อุตฯจับมือพาณิชย์ลุยแก้ปัญหาราคาเหล็กแพง หวั่นกระทบต้นทุนธุรกิจลามเป็นลูกโซ่


เพิ่มเพื่อน    

 

24 พ.ค. 2564 นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2564 ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ดูแลปัญหาราคาเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพื่อลดบรรเทาและผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบการอุตสาหกรรมที่มีเหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อไม่ให้กระทบทั้งอุตสาหกรรมหลัก และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการจ้างแรงงานต่อไปนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์จึงได้ประชุมหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ประกอบการทั้งกลุ่มผู้ใช้ และกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก เพื่อหาทางแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

โดยมีข้อสรุปร่วมกันเรื่องการแก้ปัญหาราคาที่กระทบต้นทุนของผู้ใช้เหล็กเป็นหลัก คือ กลุ่มก่อสร้างที่เสนองานกับหน่วยงานภาครัฐจะมีการพิจารณาทบทวนตัวเลขค่า K หรือ ดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างานของงานโครงการภาครัฐระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ทั้งในด้านการสืบราคาจำหน่ายและการกำหนดค่า K ให้สะท้อนกับราคาในตลาดยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดทำการจับคู่ธุรกิจ ระหว่างผู้ผลิต และผู้ใช้เหล็กเพื่อวางแผนการใช้และการผลิตร่วมกัน และขอความร่วมมือผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเหล็ก ตรึงราคาและจำหน่ายสินค้าเหล็กในราคาที่สอดคล้องต้นทุนที่แท้จริง โดยกรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์ต้นทุนการนำเข้าและราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้อุตสาหกรรมเหล็กเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม ที่อยู่ในแผนการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามนโยบายบีซีจี(เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว) ของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงฯ ได้มอบหมาย 4 หน่วยงานหลัก ทั้ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ให้เข้าไปดูแลผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับหน่วยงานกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กเร่งพัฒนาประสิทธิภาพโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“ผู้ผลิตเหล็ก โดยสมาคมเหล็กฯ ยืนยันว่า จากสถานการณ์การผลิตและจำหน่ายเหล็กในประเทศไทยปัจจุบันมีการผลิตประมาณ 30% ของกำลังการผลิตที่สามารถผลิตได้ ปัญหาการขาดแคลนสินค้าเหล็กในประเทศไทยจะไม่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มเติมจากกลุ่มผู้บริโภคที่หันกลับมาใช้สินค้าเหล็กในประเทศแทนเพื่อลดการนำเข้า สำหรับดัชนีอุตสาหกรรมเหล็ก และเหล็กกล้าขั้นมูลฐานของเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 19.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  จากเหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กเคลือบสังกะสี เหล็กลวด เหล็กรูปพรรณรีดร้อนและเหล็กเส้นกลม เป็นหลัก โดยได้รับอานิสงส์จากปริมาณเหล็กในตลาดโลกลดลง และเป็นช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้น ความต้องการใช้เหล็กของโลกจึงปรับตัวสูงขึ้นไปด้วยทำให้ราคาเหล็กโลกปรับตัวสูงขึ้น ตามกลไกของตลาดโลก”นายกอบชัย กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"