เหตุใดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลังรับวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

      นับตั้งแต่ทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิดเข็มแรกเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2563 โดยในปัจจุบันมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้วกว่า 630 ล้านโดส และมีผู้ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้วกว่า 130 ล้านโดส ซึ่งมีประเด็นที่ถกเถียงกันไปต่างๆ นานา ทั้งเรื่องผลแทรกซ้อน ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค แต่ประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดและแปลกที่สุดคือ ทำไมบางประเทศได้รับวัคซีนแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อถึงเพิ่มสูงขึ้น

            หากจำแนกตามทวีปและภูมิภาค แบ่งเป็น อเมริกา ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และแปซิฟิกตะวันตก ต่างก็มีแนวโน้มของผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงหลังมีการกระจายวัคซีน แต่ต่อมาพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งเทียบเท่ากับช่วงแรกของการระบาด โดยพบผู้ติดเชื้อมากสุดต่อวันมีจำนวนถึง 637,906 ราย

            นั่นแสดงให้เห็นถึงอุบัติการณ์ต่างๆ ที่คล้ายๆ ช่วงก่อนหน้าที่ไม่มีวัคซีน และจากการวิเคราะห์แยกรายประเทศ พบว่า ในประเทศที่ฉีดวัคซีนเกิน 25% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ เช่น อิสราเอล และสหราชอาณาจักร สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ดี

            ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่ฉีดวัคซีนน้อยกว่า 25% พบว่าผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนในปริมาณหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นเครื่องมือช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้

            แม้แนวโน้มของผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีน แต่จะพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดต่ำลงมาก โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2% อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ

            ยกตัวอย่างกรณีสหรัฐ ที่ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 157.61 ล้านโดส คิดเป็น 30.4% ของประชากรทั้งหมด 332.5 ล้านคน จากกราฟจะพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่หลังจากประชาชนได้รับวัคซีนมีแนวโน้มลดลง ก่อนจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้

            เมื่อพิจารณาอัตราการเสียชีวิตจะพบว่าลดลงชัดเจน สะท้อนได้จากกราฟอัตราการเสียชีวิตของประชาชนสหรัฐจากโควิด ซึ่งพบว่าก่อนหน้าได้รับวัคซีนมีผู้เสียชีวิตวันละ 3,000-4,000 ราย แต่ขณะนี้หลังจากรับวัคซีนแล้วพบผู้เสียชีวิตอย่างมากไม่เกิน 1,000 รายต่อวัน

            อย่างไรก็ตาม มีรายงานข้อมูลว่าเมื่อมีวัคซีนประชาชนสหรัฐก็เริ่มชะล่าใจ ละเลยการปฏิบัติตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ ที่ระบุให้ประชาชนหมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง เนื่องจากคิดว่าวัคซีนต้านโควิดสามารถป้องกันโรคได้

            ด้านอินเดีย แม้ว่าปัจจุบันจะมีการฉีดวัคซีนแล้ว 68.68 ล้านโดส คิดเป็น 5% ของประชากรทั้งหมด แต่กลับพบว่าล่าสุดอินเดียมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 1 แสนรายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุที่ประเทศอินเดียพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้น 12 เท่า จากอัตราการระบาดต่ำสุดในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนระบุว่า หลังจากการผ่อนปรนมาตรการ ทำให้ประชาชนหยุดสวมใส่หน้ากากอนามัย และไม่มีการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย

            ประกอบกับการมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จะยังคงเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ โดยองค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า ถ้าหากเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่ตอนนี้ให้กับผู้ใหญ่ที่อยู่อาศัยภายในเมืองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ประกอบด้วย เมืองมุมไบ ปูเน และนาสิก ภายในเดือน เม.ย.2564 จะมีอัตราผู้ติดเชื้อโควิดลดลง

            ทั้งๆ ที่วัตถุประสงค์หลักของวัคซีนต้านโควิดในปัจจุบันคือ การลดอาการป่วย ซึ่งหมายความว่าคนที่ได้รับวัคซีนแล้วมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อและแพร่เชื้อออกไป ตรงนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดของโควิดเพิ่มขึ้นในสหรัฐ

            ในส่วนของสหราชอาณาจักรเป็นอีกประเทศที่ประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีน เพราะหลังจากมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 36.25 ล้านโดส คิดเป็น 46.1% ของประชากรทั้งหมด 67.9 ล้าน จะพบว่ากราฟการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และอัตราการเสียชีวิตก็ลดลงเช่นกัน แม้จะเกิดการกลายพันธุ์ของโควิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

            โดยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของสหราชอาณาจักรในการฉีดวัคซีนโควิดเป็นประเทศแรก หลังพบการระบาดภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการฉีดวัคซีนในการควบคุมเชื้อโควิด

            ส่วนบราซิล หลังจากการฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 20.63 ล้านโดส คิดเป็น 7.6% ของประชากรทั้งหมด 212.5 ล้านคน พบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 69,662 รายต่อวัน จากกราฟอัตราการเสียชีวิตพบว่ามีผู้เสียชีวิตวันละกว่า 2,000 ราย และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วคือ เชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ P.1 ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้แพทย์กำลังศึกษาดูธรรมชาติของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้อยู่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าสายพันธุ์ใหม่นี้มีผลกระทบต่อวัคซีนหรือปัจจัยอื่นๆ หรือไม่

            สรุป แม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ตัวเองก็ยังสามารถเป็นพาหะนำโรคได้อยู่ เนื่องจากประสิทธิภาพวัคซีนคือป้องกันไม่ให้โรคทำปฏิกิริยากับร่างกาย ให้ร่างกายป่วยหนักหรืออ่อนแอลง ซึ่งประเด็นที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็คือเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่แพร่กระจายเร็วขึ้น และการที่ประชาชนการ์ดตกกันเอง เพราะคิดประมาทว่าเชื้อโควิดจะไม่สามารถเข้าร่างกายได้หลังจากรับวัคซีน จึงละเลยมาตรการป้องกันโรค เป็นเรื่องสำคัญที่ไทยจะต้องถอดบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าว.

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"