ด่านหน้าขนส่งสาธารณะตบเท้าฉีดวัคซีน ร่วมเดินหน้าฝ่าวิกฤติโควิด-19 ขณะ “แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.” ยังค้างสภาพัฒน์ รอลุ้นรถเมล์ใหม่-ชีวิตวิถีใหม่


เพิ่มเพื่อน    

 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม “ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ (Central Vaccination Center)” ณ สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ มีกลุ่มเป้าหมายฉีดให้กับบุคลากรด้านคมนาคมขนส่ง ผู้ให้บริการขนส่ง รถรับจ้างสาธารณะและผู้เกี่ยวข้องซึ่งทั้งประเทศมีจำนวน 3.5 แสนคน โดยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 1.3 แสนคน โดยเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันแรก สามารถฉีดได้ 5,000 กว่าคน ขณะที่ภาพรวม 5 วัน 24 -28 พ.ค. 2564 สามารถฉีดไปแล้วกว่า 4 หมื่นคน มีทั้งเป็นกลุ่มเป้าหมายบุคลากรในระบบคมนาคมขนส่ง และกลุ่ม On Site 4,460 คน และในบางชั่วโมงสามารถฉีดได้ถึง 1,300 คน ซึ่งถือว่าสูงมาก เพราะตามศักยภาพเป้าหมายตั้งจากสมมุติฐาน 900 คน/ชม. ยิ่งในวันที่ 28 พ.ค. นั้น สามารถฉีดได้เกินกว่า 1 หมื่นคน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ต่อวัน โดย“ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ” มีเป้าหมายในการนัดวัคซีนเข็มที่สอง หลังจากนี้ประมาณ 14 วัน ทำให้คาดว่าจะฉีดกลุ่มเป้าหมายบุคลากรด้านคมนาคมขนส่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลครบ 1.3 แสนคน ทั้ง 2 เข็ม ภายใน 1 เดือน

 

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ” มีสถานที่กว้างขวางและมีการจัดระบบค่อนข้างดี ทำให้สามารถบริการผู้มารับการฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่เป็นบุคลากรด้านการคมนาคมขนส่งโดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้บริการรถโดยสาธารณะที่พร้อมใจกันมารับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก จากการสอบถามบางส่วนพบว่าเหตุผลที่รีบลงทะเบียนตอบรับมาฉีดวัคซีนเมื่อศูนย์ฯ นี้เปิด เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวของพนักงาน ขสมก. ติดเชื้อแทบทุกวัน และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หลายคนหวาดกลัวเกรงติดเชื้อ ประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการก็มีความกังวลการใช้บริการรถ ขสมก.  จนกระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประกาศปูพรมฉีดให้ด่านหน้ากลุ่มขนส่งสาธารณะก็รีบมาฉีดกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวเองและคนรอบข้างรวมถึงผู้โดยสารด้วย  โดยนโยบายส่วนไหนที่ช่วยสนับสนุนและพัฒนา ส่งเสริมสวัสดิภาพในการประกอบอาชีพก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ หากมีจัดการอย่างรวดเร็วฉับไวมองเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักแบบนี้ก็จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น อย่างตอนนี้ก็รอกันว่าจะมีความชัดเจนเรื่อง “แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.” หรือที่เรียกกันว่า “ปฏิรูปรถเมล์” ว่าจะเป็นอย่างไรแน่ เฉพาะทุกคนต้องก้าวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ที่จำเป็นต้องมีการปรับตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

 

 

ในประเด็น “แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.” หรือ “ปฏิรูปรถเมล์” นั้น ข้อมูลล่าสุดขณะนี้เรื่องยังค้างอยู่ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” ที่ทุกฝ่ายต่างก็รอความชัดเจน โดยจากการเปิดเผยรายละเอียดใน “แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.” มีการปรับแผนจากการซื้อรถเมล์ใหม่ เปลี่ยนเป็นการจัดเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าแทน และให้บริการวิ่งในเส้นทางเดินรถที่มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางตามที่กรมการขนส่งทางบกแบ่งใหม่ เป็นของ ขสมก. 108 เส้นทาง และของเอกชนอีก 54 เส้นทาง รวมระยะเวลา 7 ปี ซึ่งจะเป็นการจ่ายค่าจ้างตามกิโลเมตรที่วิ่งให้บริการจริง ในอัตราที่ ขสมก. กำหนด และยังมีการกำหนดอัตราค่าโดยสารเป็นอัตราเดียว (Single Price) ในอัตรา 30 บาท/คน/วัน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยยังคงมีทางเลือกสำหรับค่าโดยสารแบบเที่ยวเดียวไว้ให้ด้วย

 

ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน มีการปรับจำนวนเที่ยวการเดินรถ จัดการเดินรถตามความจำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งรถโดยสารทุกประเภท ในช่วงเวลาการให้บริการปกติ ทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศฯ และสอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการในปัจจุบันที่มีจำนวนลดลง เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นการทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) และสถานศึกษาหลายแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์ ขณะที่การให้บริการของ ขสมก. ก็ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด - 19 อย่างเคร่งครัด อาทิ การให้พนักงานประจำรถและผู้ใช้บริการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะใช้บริการ การฉีดพ่นแอลกอฮอล์ภายในรถ ก่อนนำรถออกวิ่ง การติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับล้างมือบนรถโดยสาร และเพื่อให้การป้องกันการแพร่ระบาด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้บริการงดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มบนรถโดยสาร เพื่อลดความเสี่ยงการเเพร่ระบาดของโรค รวมทั้งการสร้างความมั่นใจต่อการปฏิบัติงานโดยการให้พนักงานของ ขสมก. ทยอยฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด

 

งานนี้จึงได้แต่ลุ้นให้ “แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.” จะผ่าน “สภาพัฒน์” โดยเร็ว ส่งให้ ครม. อนุมัติให้ได้เร็วเท่าที่จะเป็นได้ เพราะบุคลากรผู้ให้บริการพร้อมเต็มที่กับ “ชีวิตวิถีใหม่” ที่จะให้ประชาชนได้ใช้รถเมล์ใหม่ระบบพลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แถมยังลดการวิ่งในเส้นทางที่ซ้ำซ้อน ไม่ต้องรอรถนาน จากจำนวนรถน้อยและสภาพเก่าทรุดโทรม และยังมีรถควันดำเป็นมลพิษด้วย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็ยังคงยืนยันหนักแน่นว่าเร่งผลักดัน “แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.” อย่างเต็มที่เพราะตระหนักว่านี่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนคนกรุงเทพฯ ได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุดอย่างหนึ่ง รอแต่ว่าผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องจะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อไหร่เท่านั้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"