ผ่านเกณฑ์อียู-สหรัฐ วัคซีน‘สยามไบโอไซเอนซ์’ผลิตเล็งมอบเร็วๆนี้/บิ๊กตู่ลงพื้นที่ฉีด


เพิ่มเพื่อน    

 ข่าวดี! วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่สยามไบโอไซเอนซ์ผลิตผ่านการรับรองจาก “อียู-สหรัฐ” แล้ว เตรียมส่งมอบรัฐบาลเร็วๆ นี้ “บิ๊กตู่” วางแผน 11-13 พ.ค. สำรวจจุดฉีดวัคซีนเอกชน “อนุชา” เตือนบินไปฉีดฟรีที่ดินแดนมะกันศึกษาข้อมูลให้ดี “นิพนธ์” ชงให้กลไก อปท.ผนวก รพ.สต.ดูแลการปักเข็มให้ทั่วถึง

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า มีการจัดสรรวัคซีนไปแล้ว 2,427,452 โดส ซึ่งตั้งแต่ 28 ก.พ.-8 พ.ค.2564 มีการฉีดแล้ว 1,743,720 โดส แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 1,273,666 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 470,054 ราย
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบการฉีดวัคซีนที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก่อนเปิดให้บริการประชาชนในวันที่ 12 พ.ค. ที่จะให้บริการ 1,000 คนต่อวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ด่านหน้า และกลุ่มอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานจัดเก็บขยะของ 50 เขต และครู โดยในวันที่ 13 พ.ค. นายกฯ จะตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สามย่านมิตรทาวน์ และจามจุรีสแควร์ ขณะที่วันที่ 14 พ.ค. ตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนเดอะมอลล์ บางกะปิ
ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวที่บางประเทศกำหนดให้การฉีดวัคซีนมาเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการเดินทางเข้าประเทศ ว่าผู้ที่มีความประสงค์เดินทางไปต่างประเทศจำเป็นต้องตรวจสอบกฎระเบียบเกี่ยวกับการเข้าเมืองและมาตรการทางด้านสาธารณสุขของประเทศปลายทางให้ชัดเจนก่อนเสมอ ซึ่งประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่สามารถเดินทางจากไทยโดยไม่มีเงื่อนไขมี 13 ประเทศ ได้แก่ โปรตุเกส, สเปน, อิตาลี, เยอรมนี, โครเอเชีย, โปแลนด์, เอสโตเนีย, สวีเดน, ฟินแลนด์, บัลแกเรีย, กรีซ, เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ส่วนประเทศที่มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดตามที่ประเทศปลายทางกำหนด 14 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส, เช็ก, ไอร์แลนด์, นอร์เวย์, เดนมาร์ก, ลัตเวีย, สโลวีเนีย, สโลวาเกีย, ฮังการี, ลิทัวเนีย, โรมาเนีย, ออสเตรีย, ลักเซมเบิร์ก และไซปรัส ผู้ที่จะเดินทางจึงจำเป็นต้องตรวจสอบมาตรการสาธารณสุขของประเทศปลายทาง และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นายอนุชายังกล่าวถึงกระแสข่าวการเดินทางไปท่องเที่ยวและฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่สหรัฐอเมริกา ว่าแต่ละมลรัฐมีนโยบายการฉีดและแจกจ่ายวัคซีนที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมจะฉีดวัคซีนให้ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีถิ่นพำนัก ทำงาน หรือศึกษาในมลรัฐนั้นๆ แต่บางมลรัฐก็จัดสรรวัคซีนให้ผู้ไม่มีถิ่นพำนักและไม่ได้ทำงานหรือศึกษาในมลรัฐนั้นๆ แต่ก็ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าอนุญาตให้นักท่องเที่ยว ยกเว้นมลรัฐอแลสกาที่มีนโยบายชัดเจนว่า ตั้งแต่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาฉีดวัคซีนได้  
“วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสหรัฐได้รับอนุมัติการใช้งานแบบฉุกเฉินเท่านั้น หากรับวัคซีนแล้วมีอาการข้างเคียงหรือการแพ้รุนแรง บริษัทผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ และหากไม่มีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม อาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาสูงอีกด้วย จึงขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสหรัฐเพื่อฉีดวัคซีน โปรดศึกษาข้อมูลจากหน่วยงานทางการของสหรัฐ และมาตรการที่ต้องปฏิบัติเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยด้วย” นายอนุชากล่าว
    ส่วน นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ให้แต่ละจังหวัดเตรียมแผนการฉีดวัคซีนในแต่ละพื้นที่ว่า ได้เสนอแนวทางในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการใช้กลไกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในการสำรวจและประเมินการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เพราะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รู้จักคนในพื้นที่และกลุ่มเสี่ยงเป็นอย่างดี และในการจัดการโรคต่างๆ ในอดีตก็ใช้กลไกของ รพ.สต.หรือสถานีอนามัยเป็นหน่วยฉีดวัคซีนให้ประชาชนมาตลอด และเชื่อว่าช่องทางดังกล่าวจะทำให้การฉีดวัคซีนเข้าถึงทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ทั้งในเมืองและชนบท
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ขอสนับสนุนแนวคิดนายนิพนธ์ เพราะเนื่องจากว่า อปท.และ รพ.สต.เป็น 2 หน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 จึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนบทบาทของ อปท.และ รพ.สต.
วันเดียวกัน นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในไทยจากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ ว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อตัวอย่างวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเราที่จะส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชุดแรกให้แก่รัฐบาลไทยเร็วๆ นี้
    “วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยทั้งในกระบวนการผลิตและการจัดส่ง โดยมีการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพวัคซีนในแต่ละรุ่นการผลิตรวมกันมากกว่า 60 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตไปจนถึงการฉีดวัคซีน และมีการประกันคุณภาพอย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน”
นายทีกยืนยันว่า แอสตร้าเซนเนก้ายังทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของวัคซีนให้ตรงตามมาตรฐานและข้อกำหนดของไทย โดยเป้าหมายของแอสตร้าเซนเนก้าคือการส่งมอบวัคซีนที่มีมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยให้กับรัฐบาลไทยโดยเร็วที่สุด
“บริษัทตระหนักดีถึงความกังวลใจและคำถามต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยและความพร้อมในการจัดหาวัคซีน เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทยและประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้สามารถต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เลวร้ายนี้ เรามีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามปณิธานของบริษัทในการนำความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ทำประโยชน์เพื่อสังคมโดยไม่หวังผลกำไร” นายทีกระบุ
    ด้าน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลควรประกาศจ่ายเงินชดเชยให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต 8-12 ล้านบาท หากพิสูจน์ว่าเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างความมั่นใจในการฉีดวัคซีน เนื่องจากความน่าจะเป็นของการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนนั้นต่ำมากๆ รัฐบาลอาจไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนนี้เลย แต่จะทำให้ประชาชนลดความวิตกกังวล นอกจากนี้รัฐบาลควรเพิ่มเงินพิเศษให้บุคลากรทางการแพทย์ และจ่ายค่าชดเชยให้ในกรณีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่และติดเชื้อโควิด-19 ครอบครัวละ 20 ล้านบาท.  

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"