ย้ายประเทศกันเถอะ?


เพิ่มเพื่อน    

 

        เป็นอีกปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ

            โซเชียลร้อนฉ่า เพราะเพจเฟซบุ๊กชื่อ "ย้ายประเทศกันเถอะ" เป็นกลุ่มปิด เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ช่วงเย็นๆ วานนี้มีสมาชิกเกือบ ๖ แสนคนแล้ว

             แสดงว่าเป็นเพจที่ถูกจริตกับคนจำนวนมาก และมาถูกที่ถูกเวลา

            ชื่อเพจ ย้ายประเทศกันเถอะ ทางกลุ่มเขาตั้งกติกาว่าให้โพสต์เรื่องดังต่อไปนี้

            ๑.การเตรียมตัวและวีซ่า

            การเตรียมความพร้อม ทั้งกายใจ ภาษา ไปจนถึงการเตรียมเอกสาร ตั้งแต่การขอวีซ่า การไปเรียน การทำงานและการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว

            ๒.รีวิวประเทศ

            แชร์ประสบการณ์จากต่างแดน ทั้งข้อเด่น ข้อด้อย  ความประทับใจ มุมมองเศรษฐกิจ การเมือง สังคม  วัฒนธรรม จนไปถึงดินฟ้าอากาศ

            ๓.แนะนำสายงาน

            แนะนำสายงานต่างๆ โอกาสในการหางาน ตลาดงาน  ความต้องการแรงงาน รวมไปถึงให้คำแนะนำและข้อควรระวังของแต่ละสายอาชีพ

            และโพสต์ที่ไม่อนุมัติ คือใครโพสต์แล้วถือว่าผิดกติกา มีดังนี้

            ๑.โพสต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ของกลุ่ม (ฉอดการเมืองได้ แต่ไม่เอาคำหยาบ)

            ๒.โพสต์ที่เกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดน (เสี่ยงต่อการถูกฟ้องครับ คิดในใจพอ)

            ๓.โพสต์โฆษณาและแฝงการขายที่ไม่ได้รับอนุญาต

            ๔.โพสต์ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง เพศ อาชญากรรม  ยาเสพติด หรือสิ่งอื่นใด ที่ขัดต่อศีลธรรมและกฎหมาย

            ๕.โพสต์ที่สุ่มเสี่ยง ยั่วยุให้เกิดความเข้าใจผิด และความขัดแย้งภายในกลุ่มกันเอง

            ๖.โพสต์ที่ไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่ที่กำหนด

            ๗.โพสต์อื่นๆ ตามที่ผู้ดูแลเห็นสมควร

            เมื่อเข้าไปดูด้านใน สมาชิกเพจนี้ให้เหตุผลในการอยากย้ายประเทศว่า

            เบื่อการเมือง

            เบื่อรัฐบาลประยุทธ์          

            เบื่อที่รัฐบาลรับมือโควิดได้แย่ 

            ผิดหวังกับสังคมไทย

            ไม่ชอบใจโครงสร้างทางสังคมของประเทศ

            รายได้ต่ำ ทำงานหนัก

            เซ็งเรื่องถนนไม่ดี ทางเท้า สู้ต่างประเทศไม่ได้

            ฯลฯ

            ก็น่าเห็นใจ และเป็นสิทธิที่มวลมนุษยชาติ ทุกคนสามารถย้ายประเทศได้ หากมีความพร้อม และมีคุณสมบัติตามที่แต่ละประเทศกำหนด

            บางคนบอกว่า พร้อมที่จะเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะอยู่ในไทยก็เป็นพลเมืองชั้นสองเหมือนกัน หากคิดแบบนี้ก็อยากให้เตรียมใจรับสถานการณ์ เพราะในความเป็นจริง อาจได้เป็นพลเมืองชั้นสาม สี่

            ภาษาไม่ได้ ความรู้ไม่พอ เงินไม่มี ไม่ต่างอะไรจากนรก

            มีข้อแนะนำ ใครที่คิดว่าอยากไปใช้ชีวิตในต่างแดน  หมดโควิดแล้วให้ลองซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวประเทศที่อยากไปก่อนสัก ๒ อาทิตย์

            ถ้าไม่คิดถึงประเทศไทย อาหารไทย และความเป็นอยู่สบายแบบไทยๆ ถือว่าสำเร็จขั้นต้น สามารถไปใช้ชีวิตต่างแดนได้

            แต่หากคิดถึงอาหารไทย ประเทศไทย คิดถึงเพื่อน  ญาติมิตร ใจจะขาดแนะนำว่าอย่าไป

            ฉะนั้นกติกาคร่าวๆ ก็ไม่มีอะไรมาก มีวีซ่าทำงาน ไม่เป็นโรคโฮมซิก แค่นี้ก็ไปกินขนมปังต่างข้าวได้สบาย

            แฮชแท็กยอดนิยมในกลุ่มย้ายประเทศกันเถอะ ดูแล้วยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นประเทศพัฒนาแล้วทั้งสิ้น

            เช่น อเมริกา ยุโรป แคนาดา เยอรมนี อังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และ สิงคโปร์  เป็นต้น

            มองภาพรวมแล้วพอมองเห็นชุดความคิด ของคนรุ่นใหม่ร่วมครึ่งล้านคนในกลุ่มย้ายประเทศกันเถอะ 

            เห็น "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีต กกต.จอมดีด โพสต์ถึงความคิดของเด็กรุ่นใหม่พวกนี้ว่า

                "....ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ปกครองประเทศจะมองผ่าน และคิดว่าเป็นเรื่องสนุกเฮฮา เพ้อฝัน ของคนรุ่นใหม่ ลักษณะการถาม ตอบ แลกเปลี่ยนของสมาชิกในกลุ่มดูจริงจัง และพยายามถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้ชีวิต การเรียน การหางานทำ  การเอาตัวรอด ไปจนถึงทำอย่างไรจะได้อยู่เป็นพลเมืองของประเทศนั้น

                ผู้ถามไม่ได้ถามเอาเล่น และผู้ตอบก็ตั้งใจตอบอย่างมีสาระจริงจัง บางคนถึงขนาดอาสาติวภาษาของประเทศนั้นๆ  ให้ฟรีทางออนไลน์ด้วยซ้ำ คนเหล่านี้มิได้ไม่รักชาติ แต่ผู้ปกครองประเทศในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขารู้สึกว่าประเทศไม่น่าอยู่และต้องการหาที่ไป บางคนถึงขนาดเปรียบเทียบว่า อากง อาม่า ยังอพยพหนีมาจากเมืองจีนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า บัดนี้ถึง generation เขา ก็ต้องหาสิ่งที่ดีกว่าเช่นกัน หากได้ดิบได้ดีแล้วค่อยส่งเงินกลับมาช่วยเมืองไทย

                ในเพจตอนนี้มีแบ่งกลุ่มย่อยตามหัวข้อที่ตนสนใจ เช่น  ทีมอเมริกา ทีมออสเตรเลีย ทีมญี่ปุ่น ทีมวิศวะ ทีมแพทย์ ทีม  data ฯลฯ นับแล้วน่าจะเป็นร้อยทีม ถามตอบเจาะลึกกันอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่คือคนหนุ่มสาว หรือคนวัยทำงาน มีทักษะทางภาษา และมีความรู้ดีพอสมควร จริงอยู่ว่าทั้งสี่แสนกว่ารายไม่มีโอกาสย้ายตามความฝัน แต่คิดง่ายๆ ว่า หากได้ไปสัก ๑๐% ก็ ๔๐,๐๐๐ หรือแค่ ๑% ก็ ๔,๐๐๐ แล้ว  และ ๔๐,๐๐๐ หรือ ๔,๐๐๐ คนนี้ ต้องเป็นครีมของครีม คือคนที่มีความรู้ความสามารถจริงที่ประเทศนั้นยอมรับ

                น่าเป็นห่วงประเทศครับ เข้าไปดูได้ไม่กี่นาที ลูกสาวที่อยู่ในต่างประเทศก็ส่งสายเข้ามา 'ย้ายประเทศมั้ยคะ คุณพ่อ....' "

            ก็ไม่แปลกครับ....ไม่ว่าจะทีมไหน หากมีความสามารถ ต่างชาติดึงตัวไปอยู่แล้ว ไม่ต้องมาสุมหัวปรับทุกข์ย้ายประเทศกันเถอะ

             แต่สิ่งที่ต้องพูดถึงและไม่ต้องมาประดิษฐ์ภาษาดอกไม้เอาใจคนรุ่นใหม่ ก็ขอตั้งคำถามว่า มีฐานความคิดมาจาก  "ชังชาติ" ใช่หรือเปล่า?

            ถ้าใช่ปัญหานี้ไม่มีใครแก้ไขได้ คนรุ่นต่อไปต้องแก้ไขกันเอง

            ครับมันเป็นวิธีคิดแบบทางลัด คิดว่าชีวิตคือสูตรสำเร็จ  ไม่ดีก็ทิ้งไป แล้วหาใหม่ โดยไม่คิดซ่อมแซม พัฒนาของที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น

            การชังชาติ ถึงขนาดไม่อยากอยู่ในชาติที่กำเนิด เพราะคนรุ่นใหม่มีความอดทนต่ำ แต่อยากประสบความสำเร็จเร็ว

            ต่อให้ย้ายกันไปเถอะเป็นสิบๆ ประเทศก็ประสบความสำเร็จยาก เนื่องจากตัวเองยังไม่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำ

            ถ้าทำได้วันนี้ลองถามคนที่ย้ายประเทศ รวมทั้งพวกที่ลี้ภัยดูว่ามีความสุขกว่าอยู่ในไทยหรือไม่

            แต่เชื่อเถอะครับ พวกที่อยากย้ายประเทศเพราะ รถติด  ถนนไม่ดี ทางเท้าแย่ โควิดเยอะ รายได้ต่ำ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกชังชาติ

            ทุกอย่างในชาติตัวเองขวางหูขวางตา สู้เมืองนอกไม่ได้ เจริญหูเจริญตาไปหมด

            พวกนี้เอาแต่บ่น แล้วโทษแต่คนอื่น แต่ไม่คิดแม้กระทั้งแก้ไขที่ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

            โดยเฉพาะพวกที่ไม่พอใจเรื่องโควิด ลองเช็กยอดป่วย ยอดตาย ของประเทศยอดนิยม แล้วเทียบกับไทยดู

            ประเทศอื่นกว่าจะสร้างชาติมาได้ ต้องผ่านสงคราม ความขัดแย้ง เขาอดทน และเขาภูมิใจความเป็นชาติของเขา

            ฉะนั้นใครอยากจะย้ายก็เชิญ ขอให้โชคดี 

            สำหรับประเทศไทยไม่ล่มสลายเพราะขาดพลเมืองที่ไม่เคยคิดพัฒนาบ้านเมืองตัวเองแน่นอน

            ฟันธง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"