เก็บกู้ถังเชื้อเพลิงกระสวยอวกาศตกทะเลภูเก็ต ส่งสถาบันจิสด้าศึกษาต่อ


เพิ่มเพื่อน    

17 พ.ค.64 - เวลา 11.50 น. พลเรือโทเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค 3 ) แถลงข่าวการเก็บวัตถุต้องสงสัยบริเวณเกาะแอล จังหวัดภูเก็ต ขึ้นมาบนฝั่ง โดยมี พลเรือตรีสุรัชฎ์ ศิริวรรณนาวี รองผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 3 , นางสาวชิดชนก ชัยชื่นชอบ วิศวกรดาวเทียมสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) และ ผู้แทนกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าร่วมฯ ณ บริเวณสโมสรเรือใบ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3

พลเรือโท เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 3 กล่าวว่า ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านว่าพบวัตถุต้องสงสัยในทะเลระดับความลึก 7 เมตร บริเวณด้านตะวันตกของเกาะแอล ตำบลฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงแจ้งศรชล.ภาค 3 ให้ตรวจสอบวัตถุดังกล่าว

ทางศรชล.ภาค 3 ได้ประสานทัพเรือภาคที่ 3 ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่ EOD ปฏิบัติการทำลายวัตถุใต้น้ำ และ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่หมวดบินเฉพาะกิจศรชล.ภาค 3 ตรวจสอบวัตถุดังกล่าว โดยลงไปตรวจสอบและถ่ายภาพวัตถุดังกล่าวพบว่า เป็นวัตถุทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง45 เซนติเมตร สีอลูมิเนียม สภาพสมบูรณ์ มีวาวล์หัวท้าย ความยาวประมาณ9 เซนติเมตร จมอยู่บริเวณหัวเกาะแอลด้านตะวันตก ความลึก 6-7 เมตร ห่างจากเกาะประมาณ 20 เมตร จากนั้นชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้นำภาพถ่ายรูปลักษณ์ต่างๆมาวิเคราะห์ข้อมูล เบื้องต้น ได้จัดส่งให้กรมสรรพาวุธทหารเรือ ตรวจสอบวัตถุดังกล่าวที่ตรวจพบว่ามีสภาพเป็นวัตถุระเบิดหรือไม่

จากการตรวจสอบจากกรมสรรพาวุธทหารเรือพบว่า วัตถุดังกล่าวน่าจะเป็นชิ้นส่วนของจรวด นำส่งดาวเทียม กระสวยอวกาศ ลักษณะน่าจะเป็นถังเชื้อเพลิง สามารถตรวจพบในอินเตอร์เน็ตว่า วัตถุดังกล่าวตกสู่พื้นโลกในหลายพื้นที่

หลังจากนั้นได้ประสานงานไปที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน)หรือGISTDA และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตรวจสอบว่าวัตถุดังกล่าวเป็นถังเชื้อเพลิงของกระสวยอวกาศหรือจรวดนำส่งดาวเทียมตามที่เห็นในอินเตอร์เน็ตหรือไม่

"เจ้าหน้าที่จากทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวคือถังเชื้อเพลิงของจรวดนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศหรือเป็นถังเชื้อเพลิงของกระสวยอวกาศ ตกลงมาพื้นโลก และจมอยู่ใต้ทะเล จากนั้น เจ้าหน้าที่ GISTDA ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าถังเชื้อเพลิงดังกล่าวปกติจะบรรจุสารเคมีที่ประกอบด้วยแอมโมเนียและไฮโดรเจนใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานนำส่งดาวเทียมหรือกระสวยอวกาศและตกกลับมาที่พื้นโลก สารเคมีดังกล่าวมีพิษต่อร่างกาย อาจจะทำให้ผู้ที่สัมผัสโดยตรงหรือสูดดมเป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายได้" พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าวและว่า ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 3 วางแผนการเก็บกู้ วัตถุดังกล่าวและดูสภาวะแวดล้อมทางทะเลที่วัตถุดังกล่าวตกอยู่ ได้ประสานงานเพิ่มเติมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดส่งเจ้าหน้าที่วางทุ่นเพื่อล้อมบริเวณพื้นที่ไม่ให้คนเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้ามีสารพิษดังกล่าว

จากนั้น ทัพเรือภาคที่ 3 และศรชล.ภาค 3 ได้ทำหนังสือถึงGISTDAผ่านทางผู้อำนวยการ GISTDA ให้ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุดังกล่าว ซึ่ง เจ้าหน้าที่ GISTDA ได้ร่วมกับ ศรชล.ภาค 3 ผู้แทนกรมทรัพยากรทางทะลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่ประดาน้ำและชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 เข้าไปตรวจสอบวางแผนการเก็บกู้ โดยคำนึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้และสภาวะแวดล้อมทางทะเล

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ได้ดำน้ำลงไปดูสภาพของสารเคมีในถังเชื้อเพลิงดังกล่าวมีการรั่วไหลออกมาหรือไม่ ตรวจสอบพบว่าไม่มีการรั่วไหลของสารเคมีจากตัวถังเชื้อเพลิง และตรวจสอบโดยรอบพบว่ามีสัตว์น้ำ หอยเม่น เพลียง สภาพแวดล้อมไม่กระทบสัตว์น้ำ แสดงว่าสารเคมีดังกล่าวอาจใช้ไปหมดแล้ว จึงเก็บกู้ขึ้นมาจากใต้น้ำลำเลียงมาที่กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เตรียมนำส่งให้ GISTDA เพื่อเป็นการศึกษาวิจัยด้านอวกาศ เพราะวัตถุที่ตกจากท้องฟ้า มีที่มา อาจเป็นวัตถุนำส่งจากดาวเทียม นำส่งยานอวกาศ ของชาติใดชาติหนึ่ง ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและจมอยู่ที่บริเวณตะวันตกของเกาะแอลที่ค้นพบ

สำหรับวัตถุดังกล่าวไม่มีอันตรายแล้ว น่าจะเป็นวัตถุที่ตกลงมานานแล้ว และสารเชื้อเพลิงได้ถูกใช้ไปหมดแล้วตั้งแต่การนำส่งยานอวกาศ ไม่มีอันตรายต่อบุคคลและสภาพแวดล้อม

"หากมีการตรวจพบวัตถุดังกล่าวในพื้นที่อื่น ขอแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสโดยตรง ซึ่งสารที่อยู่ในถังเชื้อเพลิงเป็นสารพิษอันตรายต่อร่างกาย หากตรวจพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ศรชล.ภาค 3 หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพื่อประสานงานในการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการเก็บกู้ ขอให้มั่นใจว่า ศรชล.ภาค 3 จะดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดในทะเลขอให้ประชาชนมั่นใจแจ้งข่าวสารกับทางราชการจะทำให้ไม่เกิดอันตรายกับเหตุการณ์ดังกล่าว

การตรวจพบครั้งนี้เป็นครั้งแรก วัตถุดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยการพัฒนาทางด้านอวกาศของประเทศไทย โดยสถาบัน GISTDA มีหน้าที่สำรวจอาจเป็นการตามหาเจ้าของที่นำส่งจรวดและชิ้นส่วนนี้ตกลงในทะเลภูเก็ต หรือ อาจจะนำไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้เห็นถึงสภาพวัตถุท้องฟ้าตกมายังพื้นโลกสามารถตกที่ไหนก็ได้เป็นอันตราย หากไปตกบนแผ่นดิน บ้านเรือนประชาชน"พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าว และว่า ดังนั้น การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ประเทศไทยจะต้องมีความพร้อม หากในอนาคตมีวัตถุดังกล่าวตกมาพื้นโลก เป็นโอกาสดีที่ GISTDA ศึกษาดูแลเรื่องกฎหมายให้กับประชาชนในโอกาสต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"