ติดเชื้อรายวันพุ่ง3,323นิวไฮดับ47


เพิ่มเพื่อน    

 "ในหลวง" พระราชทานทรัพย์ 48 ล้าน จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่กรมราชทัณฑ์ ดูแลผู้ต้องขังติดโควิด "ศบค." เผยติดเชื้อรายวัน 3,323 ราย เสียชีวิตเป็นนิวไฮ 47 ราย พบคลัสเตอร์ใหม่โรงงานแปรรูปอาหารสมุทรปราการป่วยใหม่ 116 ราย "ทำเนียบฯ" ป่วน จนท.แลกบัตรใต้ตึกบัญชาการติดโควิด "เรือนจำ" ยอดติดโควิดยังพุ่ง "กมธ.สธ." หนุนฟ้าทะลายโจรคู่ฟาวิพิราเวียร์ จ่อเชิญกรมการแพทย์แผนไทยฯ-อภัยภูเบศร หารือต่อยอดฝ่าวิกฤติ

    เมื่อวันที่ 27 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่กรมราชทัณฑ์ โดยพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้เชิญอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานไปในพิธี
    ในการนี้ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เข้ารับพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงยุติธรรม, ผู้อำนวยการกองแพทย์, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์, ผู้บัญชาการเรือนจำ, ผู้บัญชาการทัณฑสถาน และผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมในพิธี ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 48,345,200 บาท  ในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานแก่กรมราชทัณฑ์ ประกอบด้วย เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลเคลื่อนที่พร้อมระบบ Ai 10 เครื่อง, เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 1,000 เครื่อง, ชุดอุปกรณ์ปกป้องระบบการหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ จำนวน 8 ชุด, เครื่องช่วยหายใจชนิดปริมาตรและความดัน 4 เครื่อง,  เครื่องช่วยหายใจอัตราไหลสูง 20 เครื่อง, เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ 40 เครื่อง, เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำโดยใช้กระบอกฉีด 20 เครื่อง
    ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์จะจัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับพระราชทานดังกล่าวไปยังทัณฑสถานและเรือนจำต่างๆ เพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทัณฑสถานและเรือนจำหลายแห่ง         การได้รับพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อบุคลากรกรมราชทัณฑ์ ตลอดจนผู้ต้องขังทั่วประเทศ
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,323 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,083 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,132 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 951 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 1,219 ราย ซึ่งตัวเลขในเรือนจำที่สูงจากหลายวันก่อนหน้านี้เนื่องจากเป็นการค้นหาเชิงรุกรอบที่ 2 ที่ต้องมีการเว้นระยะจากรอบแรก นอกจากนี้เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม  141,217 ราย หายป่วยสะสม 93,828 ราย เฉพาะวันนี้หายป่วย 2,063 ราย อยู่ระหว่างรักษา 46,469 ราย อาการหนัก 1,201 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 399 ราย
นิวไฮยอดผู้เสียชีวิต 47 ราย
    "มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 47 ราย  โดยเป็นตัวเลขนิวไฮ เป็นชาย 26 ราย หญิง 21 ราย อยู่ใน กทม. 26 ราย, นนทบุรี 4 ราย, เชียงใหม่ 3 ราย, ยะลา พระนครศรีอยุธยา มุกดาหาร เพชรบุรี ราชบุรี ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี  นครศรีธรรมราช ตาก อำนาจเจริญ น่าน สงขลา จังหวัดละ 1 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว แต่ที่น่าสังเกตคือมีผู้ป่วยติดเตียง 6 ราย และหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากคนในครอบครัว รวมถึงผู้เสียชีวิตบางรายมีปัจจัยเสี่ยงจากการไปร่วมโต๊ะสนุกเกอร์ ขณะที่ค่าเฉลี่ยอายุของผู้เสียชีวิต พบว่าอายุน้อยสุด 26 ปี อายุมากสุด 87 ปี ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 920 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 169,078,446 ราย เสียชีวิตสะสม 3,512,232 ราย" นพ.ทวีศิลป์กล่าว
    โฆษก ศบค.กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ 21 ราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย เป็นหญิงไทย เป็นแอดมินออนไลน์ มาจากกัมพูชา ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งขณะนี้มีการเปิดด่านถาวรที่ อ.อรัญประเทศ 5 วันแล้ว จึงขอให้ทุกคนเข้าช่องทางที่ถูกต้อง ขณะที่รอบ 24 ชั่วโมง มีผู้ลักลอบเข้าประเทศ 135 ราย อย่างไรก็ตาม สำหรับ 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 27 พ.ค. ได้แก่ กทม. 894 ราย,  สมุทรปราการ 280 ราย, เพชรบุรี 233 ราย, นนทบุรี 129 ราย, ปทุมธานี 98 ราย
    นอกจากนี้ การระบาดที่พบในจังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นที่ต้องจับตามอง อาทิ ตลาดบางกะปิ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมในคลัสเตอร์ดังกล่าว 443 ราย,  คลองเตย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 210 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 1,586 ราย, ตลาดศาลาน้ำร้อน ฝั่งธนฯ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 29 ราย, สำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 49 ราย รวมทั้งยังพบคลัสเตอร์ใหม่ที่ จ.สมุทรปราการ ในโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปจากสัตว์น้ำ เนื้อสัตว์ที่มีทั้งชาวไทยและเมียนมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 116 ราย ขณะที่สถานการณ์ใน กทม. ขณะนี้มี 41 คลัสเตอร์ โดยมีคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงานเย็บผ้า เขตทุ่งครุ จะเห็นว่าภาพรวม  กทม.และปริมณฑลที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ยังเป็นภาพสะท้อนของประเทศ มีอัตราผู้ติดเชื้อเป็น 72% ของทั้งประเทศ หากลดตรงนี้ลงมาได้จะทำให้ภาพรวมของประเทศลดลงมาด้วย ส่วนอัตราผู้เสียชีวิตใน กทม.ที่เพิ่มอีก 26 รายในวันที่ 27 พ.ค. ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 391 ราย คิดเป็น 1.04% ของผู้ติดเชื้อในระลอกล่าสุดสูงกว่าภาพรวมของประเทศ
    "แนวโน้มสถานการณ์โลกดูเหมือนจะลดลง แต่ประเทศไทยยังคงตัว การระบาดกลุ่มก้อนยังคล้ายๆ กลุ่มเดิม แต่มีกลุ่มใหม่แทรกขึ้นมา และสถานที่เสี่ยงคือ โรงงาน ตลาด ชุมชนแออัด แคมป์ก่อสร้าง และชุมชนรอบๆ จึงมีการประสานให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปดูแลสภาพของโรงงานและสภาพความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ฝ่ายปกครองไปดูแลบริเวณชุมชนแออัดและแคมป์ก่อสร้าง ขณะที่ตามแนวชายแดนให้ฝ่ายความมั่นคงเข้มงวดเรื่องผู้ลักลอบเข้าประเทศ" โฆษก ศบค.กล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากที่ทำเนียบรัฐบาลเริ่มจะผ่อนปรนมาตรการด้านการสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลได้บ้างแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่และข้าราชการของทำเนียบรัฐบาลนั้นยังคงปฏิบัติงานที่บ้าน หรือเวิร์กฟรอมโฮมอยู่เป็นส่วนใหญ่ ล่าสุดได้รับการเปิดเผยว่ามีเจ้าหน้าที่หญิงที่ปฏิบัติหน้าที่แลกบัตรในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เป็นลูกจ้างขององค์การทหารผ่านศึกรายหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าวเข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา และมีผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้เข้ารับการกักตัวและรักษาทันที
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าวได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง คนในครอบครัวมีการติดเชื้อโควิด-19 จึงได้กักตัวก่อนหน้านี้ และเข้ารับการตรวจจนพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวการติดเชื้อโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่หญิงแลกบัตรใต้ตึกบัญชาการ 1 แพร่กระจายออกไปสร้างความตื่นตระหนกให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่หลายคนที่เข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว
    น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไม่ได้เพิกเฉยได้ใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การตรวจเช็กบุคลากรเป็นประจำ การส่งเจ้าหน้าที่ไปรับวัคซีนโควิดตามความจำเป็น การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อสถานที่ ต่างๆ ภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นประจำ รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข
เรือนจำติดเชื้อเพิ่มอีก 1.2 พัน
    ที่กรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานว่า ข้อมูล ณ วันที่ 27 พ.ค.64 เวลา 09.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,228 ราย รักษาหาย 2,054 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้ออยู่ในการดูแลของกรม ราชทัณฑ์ 16,319 ราย รวมเรือนจำและทัณฑสถานที่ยังมีผู้ติดเชื้อ จำนวน 14 แห่ง
    ส่วน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการติดโควิด-19 ของตำรวจทั่วประเทศว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25 นาย ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ 13 มี.ค. 64-26 พ.ค.รวม 963 นาย เสียชีวิต 6 นาย เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 227 นาย โดยพื้นที่ที่พบติดเชื้อมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 135 นาย, ตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 18 นาย และตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 17 นาย
    น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 ในฐานะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ขอบคุณนายกฯ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสมุนไพรไทยอย่างฟ้าทะลายโจรมาสนับสนุนใช้ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยในส่วนของกรรมาธิการสาธารณสุข เตรียมเชิญกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ข้อมูลเพื่อร่วมกันสนับสนุนแนวทางพัฒนาใช้สมุนไพรไทยในการรักษาโรค และฝ่าวิกฤติในครั้งนี้  
    "แม้ฟ้าทะลายโจรจะมีสรรพคุณทางยาในการปรับระบบภูมิคุ้มกันตามที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกแนะนำ แต่ในทางการแพทย์เริ่มมีการกังวลเรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรเกินขนาด จึงอยากรณรงค์ให้ประชาชนใช้ฟ้าทะลายโจรในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนผู้ติดเชื้อก็ขอให้ใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ก็จะทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ฟ้าทะลายโจร" กมธ.สาธารณสุขฯ ระบุ
    ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพประชาชน พร้อมด้วยนางวงศ์จันทร จันทร์ยิ้ม ผู้ประสานงานพื้นที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต  เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว พร้อมด้วยแกนนำชุมชน กทม. ใกล้แคมป์คนงานก่อสร้างกว่า 10 คน เข้ายื่นหนังสือถึงพลอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ผ่านทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อนำเสนอปัญหาข้อกังวลของชุมชนที่มีคนงานแคมป์ก่อสร้าง และเรียกร้องให้บริษัทผู้รับเหมาทุกรายแสดงความรับผิดชอบต่อผู้ใช้แรงงาน.    
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"