‘ดีเจ.ดาด้า’ควง ‘เจสัน’ว่าที่สามีชาวเกาหลี เผยเส้นทางความรักและนาทีขอแต่งงาน


เพิ่มเพื่อน    

 

     ดีเจ.ดาด้า-วรินดา ดำรงผล ควงคู่เจสัน แฟนหนุ่มชาวเกาหลีมาเปิดใจเส้นทางความรักกว่า2 ปี พร้อมเผยโมเม้นต์การขอแต่งงานสุดเซอร์ไพร์สและไขข้อข้องใจว่าแต่งงานแล้วจะออกจากวงการเลยหรือไม่ ในรายการ“คุยแซ่บSHOW”

 

รู้จักกับเจสันได้อย่างไร

ดาด้า: เริ่มต้นเลยคือเขามาประชุมงานที่นี่ แล้วเพื่อนเรามาถามว่าเราพอจะมีคอนเน็กชั่นอะไรที่พอจะดิวกับบริษัทของเขาไหมพอรู้จักเราก็แนะนำให้เขามันเป็นจุดเริ่มต้นเหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อนมากกว่า พอเขามาเมืองไทยเราก็ถามไถ่พาเขาไปเลี่ยงข้าวในฐานะที่รู้จักกันหลังจากนั้นก็รู้มาว่าเขาเป็นคนเกาหลีเวลาเราไปเที่ยวที่เกาหลีเราก็จะถามเขาว่าอยู่หรือเปล่า ถามว่าเริ่มรู้ว่ามีใจให้เขาตอนไหนจริงๆจุดเริ่มต้นเลยมันค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า มันจะมาจากความเป็นเพื่อนก่อนจะค่อยๆพัฒนามันไม่ใช่รักแรกพบ เจอครั้งแรกก็รู้สึกว่าเขาสูงดีเพราะเราชอบผู้ชายตัวสูงเพราะเราตัวเตี้ย 

 

กับดาด้าเป็นรักแรกพบเลยไหม

เจสัน: ไม่ใช่เลย ผมเคยมีความรักแบบมีระยะทางมาก่อนแล้วมันไม่เวิร์ค แต่พอมาเจอดาด้าแล้วมองเห็นความมุ่งมั่นขอดาด้าที่พอไปเกาหลีปุ๊บจะต้องโทรหาผมเวลาผมมาเมืองไทยเขาก็มาดูแล มันก็เหมือนการซื้อใจมาตลอด 

ดาด้า: คือก่อนหน้านั้นด้วยความที่เป็นเพื่อนและเราไปเกาหลีบ่อยไปช็อปปิ้งหรือไปเที่ยวกับเพื่อนเราก็จะโทรหาเขา หลังจากที่เจอกันบ่อยๆเขาก็จะเริ่มทักกูดมอร์นิ่งบ้างเราก็รู้สึกว่าเขาเริ่มสนิทกับเรามากขึ้น เราก็เริ่มรู้แล้วว่าเขาเริ่มจะจีบเราละ หลังจากนั้นเราก็เริ่มถามเองเลยว่าคบกันไหมตอนนี้เราเป็นแฟนกันหรือยัง 

เจสัน: คือตอนแรกผมยังไม่ได้ขอ เขาเป็นคนขอผมเป็นแฟนก่อนว่าเป็นแฟนกันไหม ผมก็บอกเขาไปว่าขอเป็นแฟนทางอินเทอร์เนตไปก่อนเพราะมันมีระยะห่างซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเวิร์คหรือเปล่า 

 

อะไรที่ทำให้ทั้งคู่เป็นแฟนกัน 

ดาด้า: คือตอนแรกดาด้าไม่ได้คาดหวังเลยนะ ด้วยความว่าเรางานยุ่งเราก็เลยต้องการใครสักคนมาคุยเล่นๆก่อนเราก็เลยถามเขาไปเล่นๆว่าจะเป็นแฟนหรือเปล่าเขาก็เล่นๆกับเราว่าเป็นแฟนทางอินเทอร์เนตก่อนละกัน หลังจากที่เริ่มตกลงเป็นแฟนกันเขาเป็นคนพูดก่อนเลยว่ารักทางไกลมันไม่เวิร์คด้าก็บอกว่าไม่เป็นไรเราก็พยายามไปเกาหลีเดือนละครั้งและก็อยากให้เขามาเมืองไทยเดือนละครั้ง แล้วเราก็ทำตามแบบนั้นมาตลอด

 

 

ก่อนมีโควิดคู่นี้ต้องเดินทางไปกลับไทยเกาหลีอย่างน้อย30 ครั้ง 

ดาด้า: เมื่อก่อนพอถึงเย็นวันศุกร์บ่าย3 ด้าจะไปสนามบิน บินไปเกาหลีเพราะเราว่างแค่ศุกร์เสาร์อาทิตย์ แล้วด้าจะกลับคือวันอาทิตย์แล้วกลับถึงเมืองไทยตอนตี4 คือเรารักทางไกลเราก็ต้องทำแบบนั้นคือด้าไปเกาหลีเป็นปกติมาก หลังๆไม่ชวนเพื่อนไปละไปคนเดียวเลย ตารางคือเราจะเจอกันเดือนละครั้งแล้วด้าจะจองล่วงหน้าคือวันศุกร์จะไปถึงสนามบินตอนบ่าย3 ไปถึงที่เกาหลีตอน5 ทุ่มเขาก็จะมารับที่สนามบินส่วนวันกลับก็จะเลือกไฟล์สุดท้ายวันอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนก็จะมาถึงตี4 ของบ้านเราอย่างเขามาเมืองไทยเที่ยงคืนหลังจากที่จัดรายการแฉเสร็จแล้วด้าก็จะขับรถไปสนามบินไปรับเขาก็เป็นแบบนี้ตลอด 

 

เคยทราบข่าวของดาด้ามาก่อนคบกันไหม

เจสัน: คือเจอกันตอนแรกดาด้าเป็นคนบอกเขาก่อนเลยเคยแต่งงานและหย่ามาแล้วนะมีลูกด้วยโอเคไหม ซึ่งผมก็บอกเขาว่าโอเค

ดาด้า: คือเราจะคบกันเขาก็ต้องรู้ว่าเราเคยแต่งงานมาแล้วนะมีลูกแล้วนะเขาโอเคไหม ที่บอกเลยเพราะเรารู้สึกว่ามันเสียเวลาเราโตๆกันแล้วมานั่งแอ๊บกันมันเสียเวลา คือเรามีข้อกำหนดแบบนี้เขาโอเคหรือเปล่า ถ้าเขาไม่โอเคจะได้ไม่ต้องคบกัน 

 

10 เดือนที่ผ่านมาติดโควิดไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้รู้สึกอย่างไรบ้าง 

เจสัน: ก็มีวิดีโอคอลกันและเมสเสจหากันทุกวัน ถามว่าอยู่ได้ไหมอยู่ได้แต่ก็คิดถึงเขามาก 

 

คบกัน3 เดือนดาด้าพาไปหาแม่

ดาด้า: (หัวเราะ) เป็นคนไวตลอด คือด้ากับแม่สนิทกัน ตลอดเวลามีใครมาจีบเราคบกับใครแม่จะรู้เรื่องราวของเราตลอดเราไม่เคยมีความลับกับแม่เราก็เลยมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่กับการที่จะพาเขาไปกินข้าวกับแม่ ซึ่งปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันที่เราจะต้องไปกินข้าวกับแม่เราก็เลยพาแม่และเจสันไปกินข้าวด้วยกันเลยเพราะเราไม่อยากเลือกว่าต้องไปกินข้าวกับใคร ตอนที่เขาจะไปเจอแม่เราเขาก็ตื่นเต้นมาก เขาก็ตกใจแต่เราก็ปลอบเขาไปว่าแม่เลี้ยงเราเหมือนเพื่อนก็ถือว่าไปเจอเพื่อนแล้วกัน คือก่อนไปนอกจากบอกเจสันแล้วเราก็บอกแม่ด้วยว่าจะพอเจสันไปหาแม่เราก็แฮปปี้เขาก็บอกว่าโอเคนะ 

เจสัน: ไปเจอกันครั้งแรกคุณแม่ของดาด้าน่ารักมาก หลังจากปลดล็อกผมก็ทิ้งงานที่โน่นทั้งหมดแล้วก็ไปขอวีซ่าเพื่อบินมาเมืองไทยเพราะรู้สึกว่าขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้

 

เรารู้สึกอย่างไรที่เขาทำขนาดนี้ 

ดาด้า: คือวันนั้นคุยกันแล้วเขาก็บอกเราว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าอยู่ไม่ได้ถ้าต้องแยกกันอยู่แบบนี้ คือก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกันว่าเราจะย้ายไปเกาหลีไหมแต่เราคิดว่ามันยุ่งยากเพราะเรามีงานตรงนี้เราก็เลยถามเขาไปว่ายูย้ายมานี่ดีกว่าสะดวกกว่าเขาก็บอกว่าถ้าย้ายมาเขาต้องทิ้งธุรกิจที่นั่นซึ่งเราก็บอกว่าไม่เป็นไรมาเริ่มต้นที่นี่มาทำธุรกิจร่วมกันได้ พอเขาตัดสินใจจะมาเมืองไทยเราก็หาข้อมูลกันว่าตอนมาเมืองไทยตอนที่ประเทศไทยปิดต้องทำอย่างไร

 

 

อยู่เมืองไทยด้วยกันแค่1 เดือนเจสันก็ตัดสินใจขอดาด้าแต่งงานบรรยากาศการขอแต่งงานวันนั้นเป็นอย่างไร 

เจสัน: วันนั้นเป็นวันที่อากาศดีและไม่มียุง คือตอนแรกผมจะขอดาด้าแต่งงานในวันเกิดแต่สถานที่ไม่เอื้ออำนวยแล้ววันนั้นเป็นวันที่5 ธ.ค. เป็นวันที่พิเศษเราก็ดินเนอร์กันที่เลอบัวที่เกสรทาวเวอร์ ผมบอกกับดาด้าว่าขอไปเข้าห้องน้ำแต่จริงๆแล้วผมวิ่งขึ้นไปเอาแหวนที่ห้องซึ่งแหวนผมบอกให้เพื่อนส่งมาจากเมริกาแล้วเอากล้องให้พนักงานที่นั่นถ่ายคลิปไว้ 

ดาด้า: ตอนนั้นเราก็ตกใจเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขามาเมืองไทยพร้อมแหวนที่เตรียมไว้ขอเราแต่งงาน คือเขาเพิ่งมาบอกว่าเขาพกใส่กระเป๋าสะพายของเขาไว้ตลอดจนวันที่เขาคุกเข่า แต่พอเราเจอเซอร์ไพร์สแบบนั้นเราร้องไห้หนักจนเขาตกใจเขาก็เลยร้องไห้ตามจนพนักงานถามว่าตกลงเซย์เยสไหมเราก็บอกว่าเซย์เยส 

 

คุณพกแหวนในกระเป๋านานแค่ไหน 

เจสัน: แหวนได้มา3 เดือนก่อนจะมาเมืองไทยแล้วคือถ้าไม่คิดแต่งงานผมคงไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่หรอก

 

เจอกันแค่2 ปีคิดว่าเร็วไปไหมสำหรับการขอแต่งงาน 

ดาด้า: สำหรับด้านะด้าว่าไม่เร็วเพราะด้าเป็นคนตรงๆเพราะในช่วงปีแรกๆเราพยายามเป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุดคือถ้าเขารับเราได้ก็ถือว่าโอเคแล้วเขาก็น่ารักมากเขาเป็นคนใส่ใจความเป็นอยู่ว่าเราเป็นอย่างไรบ้าง 

 

โมเม้นต์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วคิดไหมว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราอีก 

ดาด้า: ไม่เคย จริงๆแล้วตอนที่ด้าตัดสินใจเลิกกับอดีตสามีเราไม่เคยโฟกัสเรือ่งความรักเพราะเราทุ่มความรักไปที่งานและลูกแล้ว แต่เคยคิดว่าถ้ามีความรักเข้ามาก็จะพยายามเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ถ้าเขาเข้าใจและแฮปปี้เราก็แฮปปี้แล้ว 

 

มีแฟนใหม่ลูกว่าอย่างไรบ้าง

ดาด้า: น้องดีนเข้ากับเจสันได้ดีมาก  แต่ตอนที่คบกันปีแรกๆน้องดีนยังไม่เจอแต่พอ1 ปีถัดไปน้องดีนก็จะเริ่มได้เจอเริ่มให้ดีนมารู้จักแรกๆที่ถามว่าใครคือแฟนแม่น้องดีนจะบอกว่าอาอ๋องคือแฟนแม่  แต่หลังๆพอได้พูดคุยได้รู้จักเจสันเขาก็จะบอกว่าเจสันไง  ตอนที่แนะนำตอนแรกคือนี่คือเพื่อนแม่แต่ตอนนี้น้องดีนเขาติดเจสันมากกว่าด้าเพราะเขาเจอกันแทบทุกวัน  เขาสามารถพาน้องดีนเข้านอนได้  สอนน้องดีนว่ายน้ำน้องดีนว่ายน้ำได้ทุกวันนี้เพราะเจสัน

 

เจสันชนะใจน้องดีนได้อย่างไร

เจสัน: ผมเป็นคนที่รักเด็กและอยู่กับเด็กได้ และสมัยกลับจากอเมริกาไปอยู่เกาหลีใหม่ๆผมเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กๆที่สำคัญคือน้องดีนน่ารัก 

 

จะแต่งจริงกันเมื่อไหร่ 

ดาด้า:  ที่คิดกันไว้คือต้องแต่งที่เกาหลีด้วยและแต่งที่เมืองไทยด้วยแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ คือหลังจากที่เขาขอแต่งงานเราต้องกลับไปหาพ่อของเจสันก่อนแต่เรายังไม่ได้ไปเจอพ่อเขาเลยเพราะโควิดก็รอว่าเมื่อไหร่จะบินไปได้ คืองานที่เกาหลีก็จะจัดเป็นงานเล็กๆที่ไทยก็จะจัดงานเล็กๆและเชิญเฉพาะเพื่อนจริงๆ 

เจสัน: สำหรับผมอย่างไรก็ได้แค่ขอให้มีดาด้าตรงนั้น 

 

ถ้าแต่งแล้วจะทิ้งงานในวงการบันเทิงไหม

ดาด้า:  ถ้าเป็นภายใน7 ปีนี้ยังไม่ได้ เพราะการย้ายประเทศเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ คือตอนนี้เรายังแฮปปี้กับตรงนี้แต่เคยคุยกันไว้ว่าถ้าแก่ๆกันแล้วก็อาจจะย้ายไปอยู่ที่เกาหลี 

 

อายุห่างกัน 7 ปีมีปัญหาเรื่องอายุไหม

ดาด้า: ไม่มีคือเขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากในขณะที่เราจะเป็นคนติงต๊องมีความเป็นเด็กสูง ด้าก็เลยคิดเองว่ามันมีความบาลาซกันก็โอเคไม่มีปัญหา

 

หลังแต่งจะมีน้องไหม

ดาด้า: ก็คุยกันเพราะเจสันเขาอยากได้ลูกสาวแต่ด้าบอกเขาว่าการท้องมันเหนื่อยมากก็รอดูก่อนเพราะตอนนี้เราก็อายุเยอะแล้ว 

เจสัน: แน่นอนเพราะผมอยากมีลูกสาวแต่ค่อยคิดอีกทีว่าเป็นอย่างไร

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"