องค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์กล่าวหาอิสราเอลว่าดำเนินนโยบายแบ่งแยกสีผิวและกดขี่ข่มเหงชาวปาเลสไตน์ และชนกลุ่มน้อยเชื้อสายอาหรับในอิสราเอล ซึ่งถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

แฟ้มภาพ ที่ตั้งถิ่นฐานชาวยิวมาเลอาดูมิน ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ชานกรุงเยรูซาเลม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 (Photo by AHMAD GHARABLI / AFP) (Photo by AHMAD GHARABLI/AFP via Getty Images)

    รายงานรอยเตอร์กล่าวว่า องค์กรสิทธิมนุษยชนจากนิวยอร์กชี้แจงว่า รายงานความยาว 213 หน้าที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ 27 เมษายน ไม่ได้มีเป้าหมายเปรียบเทียบอิสราเอลกับยุคสมัยของการแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ แต่เป็นการประเมินว่า "มีการกระทำและนโยบายจำเพาะใดหรือไม่" ที่เป็นการแบ่งแยกสีผิวตามนิยามภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลปฏิเสธคำกล่าวหานี้ทันทีว่า ทั้งผิดประหลาดและเป็นเท็จ พร้อมกับกล่าวหาฮิวแมนไรต์วอตช์ (HRW) ว่าส่งเสริมการบอยคอตอิสราเอลมานานหลายปีแล้ว

    ด้านประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ออกแถลงการณ์ตอบรับรายงานฉบับนี้ด้วยความยินดี พร้อมกับเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศเข้าแทรกแซงอย่างเร่งด่วน รวมถึงเพื่อให้มั่นใจว่ารัฐ, องค์กร และบริษัทต่างๆ ของพวกเขา ไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในปาเลสไตน์

    ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ประกาศว่าจะสอบสวนอาชญากรรมสงครามในเขตเวสต์แบงก์ที่อิสราเอลยึดครอง และในฉนวนกาซา ซึ่งกองทัพอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์เช่นฮามาส อาจเป็นผู้กระทำความผิด

    ในรายงานฉบับนี้ HRW ชี้ให้เห็นถึงข้อกำหนดของอิสราเอลที่จำกัดการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์และยึดที่ดินของชาวปาเลสไตน์มาใช้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวในดินแดนยึดครองช่วงสงครามตะวันออกกลางปี 2510 ว่าเป็นตัวอย่างของนโยบายที่ถือเป็นอาชญากรรมแบ่งแยกสีผิวและการกดขี่ข่มเหง

    "ทั่วอิสราเอลและ (ดินแดนปาเลสไตน์) ทางการอิสราเอลได้ดำเนินการด้วยเจตนาที่จะรักษาความมีอำนาจเหนือชาวปาเลสไตน์ ด้วยการควบคุมเหนือดินแดนและประชากรเพื่อผลประโยชน์ของชาวยิวอิสราเอล" รายงานกล่าว "บนพื้นฐานนี้ รายงานสรุปว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติด้วยการแบ่งแยกสีผิวและการกดขี่ข่มเหง" ตามนิยามภายใต้อนุสัญญาการแบ่งแยกสีผิวปี 2516 และธรรมนูญกรุงโรมปี 2541.