'หมอแก้ว'สวนกลับนักวิจารณ์สถานการณ์โควิด'คำพูดของลื้อมันมีแต่ heat ไม่มี light'


เพิ่มเพื่อน    


2 พ.ค.64 -นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอแก้ว ผลิพัฒน์" มีเนื้อหาดังนี้
คำพูดของลื้อมันมีแต่ heat ไม่มี light
.
วันนี้พอมีเวลาได้นั่งอ่านความคิดของนักวิจารณ์สถานการณ์โควิด
อ่านแล้วนึกถึงคำสอนอาจารย์ธาดาที่เคยกล่าวไว้
การวิพากษ์วิจารณ์ควรมี light ไม่ใช่ heat
คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ควรเป็นคำวิจารณ์ที่ “ชี้ทางสว่าง” - light
ไม่ใช่เป็นเพียงคำวิจารณ์ที่แค่ “เอามัน” “สะใจ” หรือ “สร้างความสับสน” - ความร้อนรน - heat
.
มันก็คงมีเหตุจูงใจที่ทำให้นักวิจารณ์สถานการณ์โควิดนำเสนอแต่ heat
     แรกก็คือมันทำแล้วดัง มีสำนักข่าวต่างๆ เอาไปตัดแปะ แถมยังเชิญให้มาออกทีวีอีกต่างหาก ยิ่งร้อนแรงยิ่งดูน่ากลัวยิ่งมีถ้อยคำเสียดสียิ่งมีการตั้งชื่อเรียกแปลกๆ - ยิ่งดังมาก ยิ่งสร้างความสับสนก็ยิ่งได้รับความสนใจ
     สองคือมันง่าย บอกแค่ว่ามันมีปัญหาตรงไหน ใครเป็นคนผิด แล้วขยี้แต่งแต้มเติมสีสันลงไป นักวิจารณ์บางคนไม่รับผิดชอบแม้แต่การตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงที่ได้รับมา มันถูกต้องหรือไม่
     สามซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด ก็คือ การชี้ทางสว่าง หรือการชี้แนะทางออกที่เป็นไปได้ มันยากครับ ต้องสืบค้นและเข้าถึงข่าวสารที่ถูกต้อง วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารหลากหลายมิติที่มีความไม่แน่นอนสูงอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) ซึ่งงานอย่างนี้ต้องการคนที่มี “มันสมอง” มาทำงาน
.
นักวิจารณ์แบบเอามันที่สามารถสร้างความสับสนมากๆ มักจะชอบสร้างภาพให้ดูน่าตกใจหรือไม่ก็ใช้ถ้อยคำที่เสียดสี เช่น
* อาจารย์สามแสนห้า-ออกมาบอกว่าถ้าไม่ล็อกดาวน์แบบอู่ฮั่น สงกรานต์ ๖๓ จะมีผู้ติดเชื้อ ๓๕๐,๐๐๐ แน่ๆ ซึ่งโชคดีมากเลยที่เราไม่เชื่อเขา ไม่ได้ล็อกดาวน์แบบอู่ฮั่นจริงๆ เพียงแค่ให้ปิดสถานที่เสี่ยงเท่านั้น ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีผู้ติดเชื้อรายงานในระบบยังไม่ถึงหนึ่งแสนคนเลย
* อาจารย์สลอธ - ออกมาบอกว่า ช้าแล้ว คุมไม่ได้แล้ว เอาไม่อยู่แล้ว แย่แล้ว ระบาดทั่วประเทศแน่นอน
* อาจารย์มโนฉากทัศน์-ออกมาสร้างฉากทัศน์มากมายพยายามอธิบายภาพอนาคต ทุกฉากทัศน์ “เอามัน” คือคุมไม่ได้ คุมไม่อยู่ จะระบาดไปทั่วประเทศ
* อาจารย์เทเลทับบี้-ออกมาบอกว่าการระบาดระลอก ๒ ที่สมุทรสาครต้องล็อกดาวน์ (อีกแล้ว) แถมยังบอกอีกว่า ถ้าไม่ล็อกดาวน์ ไม่มีทางที่จะควบคุมโรคได้ วิจารณ์คนทำงานที่ทำงานหนักและทำงานอย่างถูกวิธีว่าใช้ยุทธวิธีเทเลทับบี้ แล้วยังไงครับ การระบาดที่สมุทรสาครเหลือผู้ติดเชื้อหลักเดียวในช่วงต้นเดือนเมษายน
* อาจารย์ระบาดจำเป็น-ออกมาบอกว่าการระบาดสมุทรสาครกับทองหล่อเป็นการระบาดต่อเนื่องกัน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเชื้อคนละตัวกัน
* อาจารย์วัคซีน - ออกมาวิจารณ์วัคซีนที่ไทยซื้อไม่มีประสิทธิภาพ ทำไมไม่ไปซื้อวัคซีนที่ไทยไม่ได้จอง วัคซีนบริษัทอื่นดีกว่าเยอะ
ฯลฯ
ไปต่อได้เรื่อยๆ ครับ ถ้าอ่านอีก ก็คงจะเจออีก
.
เรื่องพวกนี้ เห็นชัดๆ ครับว่า บางเรื่องไม่ใช่เป็นการบอกเตือนสังคมด้วยใจที่มี “ธรรม”
คำวิจารณ์พวกนี้แทบไม่ช่วยสถานการณ์เลยครับ
บางครั้งกลับทำให้คนทำงานทำงานยากขึ้นอีก
จริงๆ แล้วเราต้องเปิดใจนะครับ คนทำงานย่อมมีความผิดพลาดได้
ขนาดนักวิจารณ์ยังผิดพลาดเลย บางคนผิดซ้ำผิดซาก ผิดพลาดมากกว่าคนทำงานซะอีก
.
ผมขอเสนอวิธีการเดินไปข้างหน้าดูนะครับ
.
สำหรับคนที่ชอบวิจารณ์สถานการณ์โควิด ผมคิดว่าท่านควร
๑) ตั้งสติ เอาอคติวางไว้าข้างนอกวงก่อนเริ่มวิจารณ์ คิดประเด็นที่ท่านอยากจะให้ข้อเสนอแนะ ไม่ใช่คิดถึงสิ่งที่ท่านจะติ
๒) วิเคราะห์สถานการณ์ให้รอบด้าน พิจารณาทุกมิติ
๓) ระบุทิศทางหรือเป้าหมายของการจัดการกับปัญหาให้ชัดเจน (หลายครั้งผู้วิจารณ์มักไม่ค่อยบอกว่าเขาอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งการตัดสินใจทำอย่างหนึ่งย่อมมีผลกระทบต่ออีกด้านหนึ่ง)
๔) วิเคราะห์ทางเลือกด้วยใจที่ไร้อคติ ด้วยความเข้าใจว่าคนไทยมี ๖๐ กว่าล้านคน ไม่ได้มีท่านคนเดียว คนอื่นเขาก็ต้องการจะ “รอด” ด้วยเหมือนกัน
๕) เสนอ “ทางสว่าง” อย่างสร้างสรรค์ และด้วยใจที่มีเมตตา
.
สำหรับคนอ่าน ท่านควร
๑) ใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้านะครับ อย่าเชื่อเพียงเพราะได้รับการแชร์ต่อๆ กันมา อย่าเชื่อเพราะคนพูดได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ อย่าเชื่อเพราะคนพูดเป็นถึงรองศาตราจารย์ หรือศาสตราจารย์ อย่าเชื่อเพราะผู้พูดเป็นคนที่มีชื่อเสียง อย่าเชื่อเพราะผู้พูดมาจากสถานบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง ฯลฯ
๒) อ่านเยอะๆ ฟังให้มาก มองหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (scientic evidence) อย่ามองหาแต่ความเห็น
๓) ค่อยๆ รวบรวมหลักฐาน ค่อยๆ คิดด้วยตรรกะพื้นฐานที่เรามี
๔) หากไม่เข้าใจ ก็ควร “ถาม” ได้คำตอบมาแล้วนำเข้ามาสู่การคิด วิเคราะห์ต่อ
๕) อย่าลืมจดบางประเด็นที่สำคัญไว้ กันลืม
.
สำหรับสื่อ ผมเสนอเพิ่มเติมจากการเป็นผู้อ่านที่ดีแล้ว
ควรเข้าใจว่านาทีนี้ประเทศอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติครับ
ท่านควรเลือกเสนอความจริง
ท่านควรเลือกนำเสนอ light ให้มากกว่า heat
นำเสนอข้อคิดที่น่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
ไม่ใช่เพียงแค่นำเสนอคำวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะการนำเสนอคำวิพากษ์วิจารณัฐที่ท่านก็รู้ว่าไมีเป็นความจริง
ถามนักวิจารณ์ให้หนักว่า แล้วถ้าเป็นนักวิจารณ์เอง นักวิจารณ์จะแก้ปัญหาอย่างไร
.
ยามนี้ผมอยากเห็น light มากกว่า heat ในสังคมไทย
อยากเห็นคนใช้สมองมากกว่าใช้อารมณ์
อยากเห็นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการใช้อคติ
อยากเห็นคนที่มองภาพรวมมากกว่ามองแค่จุดที่ตนสนใจ
.
เวลานี้เป็นเวลาที่ไทยต้องเป็นหนึ่งครับ
เสนอความคิดอย่างสร้างสรรค์ ต่อเติมเสริมสร้างความเข้มแข็ง
Share the light, not the heat นะครับ
.
#เราจะชนะไปด้วยกัน
#พวกเราทีมไทย
#NeverNeverNeverGiveUp
#สำหรับประเทศไทยน้อยกว่านี้ได้ยังไง
#แด่มดงานเพื่อนร่วมอุดมการณ์
#ศิษย์มีวันนี้เพราะมีครู
#TPWork
#TPlife
#I_Love_What_I_Do
#ชีวิตคือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"