
"ชวน" เตรียมหารือมาตรการป้องกันโควิดในการประชุมร่วมรัฐสภา ระบุไม่ควรอยู่หนาแน่นห้องเดียวกันเกิน 15 นาที ปชป.ไม่หวั่นยุบสภา โวเตรียมพร้อมไว้ทั้ง 350 เขตเลือกตั้งแล้ว ตั้งคำถามมารยาทพรรคร่วมรัฐบาลกับการตรวจสอบรัฐใช้งบฯ ส.ส.ต้องทำงานด้วยความอิสระ “ธนกร” ยันรัฐบาลกู้เงิน 5 แสนล้านเพื่อ ปชช. "เพื่อไทย" ชำแหละงบฯ 65 ผิดทิศผิดทาง ตั้งฉายา "งบฯ 5 ผิด" ลั่นจะอภิปรายเหมือนศึกซักฟอก
เมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความราบรื่น สมาชิกให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพียงสองคนที่ขออนุญาตถอดหน้ากากอนามัยเพื่ออภิปรายแต่ไม่ได้รับอนุญาต สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภานั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะความเห็นจากกรมควบคุมโรค ที่ว่าไม่ควรอยู่หนาแน่นในห้องเดียวกันเกินกว่า 15 นาที ก็จะต้องเอาประเด็นนี้มาหารือร่วมกันด้วย
นายชวนเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ส่งร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทมาให้สภา แต่หากส่งมาในสัปดาห์หน้าก็จะได้ทำการตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนบรรจุเข้าระเบียบวาระในสัปดาห์ถัดไป ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยอมรับว่าหาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีต้องประกาศยุบสภาตามธรรมเนียมนั้น นายชวนปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า หลักการเมื่อพระราชกำหนดเกี่ยวกับการกู้เงิน 500,000 ล้านบาทเข้าสภา ตามข้อบังคับการประชุมก็จะมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางเพราะ ส.ส.ทุกคนย่อมมีสิทธิ์อภิปรายตามเหตุและผลของแต่ละคนแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว ก็ต้องรอดูผลการพิจารณาของสภาก่อนว่า ส.ส.จะพิจารณามีมติให้ความเห็นชอบอนุมัติหรือไม่ การที่นายวิษณุตอบคำถามนักข่าวว่าหากไม่ผ่านก็ยุบสภา จากการตอบคำถามดังกล่าวพรรคไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายมีหน้าที่ในการทำงานตามภาระหน้าที่อยู่แล้ว
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรรคได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้ง 350 เขตเลือกตั้ง มีบุคลากรของพรรคทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ครบถ้วน เพราะทุกพื้นที่มีความสำคัญทั้งหมดในการช่วยกันทำงานให้ประชาชน ขณะนี้พรรคเป็นพรรคที่ร่วมรัฐบาล ร่วมกันทำงาน เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่และดีที่สุด เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าทุกสิ่งคือ การตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศ" นายราเมศกล่าว
นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กว่า "เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ปชป.มีการประชุม ส.ส.ด้วยความเป็นห่วงในประเด็นงบประมาณแผ่นดินปี 65 ที่จะมีการประชุมสภา ทั้งในประเด็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ งบกองทัพ งบโควิด พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล พวกเรามีความกังวลว่าประเทศไทยจะจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า และการกระจายงบประมาณไม่เหมาะสม"
"วันนี้การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล VS การมีมารยาทในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน การพิจารณางบประมาณปี 65 ในวาระนี้ ผมและเพื่อน ส.ส.ต้องทำงานอย่างหนัก เนื่องจากเป็นการผ่านงบประมาณแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤติสุขภาพและแรงเสียดทานทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นทุกวัน จากการขาดความเชื่อมั่นของประชาชน พวกเราทุกคนเข้าใจในสถานะและหน้าที่ทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาลดี แต่งบประมาณปี 65 นี้เป็นเรื่องความเป็นความตายของประชาชนและธุรกิจไทย การลงมติงบประมาณและ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในฐานะ ส.ส.เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดและต้องปฏิบัติด้วยความเป็นอิสระและโปร่งใส" นายพนิตระบุ
นายพนิตให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การจะรับร่าง พ.ร.บ.งบปี 65 หรือไม่ ไม่ใช่การด่วนสรุปว่าจะรับร่างกฎหมายนี้ทันที เพราะยังไม่ได้มีการชี้แจงหรือการอภิปรายใดๆ เพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน ส่วน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านต้องใช้ให้ตรงวัตถุประสงค์ ไม่ใช่ไปใช้ในโครงการขุดลอกหรือสร้างถนน สร้างงานแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ต้องใช้เยียวยาช่วยประชาชน
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย โจมตีรัฐบาลในการจะออก พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด 5 แสนล้านบาท ว่าเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและเป็นการใช้ซื้อเสียงล่วงหน้าว่า ผิดหวังกับ นพ.ชลน่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ผ่านมา นพ.ชลน่านเป็นนักการเมืองคุณภาพคับแก้วของพรรคเพื่อไทย แต่มาภายหลังไม่รู้อะไรดลใจให้กลายเป็นนักการเมืองไร้แสง ไม่ใช่หิวแสง พักหลังทำตัวเหมือนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีรัฐบาลด้วยข้อมูลเท็จ มโนไปเอง ไร้ข้อเท็จจริง ใส่ร้ายรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา การออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มีวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือซื้อเสียงล่วงหน้า แต่ทุกอย่างทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน มีรายละเอียดการใช้จ่ายเงิน ไม่ควรบิดเบือนข้อมูลเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างเดียว
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนา “งบฯ 65 ผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา” โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายไชยา พรหมา รองหัวหน้าพรรค พท., นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิก โดยนายพิชัยกล่าวว่า การวิเคราะห์วิจารณ์งบฯ 65 จำเป็นต้องวิเคราะห์วิจารณ์ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านควบคู่กันไปด้วย โดยการใช้เงินทั้ง 2 จำนวนดังกล่าวจะสะท้อนถึง 5 ปัญหาดังนี้
1.ล้มเหลว พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศ 7 ปี แต่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากมาตลอด ทำให้การเก็บรายได้ไม่เข้าเป้ามาเกือบทุกปี 2.เสื่อมถอย เพราะกู้มากกว่าลงทุน ซึ่งนอกจากจะลดงบประมาณแล้วยังมีการกู้มากกว่าลงทุน คือกู้มาใช้ 3.หนี้ล้น งบประมาณปี 2565 จะต้องกู้ 7 แสนล้านบาท และจะมี พ.ร.ก.เงินกู้อีก 5 แสนล้านบาท การเก็บรายได้ปีนี้ก็จะลดลงอีกกว่า 2 แสนล้านบาท จะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งขึ้นเกิน 9 ล้านล้านบาท และจะทะลุเพดานที่ 60% 4.ใช้เงินไม่มีประสิทธิภาพตลอด 7 ปี พิสูจน์ได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าใช้เงินมาก ใช้แล้วกว่า 20.8 ล้านบาท แต่เศรษฐกิจไม่ขยายตัว และ 5.ไม่สามารถแยกแยะจัดลำดับความสำคัญได้ งบฯ 65 ที่ควรตัดกลับไม่ตัด มาตัดในเรื่องที่ไม่ควรตัด
ขณะที่นายเผ่าภูมิกล่าวว่า งบฯ 65 ตนขอตั้งฉายาให้ว่า 5 ผิด คือ 1.ผิดกฎ คือผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง โดยงบฯ ลงทุนน้อยกว่างบฯ ขาดดุล และหนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุ 60% 2.ผิดจำนวน คืองบฯ ปีนี้ตั้งอยู่ที่ 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5.6% เท่ากับท่านเก็บภาษีไม่ เข้าเป้าแค่ 1 บาท ท่านจะมีปัญหาทันที 3.ผิดที่ คือท่านไปตัดงบฯ ที่ไม่ควรตัดในหลายๆ ด้าน เช่น ด้านสวัสดิการของประชาชน ด้านการศึกษา ด้านแรงงาน งบกองทุนสนับสนุน SME ฯลฯ 4.ผิดเวลา คือบางหน่วยงานที่ยังไม่ใช่เวลาที่จะใช้งบฯ กลับได้รับงบฯ มองไปทางไหนก็เห็นแต่กระทรวงกลาโหม สัดส่วนงบกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้นจาก 6.5% ในปีที่แล้ว เป็น 6.6% ในปีนี้ และ 5.ผิดที่คนใช้ คืองบฯ ต่อให้จัดออกมาดีขนาดไหน แต่ถ้าคนใช้ไม่มีประสิทธิภาพก็เท่ากับสูญเปล่า
เมื่อถามว่า ในศึกอภิปรายงบประมาณ 65 พรรค พท.จะมีมติในการอภิปรายอย่างไร นายพิชัยกล่าวว่า ศึกอภิปรายงบประมาณจะคล้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย โดยเราจะเน้นให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยแย่ ล้มเหลว เสื่อม ถอย และหนี้ท่วมอย่างไร รวมไปถึงการจัดลำดับความสำคัญที่ไม่ถูกต้องนั้น ไม่ถูกต้องอย่างไร แล้วจะทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง เราจะไม่มองแค่งบประมาณ แต่เราจะมองภาพกว้างกว่านั้น.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |