กองทัพชี้กระแสสังคมยังหนุนทหารทำศึกชายแดนแต่นานาชาติจ้องเรื่องมนุษยธรรม

ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ เผยรายงานประเมินกระแสในประเทศเหตุสู้รบไทย- กัมพูชาหนุน 'รัฐ–กองทัพ' สูง มองทำได้ 'เหมาะสม- ถูกทาง' ขณะนานาชาติโฟกัสประเด็นมนุษยธรรม

24 ธ.ค.2568 - พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา เปิดเผยถึงรายงานการประเมินกระแสสังคมและนานาชาติ กรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา จนถึงวันที่ 23 ธ.ค.68 ระบุว่า ภาพรวมการรับรู้ ทั้งในและต่างประเทศสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกัน โดยภายในประเทศกระแสสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยและบทบาทของกองทัพอยู่ในระดับสูง ขณะที่เวทีนานาชาติให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ

พล.อ.อ.ประภาส ระบุอีกว่า ในสังคมไทยมีความเชื่อมั่นโดยรวมว่าการดำเนินการของรัฐและกองทัพ เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและถูกทาง อย่างไรก็ตาม ยังปรากฏความห่วงใยต่อความปลอดภัยของกำลังพล รวมถึงผลกระทบต่อพลเรือนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะประเด็นทุ่นระเบิด บ้านเรือน และสัตว์เลี้ยง ขณะเดียวกัน พบการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและวาทกรรมยั่วยุบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความแตกแยกภายในประเทศ

“ในระดับนานาชาติ สื่อต่างประเทศและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนหนึ่งให้น้ำหนักกับผลกระทบต่อพลเรือน ความสูญเสีย และคำถามด้านกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยภาพลักษณ์ของไทยมักถูกนำเสนอผ่านกรอบเปรียบเทียบระหว่างประเทศขนาดใหญ่กับประเทศขนาดเล็ก แม้ฝ่ายไทยจะย้ำหลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายสากลก็ตาม ขณะเดียวกัน ประเทศมหาอำนาจและประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียนและจีน แสดงท่าทีสนับสนุนการใช้กลไกการเจรจาและการไกล่เกลี่ยเพื่อลดความตึงเครียด”ผอ. ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา กล่าว

พล.อ.อ.ประภาส กล่าวอีกว่า รายงานดังกล่าวยังได้ประเมินแนวโน้มระบุถึงจุดแข็งของฝ่ายไทย ได้แก่ การยืนอยู่บนกรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการป้องกันตนเอง การได้รับการสนับสนุนจากสังคมภายในประเทศ และการที่เวทีอาเซียนยังเปิดกว้างสำหรับการคลี่คลายสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากการขยายวาทกรรมเชิงอารมณ์หรือเชื้อชาติซึ่งอาจกลายเป็นสงครามข้อมูล รวมถึงการตั้งคำถามจากสื่อบางสำนักเกี่ยวกับประเด็นมนุษยธรรม ผู้พลัดถิ่น และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากการรับรู้ด้านความปลอดภัย

ในเชิงข้อเสนอเชิงนโยบาย รายงานเสนอให้รัฐปรับปรุงการสื่อสารโดยยึดกรอบการป้องกันตนเองตามกฎหมายสากลควบคู่มนุษยธรรม ลดการใช้ถ้อยคำยั่วยุ และเพิ่มการสื่อสารเชิงรุกต่อสังคมโลกผ่านข้อมูลรูปแบบถาม–ตอบที่ตรวจสอบได้ พร้อมกันนี้ เสนอให้ขับเคลื่อนการทูตแบบทวิภาคีโดยมีอาเซียนเป็นเวทีสนับสนุน เปิดความร่วมมือด้านมนุษยธรรม เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และตั้งกลไกตรวจสอบข้อเท็จจริงของรัฐเพื่อตอบโต้ข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้รายงานยังเสนอให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศกำหนดกรอบการสื่อสารแบบเสียงเดียว (One Voice) กองทัพควบคุมการปฏิบัติการให้สอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พร้อมเปิดเผยข้อมูลเท่าที่เหมาะสม ขณะที่สื่อและผู้มีอิทธิพลทางสังคมควรใช้ข้อมูลที่ยืนยันได้ และลดการขยายวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง ส่วนประชาชนควรตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งต่อ

บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์ในรายงานระบุว่า ไทยควรรักษาความชอบธรรม ความสงบ และความเป็นเอกภาพภายในประเทศ ควบคู่กับการลดผลกระทบด้านมนุษยธรรม ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นแกนหลักในการดำเนินการ สื่อสารอย่างมืออาชีพ และอาศัยกลไกภูมิภาคเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดอย่างยั่งยืน

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' กระตุกคนไทยไม่แปรมิตรให้เป็นศัตรู​ ต้องชี้แจงต่างชาติให้เข้าใจสถานการณ์

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า

สันดานเขมร! ปล่อยข่าวปลอม F-16 ทิ้งบอบม์บันเตียเมียนเจย

ทอ.โต้ เขมรปล่อยข่าวปลอม F-16 บินเหนือน่านฟ้าโอวบีเจียน-ปอยเปต-บันเตียนเมียนเจย ยึดหลัก สิทธิมนุษยชน ย้ำแยกพลเรือนออกจากทหาร ตอบโต้การทหารเท่านั้น

กองทัพไทยย้ำตอบโต้ตามสัดส่วนต่างจากกัมพูชาละเมิดสิทธิมนุษยชน!

กองทัพไทยย้ำจุดยืนตอบโต้เขมรตามสัดส่วน ไม่เกินเหตุ แยกเป้าหมายการโจมตีทางการทหารออกจากกประชาชนชัดเจน ต่างจากเขมรใช้อาวุธหวังทำลายทรัยพ์สินประชาชน-ละเมิดกฎสิทธิมนุษยชน

‘นายพลสีส้ม’ ชี้เปรี้ยงเกมเขมรเดินหลายชั้น ไทยเสี่ยงเสียเปรียบบนเวทีโลก

อดีตรองเลขาฯ สมช. วิเคราะห์ท่าที-ยุทธศาสตร์กัมพูชา ทั้งการไปยูเอ็น การสร้างสถานการณ์ชายแดน และผลต่อความชอบธรรมของไทย เตือนต้องเท่าทันเล่ห์กล ไม่เช่นนั้นไทยอาจตกเป็นฝ่ายถูกกล่าวหาในสายตานานาชาติ