แบงก์กำไร Q1/64ทรุดหนี้บัตรพุ่งกระฉูด!ธปท.รับห่วงNPL


เพิ่มเพื่อน    

17 พ.ค. 2564 นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1/2564ว่า ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/2564ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 3.8%เทียบกับไตรมาส 1/2563และลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ที่ระดับ5.1%โดยสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งคิดเป็น 64.3% ของสินเชื่อรวม ขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ชะลอตัวลงจากการเร่งใช้สินเชื่อในช่วงเดียวกันของปีก่อนเพื่อเสริมสภาพคล่อง และส่วนหนึ่งเป็นผลจากการระดมทุนผ่านธนาคารพาณิชย์แทนตลาดการเงินที่มีความผันผวนสูงในช่วงต้นปีที่แล้ว ขณะที่เอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ส่งผลให้สินเชื่อเอสเอ็มอีหดตัวในอัตราที่ลดลง แม้ไม่รวมผลของมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน)

 

ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภค คิดเป็น35.7 ของสินเชื่อรวม ขยายตัวที่ 5.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.4% โดยหลักจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 6.8% ตามอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแนวราบ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการ และผลบวกจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมของภาครัฐ ส่วนสินเชื่อรถยนต์ชะลอตัวลง อยู่ที่ 1.2% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังคงหดตัวจากปีก่อน

ด้านสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 6.6% จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 2.1% เนื่องจากได้รับผลจากการระบาดในช่วงแรก และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวอยู่ที่ 5.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากความต้องการสภาพคล่องในภาคครัวเรือน ซึ่งบางส่วนเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันผ่าน online platform และบัตรกดเงินสด

 

นางสาวสุวรรณี กล่าวอีกว่า ภาพรวมในไตรมาส 1/2564 ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 20%เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 8.23 แสนล้านบาท ซึ่งในไตรมาส1/2564 ธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรอง อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14%โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ 149.7%และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง
เพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 186.5%

 

ด้านคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1/2564ยังคงได้รับผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ(Non-Performing Loan: NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.37 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.10%ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม(Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ 6.41%ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 6.62%

 

โดยระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2564จำนวน 4.38 หมื่นล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน12% โดยกำไรสุทธิที่ลดลงนั้นมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อที่ลดลง 17.1%ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายเงินสำรองที่ลดลงจากการกันสำรองในระดับสูงในปี 2563 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.80%จากไตรมาสก่อนที่ 0.32% ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ลดลงมาอยู่ที่ 2.43%จากไตรมาสก่อนที่ 2.52%

 

ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สามารถรองรับความต้องการสินเชื่อและความผันผวนของเศรษฐกิจในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ได้ ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นช่วยชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ผลประกอบการปรับลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ย
เงินให้สินเชื่อที่ลดลง” นางสาวสุวรรณี กล่าว

 

ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการจากโครงการซอฟต์โลน และความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินนั้น ปัจจุบันมีสินเชื่ออนุมัติแล้วทั้งสิ้น 1.38 แสนล้านบาท โดยมีจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับซอฟต์โลน 7.77หมื่นราย ส่วนโครงการสินเชื่อฟื้นฟู มีสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติแล้ว 8.22 พันล้านบาท โดยมีผู้ได้รับสินเชื่อแล้ว 4.45 พันรายซึ่งมีวงเงินอนุมัติเฉลี่ยต่อราย 18 ล้านบาท ขณะที่มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรมที่ได้รับการอนุมัติแล้ว 2 ราย คิดเป็นวงเงินตีโอน 750 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ดี ธปท. มองว่าแนวโน้มสินเชื่อในระยะต่อไปยังคงขยายตัวได้ จากมาตราการด้านการเงินต่าง ๆ ที่ออกไป ทั้งโครงการสินเชื่อซอฟท์โลน และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ที่น่าช่วยทำให้ความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบธุรกิจได้รับการตอบสนองจากสถาบันการเงิน ส่วนเรื่องแนวโน้มหนี้เสียเป็นประเด็นที่ ธปท. และสถาบันการเงินกังวล ซึ่งกลุ่มที่เป็นห่วงคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อาทิ ท่องเที่ยว โรงแรม ขนส่งผู้โดยสาร สายการบิน ภัตราคารและร้านอาหาร แต่ก็หวังว่าเมื่อรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการในพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม จะช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ซึ่ง ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมออกมาตรการเมื่อจำเป็น ส่วนการจ่ายปันผลของสถาบันการเงินนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งต้องดูในเรื่องฐานะของสถาบันการเงิน แนวทางในต่างประเทศ และต้องดูผลกระทบให้ครบรอบด้าน ทั้งด้านผู้ถือหุ้น ผู้ฝากเงิน ลูกหนี้

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"