ดีเดย์1ส.ค.ฉีด‘บุคคลทั่วไป’


เพิ่มเพื่อน    

 

นายกฯ ดีเดย์ 7 มิ.ย.กระจายวัคซีน 3 ช่องทาง ยันไม่ทอดทิ้งใคร ทุกกลุ่มจะได้รับวัคซีนแน่นอน “อนุทิน” ตรวจพื้นที่ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ เตรียมประเดิมฉีดบุคลากรเสี่ยงด้านคมนาคมขนส่ง เริ่ม 24 พ.ค.-6 มิ.ย.นี้ รองรับได้วันละ 1 หมื่นคน พร้อมจัดชัตเติลบัสรับ-ส่ง 3 เส้นทาง สธ.เห็นชอบเปิดช่องให้คนทั่วไปลงทะเบียนหมอพร้อมฉีดวัคซีน 31 พ.ค.นี้ เริ่มฉีดจริง 1 ส.ค. แก้ระบบหมอพร้อมแล้วรองรับได้ 2 หมื่นคนต่อวินาที “สาธิต” ยันจัดสรรวัคซีนใช้การแพทย์นำการเมือง

    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 21 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ครั้งที่ 7/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุมว่า นายกฯ ได้สรุปถึงแผนวัคซีนว่าการที่ประเทศไทยประกาศแผนการกระจายวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ จะดีเดย์วันที่ 7 มิ.ย. ผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1.ระบบหมอพร้อม ที่ดำเนินการอยู่ 2.การลงทะเบียน ณ จุดฉีด ที่จะเข้ามาเสริม จุดไหนมีวัคซีนเพียงพอจะได้ฉีด หากไม่เพียงพอให้รอคิว 3.การกระจายวัคซีนให้กลุ่มเฉพาะที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และหากประชาชนกลุ่มไหนคิดว่ามีความจำเป็นสามารถเสนอเหตุผลความจำเป็นไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขอรับการจัดสรรและสถานที่ฉีดได้
    “การเดินหน้าฉีดวัคซีนขณะนี้เราอยู่ในระยะที่ 1 ที่มีการทดสอบระบบต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมถึงวันที่ 6 มิ.ย. และระยะที่ 2 คือวันที่ 7 มิ.ย.จะเริ่มการฉีดวัคซีนทั้งระบบให้กับกลุ่มต่างๆ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว นักกีฬาและนักเรียนที่ต้องไปต่างประเทศ ผู้ประกันตน รวมถึงผู้ที่มีอาชีพซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน เช่น สาธารณูปโภค อาหาร ตลอดจนบุคคลทั่วไป กลุ่มนี้ไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาพูดได้หมด แต่นายกฯ ยืนยันจะไม่มีการทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกกลุ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.จะได้รับวัคซีนแน่นอน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว  
    ขณะที่นายอนุทิน? ชาญวีรกูล? รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข? (สธ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาลว่า? ตามที่นายศักดิ์สยาม? ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ทำหนังสือเพื่อขอให้ สธ.พิจารณาเร่งฉีดวัคซีนแก่พนักงานที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในระบบคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศ เนื่องจากเป็นบุคลากรกลุ่มเสี่ยงซึ่งมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอาจจะแพร่ระบาดไปสู่ผู้ใช้บริการอื่นได้?นั้น กระทรวงคมนาคมได้ส่งรายชื่อมาทั้งหมดประมาณ 3?00,000 คน โดยจะดำเนินการฉีดวัคซีน จำนวน 6?0,000 คน ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ? (สถานีกลางบางซื่อ) ซึ่งในจำนวนดังกล่าวรวมผู้ให้บริการรถแท็กซี่? รถจักรยานยนต์สาธารณะ (มอเตอร์ไซค์วิน) รถตุ๊กๆ รถโดยสารประจำทาง ผู้ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันแล้ว ฯลฯ
    โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.2564 ช่วงเวลา? 09.00-20.00 น. เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถรองรับให้บริการการฉีดวัคซีนได้วันละประมาณ 10,000 คน อย่างไรก็ตาม สถานีกลางบางซื่อถือเป็นสถานที่ที่มีความพร้อม มีขนาดใหญ่ ช่วยลดความแออัดจากสถานพยาบาลต่างๆ ได้ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดด้วย และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนด้วย
    “?หลังจากนี้มีแผนที่จะใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน โดยในระยะแรกจะเน้นกลุ่มองค์กร?ส่วนราชการของกระทรวงต่างๆ ก่อน หากครบทั้งหมดแล้วจึงจะพิจารณาจัดสรรฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไปในอนาคต หากหน่วยงานใดมีสถานที่ขนาดใหญ่และสามารถรองรับประชาชนได้ ขอให้นำเสนอมายัง สธ.เพื่อพิจารณาจัดเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลให้กับประชาชนต่อไป ในส่วนของวัคซีนโควิด-19 ที่นำมาฉีดนั้น ยืนยันว่าเพียงพอต่อผู้ที่จะรับการฉีดอย่างแน่นอน” นายอนุทินกล่าว
ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อพร้อม 100%
    ด้านนายศักดิ์สยามกล่าวยืนยันว่า สถานที่ที่สถานีกลางบางซื่อมีความพร้อม 100% แล้ว ทั้งขั้นตอนการคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ การลงทะเบียนแบบ Qr Code รวมถึงพื้นที่รับวัคซีน ซึ่งสามารถรองรับได้ชั่วโมงละ 900 คน และบริเวณจุดพักรอสังเกตอาการ รองรับได้ชั่วโมงละ 1,800 คน โดยเฉลี่ยอัตราการรองรับได้วันละประมาณ 10,000 คน ในแต่ละคนนั้นจะใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15 นาที และเวลาพักรอสังเกตอาการอีก 30 นาที รวมเป็น 45 นาทีต่อคน
    สำหรับ? “ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ” จะใช้พื้นที่ 14,294 ตร.ม. หรือประมาณ 80% ของพื้นที่ชั้นล่างสถานี กับบางส่วนของพื้นที่ชั้นลอย แบ่งเป็น 4 จุดบริการ ได้แก่ จุดชั่งน้ำหนัก วัดความดัน รองรับได้ 1,400 ที่นั่ง, จุดลงทะเบียน เซ็นใบยินยอม จำนวน 179 โต๊ะ, จุดฉีดวัคซีน จำนวน 100 จุด, จุดพักรอสังเกตอาการ 30 นาที จำนวน 800 ที่นั่ง และจะมีการติดสติกเกอร์แสดงสัญลักษณ์ให้ผู้ที่ฉีดแล้ว ยังมีการตั้งจุดบริการครบวงจรให้ผู้ป่วยเปราะบางที่ต้องนั่งรถเข็นและมีสุขภาพไม่แข็งแรง ขณะเดียวกัน? กระทรวงคมนาคมยังได้จัดเตรียมความพร้อมของระบบขนส่งรองรับการเดินทางด้วย อาทิ รถชัตเติลบัส 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ท่าเรือบางโพ-สถานีเตาปูน-ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ, เส้นทางที่ 2 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ และเส้นทางที่ 3 เซ็นทรัลลาดพร้าว-รถไฟฟ้า BTS หมอชิต-ตลาด อตก.-ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ-หมอชิต 2 (เป็นวงรอบ)
    นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมชี้แจงการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไปว่า ที่ประชุมมีมติเปิดเพิ่มการลงทะเบียนวัคซีนให้มากขึ้น โดยในกลุ่มประชาชนทั่วไปสามารถเริ่มลงทะเบียนจองการฉีดวัคซีนในวันที่ 31 พ.ค.นี้ และเริ่มฉีดในเดือน 1 ส.ค.เป็นต้นไป ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังที่จะสิ้นสุดการลงทะเบียนในวันที่ 31 พ.ค. สามารถลงทะเบียนต่อได้ และจะไปฉีดตามคิวที่ลงทะเบียนเช่นเดียวกับกลุ่มคนทั่วไป
    สำหรับการลงทะเบียนเหมือนกันทุกจังหวัด ยกเว้น กทม.ที่จัดรูปแบบการลงทะเบียนเองผ่าน Web Based และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม ไลน์หมอพร้อมอยู่แล้ว และไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูล เนื่องจากมีระบบหลังบ้านเชื่อมต่อหมอพร้อมอยู่แล้ว โดยหมอพร้อมจะเป็นที่รวบรวมข้อมูลการฉีด ติดตามอาการ และการออกใบรับรองการฉีด
    นายสาธิตกล่าวว่า ส่วนเรื่องการออนไซต์ (On Site) ขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัดและพื้นที่ในการบริหารจัดการว่าจะมีหรือไม่ ส่วนการจัดการวัคซีนเป็นกลุ่มให้ทางจังหวัดดำเนินการจัดวิธีการฉีดเอง อาจเป็นความร่วมมือกันระหว่าง รพ.รัฐและ รพ.เอกชน โดยให้ รพ.รัฐรับรองความปลอดภัยในสถานที่ ต้องมีมาตรฐาน ทั้งแพทย์ พยาบาลประจำ อุปกรณ์ช่วยชีวิต และสามารถนำส่งหากมีอาการข้างเคียงรุนแรง การฉีดวัคซีนแบบกลุ่มต้องทำในสถานพยาบาลขนาดใหญ่ ระดับชุมชนขึ้น รพ.สต.ไม่สามารถฉีดได้ เนื่องจากวัคซีนเป็นวัคซีนที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ต้องมีการสังเกตอาการตามมาตรฐานและติดตามอาการ 30 นาที
    รมช.สาธารณสุขกล่าวว่า การจัดสรรวัคซีนเป็นไปตามคณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 โดยยึดหลักพื้นที่ระบาด พื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยว และกลุ่มอาชีพเสี่ยง โดยแต่ละจังหวัดจะได้สัดส่วนของวัคซีนไม่เท่ากัน เนื่องจากขึ้นกับสถานการณ์การระบาดโรคในแต่ละจังหวัด หลังจากเกิดกระแสวิจารณ์การจัดสรรวัคซีนที่ไม่เท่าเทียม เช่น ในจังหวัดภูเก็ต และบุรีรัมย์ พร้อมยืนยันการจัดสรรวัคซีน เอาหลักการแพทย์มานำการเมือง เช่น กทม.เป็นพื้นที่ระบาดหนักต้องได้รับการจัดสรรวัคซีน โดยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่จะมาถึงก่อนปลายเดือนนี้ 1.7 ล้านโดส จะให้ กทม.เป็นหลักเพื่อฉีดให้เร็วที่สุด
    “การชี้แจงเพิ่มช่องทางการฉีดวัคซีนไม่ต้องการให้ประชาชนสับสน เพราะมีระบบหมอพร้อมรองรับไว้ กรณีมีประชาชนมาลงทะเบียนจำนวนมาก ที่ผ่านมาระบบไม่เคยล่ม แต่ยอมรับว่าการประสานร่วมกับ รพ.เอกชน ทำให้เกิดปัญหาการลงทะเบียน ที่ รพ.เอกชนเปิดรับจองฉีดวัคซีน แต่รายชื่อถูกดีดออกและไม่สามารถลงทะเบียนได้ ขณะนี้ได้พยายามแก้ไขปัญหาไปละขั้นตอน มั่นใจการเปิดลงทะเบียน 31 พ.ค.จะไม่เกิดปัญหา สามารถรองรับได้ 20,000 คนต่อวินาที” นายสาธิตกล่าว
ส.ส.ขอวัคซีนลงพื้นที่ตัวเอง
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวถึงเรื่องแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 นั้น จะเริ่มในเดือน มิ.ย.64 โดยมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลักร่วมกับวัคซีนอื่นๆ ที่กำลังจัดหาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเติมและได้กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้งหมด 2.6 ล้านโดส และมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.5 ล้านเข็ม ซึ่งเป็นการสำรอง แต่เมื่อมีการดำเนินการตามแผนหลักในเดือน มิ.ย.จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
    พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า รพ.ตำรวจให้บริการฉีดวัคซีนแก่ข้าราชการตำรวจวันละ 1,000 นาย โดยให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าและให้เข้ารับวัคซีนตามวัน-เวลากำหนด การดำเนินการของ รพ.ตำรวจทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข โดยเว้นระยะห่าง แบ่งพื้นที่พักคอยและให้บริการเป็นสัดส่วน และได้มีภาคเอกชนสนับสนุนอาหาร น้ำดื่มให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มารับบริการ
    นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการฉีดวัคซีนแบบวอล์กอินที่ทำให้ ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันเองว่า ส่วนตัวเห็นใจและเข้าใจพรรคภูมิใจไทยที่ถูกนายกฯ เบรก เมื่อวิเคราะห์ปัญหานี้อย่างละเอียดแล้ว คิดว่าวัคซีนเพิ่งเข้ามาเพียงนิดเดียว ทำให้ประเทศจำเป็นต้องฉีดวัคซีนตามความจำเป็นและตามแผนยุทธศาสตร์ก่อน จะทำสะเปะสะปะไม่ได้ ในสงครามชีวภาพกับโควิด-19 ขณะนี้ไทยเรากำลังเป็นฝ่ายตั้งรับ วัคซีนเป็นอาวุธสำคัญที่เราจะใช้รบกับเชื้อโควิด เปรียบเสมือนเรามีกระสุนจำนวนน้อย การยิงกระสุนทุกนัดของเราตรงเข้าเป้าจึงจะชนะในสงครามชีวภาพนี้ได้ หลังเดือนสิงหาคมถ้าเราฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ครบตามเป้าหมายแล้ว การฉีดแบบวอล์กอินก็คงจะเป็นไปได้ จึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลยุติการตอบโต้กันและหันมาร่วมกันสู้กับวิกฤติโควิดจะดีกว่า
    นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบข่าวว่าทางจังหวัดชลบุรีได้รับการจัดสรรโควิดในเดือนมิถุนายน 2564 จำนวน 54,000 โดสเท่านั้น ทั้งที่จังหวัดชลบุรีเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับคนทั้งประเทศ เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างรายได้ให้กับประเทศทางด้านการท่องเที่ยวอีกจำนวนมหาศาล มีความสำคัญต่อประเทศไทย โดยมีประชากรที่ถูกต้องตามทะเบียนราษฎรและประชากรแฝงรวมแล้วประมาณ 3 ล้านคนเศษ แต่หากได้รับวัคซีนเพียง 54,000 โดส จะเกิดผลกระทบอย่างหนัก ทั้งความมั่นใจของนักลงทุน นักท่องเที่ยว รวมทั้งประชาชนภายในจังหวัดชลบุรีอีกด้วย การที่จัดสรรวัคซีนมาให้ 54,000 โดสนั้น ถือว่าไม่ยุติธรรมกับคนทั้งประเทศ และถือว่าเป็นความเสี่ยงของประเทศไทยที่จะฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย
    นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.เขตหลักสี่ กทม. พรรคเพื่อไทย โพสเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนและทีมงานลงพื้นที่ชุมชนคลัสเตอร์แคมป์คนงานหลักสี่ติดต่อกันหลายวัน เจอคนติดเชื้อเพิ่มหลายครอบครัว มีทั้งเด็กเล็ก คนแก่ คนหนุ่มสาว บางครอบครัวอยู่รวมกัน 17 คนบ้าง 9 คนบ้าง ไม่แปลกที่จำนวนคนติดเชื้อมันจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ตอนนี้ทั้งสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของคนตรงนั้นเปราะบางมากๆ ซ้ำวันนี้ยังมีข่าวว่าพบเชื้อสายพันธุ์อินเดียในแคมป์อีก ขอเถอะครับ ผมไม่ด่า ไม่ดรามาอะไรทั้งนั้น ขอส่งเสียงในนามประชาชนหนึ่งคน แทนคนอีกเป็นหมื่นคนว่า ให้รัฐช่วยอนุมัติวัคซีนฉุกเฉินมาฉีดให้คนหลักสี่ที่อยู่ในโซนสีแดงเข้ม เหมือนที่ท่านทำให้พี่น้องชาวคลองเตยเถอะครับ ก่อนที่อะไรมันจะสายไป.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"