ไม่รู้จะต่อว่า หรือจะร้องไห้ดี

                คำแถลงของหมอทวีศิลป์ ถูกนำไปตีความมั่วไปหมด

                ทั้งๆ ที่พูดชัดถ้อยชัดคำ

                คุณหมอบอกว่า....

                “การตรวจพบผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ จะมีกลุ่มเสี่ยงที่เป็นคนยังไม่ติดเชื้อ"

                หมายความว่า เจอผู้ติดเชื้อ และกลุ่มเสี่ยง คือกลุ่มที่ไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ แต่ตอนนี้ยังไม่ติดเชื้อ

             "โดยนำเข้า ๑.โรงแรมสถานกักกันโรค (SQ) รายใหม่ ๕๒ ราย สะสม ๒๒๖ ราย และ ๒.กักตัวที่บ้าน (Home Quarantine) รายใหม่ ๒,๒๑๐ ราย สะสม ๖,๑๒๑ ราย

                หมายความว่า กลุ่มเสี่ยงที่ว่านี้ อยู่ในที่ต่างๆ สะสม ๖,๑๒๑ ราย

                "ขอให้ทุกคนที่อยู่ในการกักตัวให้ความสำคัญสูงสุดร่วมมือกับสำนักอนามัย กทม. เพราะ ๑๔ วัน ที่ต้องแยกตัวอยู่ที่บ้าน ก็เป็นการปรับยุทธศาสตร์อำนวยความสะดวกให้ท่านระดับหนึ่ง แต่หากท่านไม่อยู่บ้านนำเชื้อออกไปก็จะเกิดความเสี่ยง และหากพบว่า เปลี่ยนจากเป็นกลุ่มเสี่ยงกลายเป็นติดเชื้อ ต้องรีบมาพบแพทย์”

                คือ กลุ่มเสี่ยงกลุ่มนี้ต้องกักตัว ๑๔ วัน รอดูอาการ อย่าออกไปไหน เพราะถ้ากลายเป็นผู้ติดเชื้อมันจะยุ่ง

                นั่นคือสิ่งที่คุณหมอทวีศิลป์แถลง แต่ถูกนำไปเปลี่ยนความหมายว่า ศบค.เป็นคนแถลงว่า ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ติดโควิดกักตัวในบ้านอีก ๖,๑๒๑ ราย

                มันกลายเป็นคนละเรื่อง

                เชื่อว่ามีพวกจิตวิปริตจะนำไปขยายความต่อ

                มันก็โกลาหล

                เอาไปตีความต่อ เตียงไม่พอ ระบบสาธารณสุขล่มสลายแล้ว 

                ผู้ป่วยตั้งกว่า ๖ พันคนต้องรักษาตัวเองที่บ้าน

                รัฐบาลผิดพลาด ต้องออกเดี๋ยวนี้

                ครับ...เห็นสื่อหลักเอาประเด็นนี้มาพาดหัวก็ยิ่งตกใจ คนสมัยนี้บกพร่องทางภาษากันได้ถึงขนาดนี้แล้วหรือ

                น่าตกใจกว่ายอดผู้ติดเชื้อวันเดียว ๔,๘๘๗ ราย เสียอีก เพราะยอดที่ว่านี้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่วานซืน จากตัวเลขโควิดระบาดในเรือนจำ

                ฉะนั้นตัวเลขต่างๆ หลังจากนี้สำคัญครับ ดูให้ชัดว่าเป็นตัวเลขอะไร เพื่อจะได้รับมือกันถูกต้อง และทันถ่วงที

                พูดถึงตัวเลขเกี่ยวกับโควิด-๑๙ ทั่วโลก เหมือนจะรู้ เพราะมีข้อมูลออกมามากมาย แต่หลายๆ คนกลับไม่รู้

                อเมริกาติดเชื้อแล้วรวม ๓๓.๕ ล้านคน 

                เสียชีวิตเกือบ ๖ แสนคน

                ถ้ามองภาพไม่ออกว่า ๖ แสนคนมากเท่าไหร่ เอาง่ายๆ จังหวัดสุโขทัยมีประชากรอยู่ ปริ่มๆ ๖ แสนคน

                ก็เท่ากับคนสุโขทัยหายไปทั้งหมด

                ไม่ทราบมีใครช็อกกับตัวเลขนี้บางหรือเปล่า โดยเฉพาะพวกที่เอาแต่ด่า เอาแต่ปั้นข่าวเท็จรายวัน โจมตีมันทุกเรื่อง

                อินเดียติดเชื้อเกินวันละ ๓ แสนคน มาตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน

                วันนี้ (๑๓ พฤษภาคม) กว่า ๓.๖ แสนคน           

                ผ่านไป ๒๓ วัน ติดเชื้อร่วม ๑๐ ล้านคน

                ตัวเลขกลมๆ ประมาณประชากรภาคใต้ของไทยทั้งภาค

                ครับ..สถานการณ์โควิดทั่วโลก น่ากลัวกว่าในไทยเยอะ โลกถึงพยายามเร่งฉีดวัคซีน เพราะเป็นเครื่องมือเดียวที่สามารถต่อกรกับหายนะนี้ได้ในขณะนี้        

                แต่ก็มีปัญหา ประเทศร่ำรวยกักตุนวัคซีน ประเทศยากจนได้แต่รอ

                นี่คือความเหลื่อมล้ำที่มีชีวิตมนุษย์ในประเทศยากจนนับพันล้านคนเป็นเดิมพัน

                ก็ขมวดปมมาที่การฉีดวัคซีนในไทย

                ขณะที่หลายประเทศอยู่ในสภาวะขาดแคลนวัคซีน ไทยมีวัคซีนหลายสิบล้านโดสรออยู่

                ใช่ครับ ปัญหาของไทย ไม่ใช่ขาดแคลนวัคซีน แต่มีขบวนการดิสเครดิตวัคซีน ที่ต้องย้ำเรื่องนี้ซ้ำๆ เพราะการทำลายความน่าเชื่อถือวัคซีนเกิดขึ้นทุกวัน

                เรื่องเก่าไป เรื่องใหม่มา

                บวกกับคนเชื่อแต่ข่าวลือ ไม่ยอมรับฟังข่าวจริง ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าไทยจะเหมือนฝรั่งเศส แทนที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แบบอังกฤษ

                วานนี้ฝรั่งเศสติดเชื้อ ๒๑,๔๙๘ คน เสียชีวิต ๑๘๔ ราย

                อังกฤษติดเชื้อ ๒,๒๘๔ คน เสียชีวิต ๑๑ ราย

                อังกฤษปูพรมได้วัคซีนเข็มแรก สามารถฉีดวัคซีนได้ถึง ๗๕ โดสต่อประชากร ๑๐๐ คน

                ฝรั่งเศสฉีดได้เพียง ๓๔ โดสต่อประชากร ๑๐๐

                อังกฤษใช้วัคซีน Pfizer และ AstraZeneca โดยภายหลังใช้ AstraZeneca เป็นหลัก

                ฝรั่งเศสใช้ Pfizer และ AstraZeneca เหมือนกัน แต่ชะลอเพราะปัญหาเกี่ยวกับลิ่มเลือด และมีประชาชนจำนวนมากไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะเชื่อข่าวลือว่าฉีดแล้วเสี่ยงตาย

                นั่นคือความแตกต่างที่มีให้เราเห็น และเราต้องเรียนรู้จากกรณีนี้

                เพราะวัคซีนหลักของเราคือ AstraZeneca

                Sinovac เป็นวัคซีนอีกตัว ที่ถูกปล่อยข่าวโจมตีว่าด้อยคุณภาพ ขนาดจีนยังไม่ใช้ ส่งมาให้คนไทยเป็นหนูทดลองยา

                โยงการเมืองยันเจ้าสัว

                ลากเรื่องโกง ด่ากันมันปากโดยไม่มีใครคิดจะถามหาหลักฐาน

                สำนักข่าว Bloomberg รายงานเมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ถึงผลการศึกษาประสิทธิภาพของ Sinovac

                เป็นการใช้วัคซีนกับคนจริงๆ ไม่ใช่เกรียนคีย์บอร์ด

                กลุ่มทดลองคือบุคลากรทางการแพทย์ ๒๕,๓๗๔ คน ในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย

                สิ่งที่พบคือ.....

                วัคซีน Sinovac สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้ ๑๐๐%

                สามารถป้องกันการป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ๙๖% 

                สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ๙๔%

                ซึ่งทั้งหมด ออกฤทธิ์ภายใน ๗ วัน หลังฉีดเข็มที่ ๒

                ครับ...ข้อมูลพวกนี้มาจากการฉีดให้คนจริงๆ ไม่ใช่ปั้นตัวเลขเอาตามโซเชียล

                ขนาด ส.ส.ก้าวไกลยังฉีด Sinovac ไปหลายสิบคน ทั้งๆ ที่ด่าวัคซีนจีนมาตลอด

                ฉะนั้นใครที่เชื่อฝังหัวว่าฉีดวัคซีนแล้วตาย

                ก็ดูซิครับ 

                วันนี้ยังไม่มี ส.ส.ก้าวไกลตายเพราะฉีดวัคซีนสักคน.