'หมอทวี' เผยวัคซีนซิโนแวค-แอสตราเซเนกา อยู่ในเกณฑ์ทั่วโลกยอมรับ ป้องกันเสียชีวิต-ลดผู้ป่วยไอซียู


เพิ่มเพื่อน    

29 เม.ย.64 - ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อเด็กแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แถลงถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า การฉีดวัคซีนเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้กับเชื้อโรค ในอดีตจะต้องใช้เวลาวิจัย 5-10 ปีก่อนนำมาใช้ แต่ในการระบาดโควิด-19 ใช้เวลาเพียง 10 เดือน โดยเป็นการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ที่จะต้องเฝ้าระวังมากกว่าปกติ เช่น สังเกตอาการ 30 นาที หลังฉีดทันที และรายงานผลในช่วงวันที่ 1, 3, 7 และ 30 วันหลังฉีด แม้วันนี้ผู้ติดเชื้อลดลงเหลือ 1,800 ราย แต่การฉีดวัคซีนยังต้องดำเนินต่อไป เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนต่อสู้กับโรคนี้ที่ยังต้องต่อสู้อีกยาวนานมาก

นพ.ทวี กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังมีวัคซีนชนิดอื่นเข้ามา แต่จะต้องผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 10 คน ประเทศไทยฉีดวัคซีนรวมสะสม 1.3 ล้านโดส หรือ ร้อยละ 1.7 ของประชากร

นพ.ทวี กล่าวว่า ประเด็นประสิทธิภาพวัคซีน 1.วัคซีนซิโนแวค เทคโนโลยีเชื้อตายใช้กระบวนการผลิตดั้งเดิม มีความปลอดภัย ที่ยอมรับได้ โดยข้อมูลจากบราซิลตีพิมพ์ว่าหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 14 วัน สามารถป้องกันโรคได้เกือบ ร้อยละ 50 และเมื่อฉีดเข็มที่ 2 ก็ป้องกันได้สูงขึ้นมากกว่า ร้อยละ 60 ขึ้นไป 2.วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ (viral vecter) ใช้เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ตัดตอน ไม่สามารถแพร่ขยายจำนวนได้ ฝังเข้าไปให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน การศึกษาพบว่า การฉีดเข็มที่ 1 ครบ 3 สัปดาห์ จะเริ่มป้องกันโรคได้ ร้อยละ 71 หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ลดลง

นพ.ทวี ยังกล่าวอีกว่า วัคซีน 2 ชนิดที่ฉีดในขณะนี้ไม่ต่างกันมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ทั่วโลกยอมรับ มีประสิทธิภาพที่ดี สำหรับคำถามว่าจะรองรับเชื้อกลายพันธุ์ได้หรือไม่ วัคซีนซิโนแวค ประเทศจีนศึกษาวิจัยนำน้ำเหลืองของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค วัคซีนซิโนฟาร์ม และน้ำเหลืองของผู้ป่วยที่หายแล้ว มาจัดการกับไวรัส ซึ่งสามารถทำได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่าไม่ดีเทียบเท่ากับเชื้อดั้งเดิม ส่วนวัคซีนแอสตร้าฯ กับสายพันธุ์อังกฤษที่ระบาดเยอะในบ้านเรา ก็สู้กับเชื้อได้ประมาณเกือบ ร้อยละ 70 แต่สู้ได้ถึงร้อยละ 81 กับสายพันธุ์ดั้งเดิม จึงสรุปได้ว่าวัคซีนที่เรามีอยู่ในมือ ยังรับมือเชื้อกลายพันธุ์ได้แต่อาจไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับสายพันธุ์ดั้งเดิม

นพ.ทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั่วโลกขณะนี้มีวัคซีนที่ทดสอบในคนระยะที่ 3 สำเร็จและกำลังจดทะเบียน ประมาณ 13-15 ตัว ทุกตัวมีผลในการป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันอาการรุนแรงของโรค ลดการนอนไอซียูและการใส่ท่อช่วยหายใจได้เกือบ 100% จึงเป็นหัวใจว่าวัคซีนนั้นต้องการต่อสู้กับความรุนแรงของโรค โดยผู้ป่วยในไอซียู 1 รายจะต้องใช้ทรัพยากรทั้ง บุคคล ยา เวชภัณฑ์มหาศาล ฉะนั้น เมื่อมีจำนวนผู้ป่วยมาก การแพทย์กังวลที่สุดคือผู้ป่วยไอซียู แต่ขณะนี้เรายังรับมือได้อยู่

นพ.ทวี ยังกล่าวอีกว่า ประเด็นความปลอดภัยของวัคซีน พบว่าวัคซีนซิโนแวคมีผลข้างเคียงน้อยกว่าวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจะมีประมาณ ร้อยละ 20-30 พบอาการปวด บวม แดงร้อน ปวดร่างกายหลังฉีด แต่จะหายไปภายใน 2 วัน ส่วนกรณีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พบอาการหลังฉีดวัคซีนคล้ายอัมพฤกษ์ชั่วคราว ความจริงแล้วจากการวิเคราะห์พบว่า เป็นผลข้างเคียงจากความวิตกกังวล รวมถึงความอ่อนเพลียจากการทำงาน ซึ่งอาการหายภายใน 3 วัน ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า มีผลข้างเคียงที่คล้ายกัน เช่น ปวดศีรษะ ปวดร่างกาย แดงร้อน ซึ่งเกิดขึ้นสูงถึง ร้อยละ 40-50 แต่หายภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนกรณีลิ่มเลือดอุดตันที่พบในต่างประเทศ เกิดขึ้นได้ 4 ใน 1 ล้านโดส และพบน้อยในกลุ่มคนทวีปเอเชีย แต่การศึกษาพบว่า หากเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ได้ 125,000 ต่อ 1 ล้านคนที่ป่วย ซึ่งสูงกว่าการเกิดจากวัคซีนเป็นร้อยเท่า

"วัคซีนสามารถฉีดได้ทุกตัว ตัวไหนก็ดี แต่ก่อนฉีดก็จะต้องรับข้อมูลต่างๆ ให้พร้อมเพื่อสร้างความพร้อมก่อนฉีด สิ่งสำคัญที่สุดคือ คนที่ฉีดวัคซีนจะป้องกันตัวเอง ป้องกันครอบครัวได้ เพราะการระบาดรอบนี้มีการติดเชื้อภายในครอบครัวเยอะทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต และสุดท้ายคือ ป้องกันการระบาดได้ เพื่อให้เราค่อยๆ แง้มประตูเปิดประเทศ ทำให้เราค่อยๆ กลับมาใช้วิถีชีวิตได้ปกติ”  นพ.ทวี กล่าว

นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับกรณีหญิงตั้งครรภ์ มีข้อมูลออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิด-19 จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อโควิดถึง 22 เท่า ดังนั้น ประเด็นการฉีดวัคซีนให้ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน โดยผู้รับจะต้องชั่งน้ำหนักผลดีและผลเสียเอง โดยข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาว่า หญิงตั้งครรภ์ 35,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ไม่ค่อยมีผลต่อครรภ์ แต่อาจจะมีผู้ที่คลอดก่อนกำหนดบ้างเล็กน้อย โดยขณะนี้เรายังไม่ฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์แต่หากมีความเสี่ยงก็จะพิจารณาฉีดได้ซึ่งจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์” นพ.ทวี กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"