
จู่ๆ ก็มีจดหมายจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ว่อนอยู่ใน Social Media ว่าเขามีวัคซีน Sinofarm จะขายให้ประเทศไทย 20 ล้านเข็ม สามารถส่งให้ถึงประเทศไทยได้ในเวลา 2 สัปดาห์หลังจากที่ตกลงซื้อขายและจ่ายเงินกัน แต่เขาไม่สามารถเข้าพบนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีสาธารณสุขได้ และมีข้อความที่เขียนโดยอีกคนหนึ่งปรากฏใน Social Media ว่าที่ไม่สามารถเข้าพบได้นั้นเพราะมีคนเรียกรับผลประโยชน์ โดยกล่าวว่าเป็นฝ่ายราชการ “ทุกภาคส่วน” ที่ปฏิเสธมีคนจำนวนหนึ่งเชื่อข้อความในจดหมายและคิดว่าข้อความในจดหมายดังกล่าวตอกย้ำที่มีคนกล่าวหาว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ที่นำวัคซีนมาขายให้แก่ประเทศไทย ฝ่ายค้านบางคนงับข่าวนี้มาเล่นงานรัฐบาลทันที หลายคนที่เคยสนับสนุนรัฐบาลมาโดยตลอดก็เริ่มไม่สบายใจ เกรงว่าคำกล่าวหานั้นจะเป็นจริง แต่แท้ที่จริงแล้ว หากเราใช้ตรรกะธรรมชาติ (Common sense) ที่มีอยู่ในตัวเรา คิด...วิเคราะห์...แยกแยะ เราก็จะเห็นได้ว่าข้อความในจดหมายไม่มีทางเป็นจริงได้เลย
· หลายประเทศต้องการวัคซีนกันทั้งนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องออกมาเร่ขายกันอย่างที่ปรากฏในจดหมายที่เอามาแชร์กันตอนนี้
· ตอนนี้มีแต่รัฐบาลประเทศต่างๆ พยายามหาทางซื้อวัคซีนกันให้ควัก และบริษัทผู้ผลิตก็ไม่สามารถส่งให้ได้ตามจำนวนและเวลาที่ผู้ซื้ออยากได้
· วัคซีนเป็นที่ต้องการขนาดนี้ supply มันน้อยกว่า demand หลายประเทศอยากได้ ทำไมพวกผู้ผลิตจึงตั้งหน้าตั้งตาขายแต่ประเทศไทย
· เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่ควรจะเชื่อการที่มีคนเต้าข่าว และมีคนเอาข่าวไปเล่นต่อ ไม่ว่าจะเป็นส.ส.ฝ่ายค้าน มนุษย์สามกีบ ที่กำลังช่วยกันประณามรัฐบาลกันอย่างสนุกสนาน สะใจ
· พอคนที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง ทำไมพวกเขาจึงยุติการแชร์ ทำไมไม่แย้ง ไม่เถียงต่อ หรือว่าสะใจหลังจากปล่อยข่าวลวงเพื่อตีหัวเข้าบ้านสำเร็จแล้ว
ครั้งนี้รัฐบาลต้องไม่ปล่อยผ่าน เพราะเขากล่าวหารัฐบาลรุนแรงมาก เป็นการกล่าวหาว่ามีการหาประโยชน์จากความเป็นความตายของประชาชน อย่าปล่อยคนชั่วลอยนวล เห็นได้ชัดเจนว่าฝ่ายค้านและมนุษย์สามกีบบางคนต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและ ศบค. ด้วยการอ้างว่ามีคนพยายามจะขายวัคซีนให้ไทย แต่เข้าพบนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขไม่ได้ เพราะมีคนเรียกผลประโยชน์ และแล้วในที่สุดเราก็ได้รู้ความจริงว่า จดหมายเสนอขายวัคซีนถึงเลขาธิการราชวิทยาลัยนั้นออกมาจากบริษัทที่ไม่ได้มีใบอนุญาตในการนำเข้ายามาในราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด ไม่ใช้บริษัทขายยา แต่เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และไม่ใช่หุ้นส่วนของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน และไม่ใช่บริษัทตัวแทนจำหน่ายวัคซีนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเรื่องเป็นราวแต่อย่างใด สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นการฉกฉวยโอกาสจากการประกาศในราชกิจจาฯ ให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์สามารถนำเข้าวัคซีนได้ แล้วยังกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาจะช่วยประชาชนได้ ต้องไปพึ่งพาพระราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอ่านประกาศไม่ถ้วนถี่ ราชกิจจาฯ ประกาศชัดเจนว่าในการนำเข้าวัคซีนนั้นราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ต้องทำตามกฎหมาย โดยร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการอาหารและยาที่เป็นหน่วยงานราชการ การที่มีการประกาศในราชกิจจาฯ นั้น ก็เพื่อให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์สามารถนำเข้าวัคซีนได้ถูกต้องตามกฎหมายภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ
สำหรับเอกชนที่ต้องการจะขายยาอะไรก็ตาม ต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนเพื่อรับใบอนุญาตนำเข้ายามาในราชอาณาจักร และสำหรับผู้ที่ต้องการจะขายวัคซีนนั้น จะต้องติดต่อกับองค์กรเภสัชกรรมหรือคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าพบนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด
ในเวลานี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในการใช้ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประเทศไทยยังไม่ได้เปิดเสรีให้ใครอยากสั่งยาหรือเวชภัณฑ์เข้ามาในราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยา ลองใช้ตรรกะธรรมชาติของเราดูว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บริษัทออกแบบสถาปัตย์และบริษัทอสังหาริมทรัพย์จะสามารถนำเข้าวัคซีนได้อย่างไร หรือว่ามีการแก้ไขกฎหมายกันแล้ว ลองคิดต่ออีกสักนิด เราก็จะเห็นว่าตอนนี้วัคซีนไม่ได้อยู่ในสภาพ Oversupply (มีขายมากกว่าความต้องการซื้อ) แล้วจะมีความจำเป็นอะไรที่บริษัทผู้ผลิตจะต้องเร่ขายให้ประเทศนั้นประเทศนี้ เท่าที่ตามข่าวในตอนนี้ก็รู้ได้ว่าหลายประเทศเขายังหาวัคซีนกันอยู่ ถ้าหาก Over supply จริง ทำไมผู้ผลิตไม่เอาไปขายให้กับประเทศที่มีความต้องการซึ่งมีอยู่หลายประเทศ เขาจะต้องมาพยายามขายให้กับประเทศไทยที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศทำไมกัน เวลานี้เรื่องวัคซีนป้องกันโควิดนั้น กำลังอยู่ในสภาพ Over demand และ Under supply อินเดียผลิตได้เอง แต่ต้องห้ามส่งออก ไต้หวันกำลังเดือดร้อน เพราะไม่มีวัคซีนเพียงพอตามที่ต้องการ ถ้ามีความจำเป็นต้องเร่ขายจริงๆ ทำไมผู้ผลิตไม่ไปเสนอขายให้เขาล่ะ จะมาพยายามขายให้ไทยที่มี Siam Bioscience ผลิตเองภายในประเทศทำไม
คนที่เชื่อขบวนการเต้าข่าวลวงจองขบวนการทำลายรัฐบาล ลองคิด...วิเคราะห์...แยกแยะ ด้วยตรรกะธรรมชาติที่ทุกคนมีดู แล้วจะเห็นความไม่สมเหตุสมผลของการเต้าข่าว อย่าลืมข้อความที่เขาว่า fake news มันถูกปล่อยโดยคนที่มีความเกลียดชัง และมันถูกเชื่อโดยคนโง่ เราต้องรู้ทันคนปล่อยข่าวด้วยความเกลียดชัง จะได้ไม่เป็นคนโง่.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |