คดีคอร์รัปชัน-112-อาญาร้ายแรง!
คปท. ประกาศจุดยืนค้านนิรโทษกรรม 3 คดีร้ายแรง คอร์รัปชัน คดีมาตรา 112 และอาญาร้ายแรง ชี้ไม่ใช่คดีการเมือง และไม่ใช่ความเห็นต่างทางการเมือง พร้อมชวนใส่ผ้าใบไปรัฐสภา 9 ก.ค.
'ดร.มานะ' ชำแหละขบวนการงาบงบ 950 ล้าน ซ่อมบำรุงเครื่องบินตำรวจ
คอร์รัปชันในการซ่อมบำรุงโดยช่างกองบินฯ เอง ยังมีการซ่อมด่วนที่ทั้ง 3 ฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน การจัดซื้ออะไหล่และวัสดุอุปกรณ์ประเภทใช้แล้วหมดไป


