“ใช้สมุนไพรรับมือโรคหน้าฝน” รู้ละเอียดเสริมภูมิคุ้มกันถูกวิธี


เพิ่มเพื่อน    

 

ประโยชน์ของสมุนไพรไทยนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ประกอบกับปีนี้หน้าฝนมาเร็ว ดังนั้นการประยุกต์สมุนไพรที่เป็นภูมิปัญญาของไทยมาใช้ดูแลสุขภาพ ก็นับเป็นทางเลือกหนึ่งที่สนใจ เนื่องจากสรรพคุณของสมุนไพรนั้น สารมารถใช้เป็นตัวช่วยในการส่งเสริมสุขภาพ หรือเสริมภูมคุ้มกันโรค และใช้เป็นยารักษาโรคได้ในคราวเดียวกัน ที่สำคัญต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม

 

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ให้ข้อมูลว่า  สรรพคุณของสมุนไพรไทยนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.เราใช้สมุนไพรไทยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ที่รู้กันว่าเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ส่วนอันที่ 2.เราใช้สมุนไพรไทยเพื่อเป็นยารักษาโรคโดยตรง เพื่อบรรเทาอาการของโรคนั่นเอง

 

 

เริ่มจากการใช้ “สมุนไพรไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพ” ในช่วงหน้าฝนที่มักจะทำให้อากาศเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสมุนไพรไทยจากภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวบ้าน หรือแพทย์แผนไทยนั้น สมุนไพรที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดี และสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่สำคัญมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์แอนตี้บอดี้ หรือ ออกฤทธิ์ต่อเม็ดเลือดขาวให้ทำงานต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีนั้น คือ สมุนไพรกลุ่ม “ขิง, ข่า, ตะไคร้” และเรายังพบอีกว่าถ้าปรุงสมุนไพรเหล่านี้ ให้อยู่ในรูปแบบของอาหาร เช่น เครื่องแกง ใส่ในเมนูต้มยำต่างๆ จะช่วยชูรสชาติอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้น และเสริมภูมคุ้มกันป้องกันโรคได้ในคราวเดียวกัน

 

 

นอกจากนี้เรายังพบว่าในสมุนไพรไทยอย่าง  “ขิง” ที่เป็นพืชตระกูลเดียวกับ “ขมิ้นชัน และ “กระชาย” ที่ไม่เพียงช่วยเสริมภูมคุ้มกันให้ร่างกาย แต่ใน “ขิง” ยังเพิ่มการไหลเวียนโลหิต และยังช่วยย่อยทำให้ขับถ่ายได้ดี หรือ แม้แต่พืชสมุนไพรอย่าง “ใบแมงลัก” และ “ใบกระเพา” ยังช่วยเพิ่มการขยับตัวให้กับลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำได้ดีเช่นกัน และที่ลืมไม่ได้นั้นผักพื้นบ้าน ที่อยู่ในรูปแบบของสมุนไพรไทยอย่าง “ขี้เหล็ก” ก็มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้นในช่วงฤดูฝนอย่างนี้ ดังนั้นถ้าเราบริโภคสมุนไพรที่มีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายแบบสลับหมุนเวียน ก็จะช่วยลดอาการเจ็บป่วยในช่วงหน้าฝนได้ โดยเฉพาะโรคหวัดและอาการเจ็บคอต่างๆ

 

ทั้งนี้การบริโภคสมุนไพรไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ลำดับต่อมา คือ “กลุ่มยาสมุนไพรตรีผลา” ซึ่งเป็นยาสมุนไพรที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ ใช้กันในกลุ่มอายุรเวทของอินเดีย และแพทย์แผนไทยของเรา ซึ่งตัวยาดังกล่าวประกอบไปด้วย สมอไทย ,สมอภิเภก ,มะขามป้อม ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และช่วยชะลอวัยไปด้วย ที่สำคัญยังช่วยแก้ไอ ทั้งนี้จะใช้โดยการต้มเป็นน้ำดื่มตรีผลาเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

 

“ดังนั้นในช่วงที่มีโรคโควิด-19 กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ การดูแลสุขภาพด้วยการนำเอาแพทย์แผนไทยมาประยุกต์เพื่อดูแลสุขภาพ และเสริมสร้างภูมคุ้มกันให้ร่างกาย ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งดีกว่าไม่ดูแลสุขภาพ ยกตัวอย่างการที่เราดื่มน้ำขิง หรือน้ำกระชาย ที่กำลังได้รับนิยมนั้น สิ่งสำคัญหมออยากแนะนำว่า หากเราจะคาดหวังให้น้ำสมุนไพรทั้งสองชนิดป้องกันโรคโควิด-19 โดยตรง อาจจะทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นติดง่าย ดังนั้นการปฏิบัติตามคำแนะนำ ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทั้งการเลือกบริโภคสมุนไพรดังกล่าวในรูปแบบของอาหาร เช่น เครื่องแกง จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อให้ร่างกายแข็งและทำให้เจ็บป่วยได้ยากขึ้น ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีมากว่า”

 

อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย บอกอีกว่า “ สำหรับการใช้สมุนไพรไทยเพื่อรักษาโรค จากอาการเจ็บป่วยแล้ว อาทิ ผู้ที่มีอาการไข้จากโรคหวัด ซึ่งสมุนไพรไทยที่ใช้นั้นเป็นสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่ช่วยลดอาการไข้ หรือเป็นยาลดไข้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหวัดในช่วงหน้าฝน ซึ่งโดดเด่นและเป็นที่รู้จักอย่าง “ยาเขียว (ใบพิมเสน, ใบผักกระโฉม, ใบหมากผู้,ใบมะระ, ใบสะเดาฯลฯ)” และ “ยาจันทร์ลีลา (โกศสอ,โกศเขมา,โกศจุฬาลัมพา,แก่นจันทร์ขาว ,แก่นจันทร์แดง ลูกกระดอม เถาบอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก) ” กระทั่ง “ยา 5 ราก (คนทา,ชิงชี่,ย่านาง ,เท้ายายม่อม,มะเดื่ออุทุมพร” ซึ่งตัวยาสมุนไพรลดไข้ในบัญชียาหลักแห่งชาติดังกล่าวนั้น จะอยู่ในรูปแบบของแคปซูลที่สามารถกินง่าย และได้ผลค่อนข้างดี รวมถึงยาสมุนไพรไทยอย่าง “ยาประสะมะแว้ง” ที่มีสรรพคุณช่วยแก้ไอและลดไข้ ที่สามารถใช้รักษาโรคได้

 

นอกจากนี้สมุนไพรไทยหลายตัว ที่ค้นพบว่ามีฤทธิ์แก้ไข้ และช่วยต้านเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียอย่าง “ฟ้าทะลายโจร” ซึ่งล่าสุดกำลังทำการวิจัย โดยค้นพบว่ามีสรรพคุณแก้ไข้ และลดอาการอักเสบ ที่สามารถใช้แทนยาพาราเซตามอลได้ ที่สำคัญในฟ้าทะลายโจร ยังพบว่ามีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสหลายตัว และยังลดการแบ่งตัว หรือแบ่งเซลล์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ เนื่องจากการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองพบว่า ฟ้าทะลายโจรมีสารที่เรียกกันว่า สารแอนโดรกราโฟไลด์ ที่ช่วยยับยังไม่ให้ไวรัสแบ่งตัวในเซลล์ได้ แต่ทั้งนี้จากการศึกษาโดยการบริโภคสมุนไพรดังกล่าวในคน พบว่าสามารถลดอาการไข้ จากผู้ป่วยโรคหวัดได้เช่นกัน

 

“แต่การใช้สมุนไพรไทยอย่างฟ้าทะลายโจร ในกลุ่มของผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้น จะต้องเป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อยู่ในระยะน้อยๆ หรือไม่ได้มีอาการรุนแรงมาก (ปอดยังไม่บวม) ตรงนี้เมื่อใช้ฟ้าทะลายโจรก็จะทำให้หายจากโรคโควิด-19 ได้เอง (รูปแบบการใช้รักษาโรคโควิด-19 ในระยะน้อยๆนั้น จะใช้สารสกัดจากฟ้าทะลายโจรวันประมาณ 180 มิลลิกรัมในการรักษาโรค) แต่ถ้าหากเป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงลุกลาม หรือมีภาวะปอดบวมไปแล้ว ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร จะไม่ใช่ตัวเลือกในการรักษาสุขภาพจากโรคโควิด-19 แต่อย่างใด”

 

“พญ.อัมพร” บอกอีกว่า “สมุนไพรไทยอย่างกระชาย ที่มีสารแพนดูลาตินเอ (Pandulatin A) และสารพิโนสตรอบิน(Pinostrobin) เป็นสมุนไพรไทยที่ตามฟ้าทะลายโจรมาติดๆ ในการต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในรายที่ผู้ป่วยมีอาการเล็กน้อย(ไม่มีอาการปอดบวม) ที่สำคัญจะต้องบริโภคกระชายในปริมาณที่สูงมาก ดังนั้นจึงยังอยู่ในขั้นตอนที่เภสัชกรวิจัยและออกแบบ ให้อยู่ในรูปแบบของแคปซูลที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยต่อผู้บริโภค ดังนั้นหมอแนะนำว่าควรกินกระชาย ให้อยู่ในรูปแบบของอาหาร ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายไม่เป็นโรคจะเหมาะสมมากกว่า เช่น ใส่ในเครื่องแกงของเมนูขนมจีนน้ำยา หรือ ใส่ในต้มโคล้ง เป็นต้น”

 

ไล่มาถึงการบริโภคสมุนไพรไทย เพื่อรักษาโรคที่พบได้ในช่วงหน้าฝนอย่าง “โรคผิวหนังจากเชื้อรา” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ บอกว่า “ หากเป็นอาการเชื้อราที่พบได้ทางผิวหนังนั้น แนะนำให้ใช้ใบทองพันชั่ง ที่นำมาพอกทิ้งไว้ หรือทาบ่อยๆบริเวณผิวหนังที่เป็นเชื้อรา กลาก เกลื้อน แต่วิธีการใช้นั้นจะต้องนำใบทองพันชั่ง มาทำร่วมกับวิธีการกึ่งแผนปัจจุบัน โดยการนำใบทองพันชั่งตำพอละเอียด และนำไปแช่เหล้า หรือแอลกอฮอล์ แต่หากเป็นแผลชนิดอื่นๆที่ผิวหนัง ซึ่งไม่ใช่เชื้อราจากน้ำกัดนั้น หรือ ผิวหนังถูกของมีคมบาด หรือเป็นแผลถลอกจากการเดินลุยน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝน แนะนำให้ล้างแผลให้สะอาด และนำใบบัวบกบดพอละเอียด มาพอกทิ้งไว้ที่ผิวหนัง ที่เป็นแผลถูกของมีคมบาด เนื่องจากใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยสมานแผล

 

นอกจากนี้ในช่วงหน้าฝนหลายคนมี “อาการท้องร่วงท้องเสีย” จากน้ำฝนที่ปนเปื้อนเชื้อโรคท้องร่วง กระทั่งน้ำฝนมาสัมผัสถูกอาหาร ที่เรารับประทานเข้าไปนั้น การบริโภคฟ้าทะลายโจรในรูปแบบของแคปซูล สามารถช่วยได้ เนื่องจากมีการวิจัยแล้วว่าฟ้าทะลายโจร สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มากับอาหารไม่สะอาดได้ แต่ทั้งนี้อาจต้องบริโภคแคปซูลฟ้าทะลายโจร สูงกว่าการกินเพื่อป้องกันโรคหวัด นอกจากนี้ผู้ที่ไม่ได้ท้องเสียจากอาการเป็นโรคหวัดลงกระเพาะ พูดง่ายๆว่าท้องเสียเพราะอาหารปนเปื้อนเชื้อโรคท้องร่วง ก็สามารถกิน “ผงกล้วย” ที่บรรจุในรูปแบบซอง และชงดื่มเป็นน้ำผงกล้วย ซึ่งในผงกล้วยนั้นไม่เพียงทำให้อุจจาระของผู้ป่วยโรคท้องร่วงเป็นก้อน เนื่องจากสารแพคตีนที่พบในกล้วย แต่ในผงกล้วยที่สกัดจากกล้วยนั้น ยังช่วยเคลือบกระเพาะให้กับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะได้อีกด้วย”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"