เป้าเสี่ยง รบ.ประยุทธ์ จากศักดิ์สยามถึงธรรมนัส ปรับออกไม่ได้-อยู่ต่อทำคางเปราะ


เพิ่มเพื่อน    

         ผลคำวินิจฉัยคดี ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์-แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ เมื่อพุธที่ 5 พ.ค. ให้ "ธรรมนัส พรหมเผ่า" ยังอยู่ในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ต่อไป ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองและข้อกฎหมายตามมาอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามสภาพ หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน เรื่องดังกล่าวก็จะค่อยๆ เงียบหายไป

                เพราะในทางคดี คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาก็ถือว่าสิ้นสุดแล้ว ในประเด็นตามคำร้องของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคก้าวไกล ที่ยื่นคำร้องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาในคดียาเสพติด ของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย

                ในทางการเมือง สิ่งที่ฝ่ายค้านทำได้ก็คือ การกดดัน-เรียกร้องทางการเมือง เพื่อสร้างกระแสสังคม ให้ทวงถาม-ตั้งคำถามทางการเมืองกับธรรมนัส ในเรื่อง มาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง ของธรรมนัส ในฐานะ รมช.เกษตรฯ และ ส.ส.พลังประชารัฐ พ่วงไปกับการที่บางฝ่ายก็สร้างกระแสสังคมให้ตั้งคำถามถึงการวินิจฉัยคดีของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการวินิจฉัยคดีดังกล่าว ที่ใช้หลักเรื่อง อำนาจอธิปไตยของศาลไทย เป็นหลักนำในการวินิจฉัยตัดสินคดี อันเป็นประเด็นที่หลายคนต่างเข้าใจ แต่ก็อดตั้งคำถามกับศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ถึงการไม่พิจารณาวินิจฉัยเรื่อง เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ในบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการกลั่นกรองบุคคลเข้าสู่ระบบการเมืองและการใช้อำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันวางบรรทัดฐาน ในการสกัด นักการเมืองสีเทา เข้าสู่ระบบการเมือง โดยกำหนดสเปกไว้สูงกว่ารัฐธรรมนูญหลายฉบับก่อนหน้านี้ แต่ทั้งหมดคือมุมมอง ข้อคิดเห็น ทางข้อกฎหมายที่ย่อมเห็นแตกต่างกันได้ ถือเป็นเรื่องปกติ

                อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองท้ายที่สุดแล้วว่ากันตามสภาพ กับบทบาททางการเมืองของธรรมนัส ในพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ปฏิเสธความจริงกันไม่ได้ว่า ถึงต่อให้สังคมตั้งคำถาม-มีข้อกังขาต่อการนั่งเป็นเสนาบดีของธรรมนัส ที่เคยต้องคำพิพากษาคดียาเสพติดที่ออสเตรเลีย แต่ในทางการเมืองมันก็ยากและแทบเป็นไปไม่ได้ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปรับธรรมนัสออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ

                เพราะลำพังแค่ตอนช่วงตั้งรัฐบาลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว บทบาท ความสำคัญของธรรมนัสในพลังประชารัฐก็ถือว่ามีอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งในฐานะแกนนำพรรคภาคเหนือในช่วงเลือกตั้ง และบทบาทการเป็นมือประสานสิบทิศ คอยเป็นมือเป็นไม้ทางการเมืองให้กับบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ตอนนั้นกว่าจะตั้งรัฐบาลกันได้ แกนนำพลังประชารัฐบางคนต้องออกแรงกันเยอะ ใช้สารพัดกำลังภายใน เพราะยามนั้นขั้วพลังประชารัฐรวมเสียงกันแล้วเกินกึ่งหนึ่งมาไม่กี่ที่นั่ง เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอย่างแท้จริง ซึ่งหนึ่งในแกนนำพลังประชารัฐตัวจริงที่เป็น มือดีลตั้งรัฐบาล ก็คือ ธรรมนัส โดยเฉพาะกับบทบาทการเจรจาต่อรอง-เกลี้ยกล่อม ให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมาอยู่ขั้วพลังประชารัฐ ถึงขั้นต้องเปิดห้องอาหารจีน ที่โรงแรมเซ็นทรัลลาดพร้าว เลี้ยงหูฉลาม พวกพรรคเล็ก 1-5 เสียง หลายมื้อ หมดไปเยอะ ไม่นับรวมกับ กล้วย ที่ให้กับพรรคขนาดเล็ก เพื่อจูงใจให้มาอยู่กับพลังประชารัฐ จนสุดท้ายก็ตั้งรัฐบาลสำเร็จ

จนทำให้ บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ก็ต้องให้โควตา รมช.เกษตรฯ กับธรรมนัส แม้ตอนแรกจะมีข่าวว่าจะให้เก้าอี้กับน้องชายธรรมนัสแทน เพื่อหลบกระแสสังคม แต่ทว่าธรรมนัสก็ได้เก้าอี้ รัฐมนตรีเป็นรางวัลตอบแทน ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐและมือดีลการเมืองคนสำคัญของบิ๊กป้อม อันแสดงให้เห็นถึงบทบาทความสำคัญทางการเมืองของธรรมนัสในพลังประชารัฐและรัฐบาลได้เป็นอย่างดี

                ยิ่งช่วงหลังแวดวงการเมืองก็รู้กันหมดว่า ทุกวันนี้ธรรมนัสสร้างสมบารมีทางการเมือง ไว้เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 2 ปีก่อนหน้านี้ตอนช่วงก่อนเลือกตั้ง ปี 2562

ข่าวหลายกระแสบอกว่า ธรรมนัสสะสมกำลังพลไว้หลายกลุ่ม-หลายก๊วนทางการเมืองและธุรกิจ ทั้งนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น-ทุนการเมืองระดับชาติและทุนการเมืองท้องถิ่น เช่น มีข่าวพูดกันในกลุ่ม ส.ส.พลังประชารัฐ ว่า มีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในเวลานี้ ร่วม 30-40 จังหวัด แม้แต่ในจังหวัดที่พลังประชารัฐก็ไม่ได้มี ส.ส. แต่บรรดานายกฯ อบจ.เหล่านี้ได้เชื่อมต่อคอนเน็กชั่นกับธรรมนัส จนเป็นฐานการเมืองที่สำคัญให้กับธรรมนัส ที่ธรรมนัสนำไปโชว์เพาเวอร์กับพลเอกประวิตรได้ว่านักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มดังกล่าวจะเป็นฐานการเมืองที่สำคัญให้กับพลังประชารัฐในการเลือกตั้งรอบหน้า

                ขณะที่ในพลังประชารัฐเองก็มีข่าวออกมาตลอดว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธรรมนัสดึง ส.ส.พลังประชารัฐมาอยู่ใต้ปีก กลุ่มธรรมนัส มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีข่าวว่าระยะหลังมีการขยายวง จากพวก ส.ส.ภาคเหนือตอนบน ตอนนี้มีการดึง ส.ส.และขยายฐานการเมืองลงไปเรื่อยๆ จนถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ ส.ส.กรุงเทพมหานครเองก็มีข่าวว่า บางคนก็ติดใจความใจถึงพึ่งได้ของธรรมนัส จนมีการพูดกันว่า หากเช็กขุมกำลังในพลังประชารัฐกันตอนนี้ สายขึ้นตรงกับธรรมนัส และสายที่แม้ไม่ขึ้นตรง แต่ก็พร้อมอยู่ใต้ปีกธรรมมนัส นับหัวกันแล้วก็น่าจะหลายสิบคน จัดได้ว่าเป็นกลุ่มใหญ่ในพรรค

                ยิ่งมีข่าวว่าปัจจุบันธรรมนัสจับมือกับ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง, อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม, นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน จนเกิด กลุ่ม 4 ช. หรือ 4 รัฐมนตรีช่วยฯ เพื่อสร้างขุมอำนาจในพลังประชารัฐ โดยมีธรรมนัสเป็นหัวเรือใหญ่ ก็ยิ่งทำให้ระยะหลังบทบาทของธรรมนัสในพลังประชารัฐนับวันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่พรรคการเมืองอื่นอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังกริ่งเกรง หลังธรรมนัสถูกวางตัวให้ดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ให้พลังประชารัฐเพื่อสู้กับประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย 

                จึงไม่แปลกกับกระแสข่าวการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จาก อนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็นธรรมนัส เมื่อโอกาสมาถึง หลังจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวความไม่ลงรอยกันของแกนนำพลังประชารัฐ สาย 4 ช. กับกลุ่ม 4 ว.หรือ 4 รัฐมนตรีว่าการฯ สายพลังประชารัฐ ที่ประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, อนุชา นาคาสัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี, สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จนเป็นที่มาของกระแสข่าวก่อนช่วงโควิดระบาดรอบนี้ว่า อาจมีการวัดขุมกำลังกันของ 2 กลุ่มดังกล่าว ผ่านความพยายามเปลี่ยนตัว เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่เรื่องนี้จะเงียบหายไปหลังโควิดระบาดหนัก การเมืองทุกอย่างสงบนิ่ง และการประชุมใหญ่พลังประชารัฐต้องเลื่อนออกไปจากเดิมที่จะประชุม 18 เม.ย.

                จากบทบาททางการเมืองดังกล่าวของธรรมนัสในพลังประชารัฐ มันจึงยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ที่พลเอกประยุทธ์จะฟังกระแสสังคม แล้วปรับธรรมนัสออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหากนายกรัฐมนตรีทำ กลุ่มธรรมนัสก็พร้อมแตกหัก

                จึงไม่แปลกที่จะเห็นแกนนำรัฐบาล-แกนนำพรรคพลังประชารัฐไม่แสดงอาการใดๆ ต่อกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์คดีของธรรมนัส และความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของธรรมนัส เพราะทั้งหมดรู้ดีว่าธรรมนัสมีบทบาทความสำคัญมากขนาดไหนในพรรคพลังประชารัฐและในรัฐบาล ยิ่งช่วงหลังก็เห็นชัดว่าพลเอกประวิตรให้ความไว้วางใจ ธรรมนัสในการทำงานการเมือง-การเลือกตั้งอย่างมาก ชนิดวางตัวไว้เป็นขุนพลเลือกตั้ง-เสนาธิการพรรคตัวจริง หลังทำให้พลังประชารัฐชนะเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราชเหนือพรรคประชาธิปัตย์ อย่างช่วงนี้ก็มีข่าวว่า บิ๊กป้อมให้ธรรมนัสไปวางแผนคอยช่วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ให้ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามผู้สมัครอิสระให้ได้ เพื่อสร้างฐานเสียงให้พลังประชารัฐใน กทม.

                ด้วยเหตุนี้การที่จะไปคิดว่า บิ๊กตู่อาจจะลดบทบาทธรรมนัสในรัฐบาล ด้วยการปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี จึงแทบเป็นไม่ได้ เรื่องนี้เลิกพูดได้เลย

                เรื่องนี้ก็เฉกเช่นเดียวกันกับกรณีของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม-เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่โดนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตอนช่วงโควิดรอบ 3 เริ่มระบาด แต่ถามว่า พลเอกประยุทธ์-พลเอกประวิตร จะกล้าหักกับภูมิใจไทย โดยปรับศักดิ์สยาม น้องเนวิน ชิดชอบ ออกจากคณะรัฐมนตรีได้หรือ คำตอบก็คือ เป็นไปไม่ได้

                การนั่งเป็นรัฐมนตรีต่อไปของทั้ง ศักดิ์สยาม-ธรรมนัส ท่ามกลางกระแสสังคม ยังคงตั้งคำถามถึงความเหมาะสม กระแสดังกล่าวแม้อาจไม่ได้ทำให้รัฐบาลถึงกับซวนเซ อยู่ไม่ได้ แต่ยามที่ประชาชนจำนวนไม่น้อย และเป็นประชาชนหลายกลุ่ม ไม่พอใจการแก้ปัญหาโควิดรอบ 3 ของรัฐบาล ขณะเดียวกันรัฐมนตรีในรัฐบาลก็ถูกสังคมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการเป็นรัฐมนตรี ทั้งหมดล้วนมีผลให้เกิดเป็นอารมณ์ที่ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ ที่เชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยแน่

ซึ่งจริงอยู่วันนี้แม้ไม่ระเบิดออกมา แต่มันก็ถูกสะสมไว้เรื่อยๆ ในสภาพที่ทุกวันนี้ รัฐบาลและนายกฯ ก็คางเปราะอยู่แล้ว ยิ่งหากนับจากนี้ ปัญหาโควิด-19 สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น จากที่คางเปราะ ก็อาจเสี่ยงคางเหลืองได้ทุกเมื่อ หากประชาชนเริ่มเดือดขึ้นมา!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"