Astrazeneca มาแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

         ช่วงนี้พวกหิวแสงเยอะ

            ทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ พากันก่นด่า ประเทศไทยล้มเหลวการจัดการกับไวรัสโควิด-๑๙ รวมถึงวัคซีนว่ามีปัญหา ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

            อยากให้เปิดตา เปิดสมอง มองไปรอบโลกดูบ้างว่า สถานการณ์โดยรวมเป็นอย่างไร

            แล้วจะเข้าใจสถานการณ์ของไทย

            เมื่อเข้าใจจะได้ช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข ไม่ใช่ด่ามันปากรายวัน

            กุข่าวเท็จ สร้างข่าวปลอม เพื่อหวังผลทางการเมือง

            ก็พวกเดียวแหละครับที่ทำแบบนี้

            ไปดูสถานการณ์ทั่วโลกกันหน่อย

            วานนี้อเมริกัน เสียชีวิตไปแล้ว ๖๐๙,๕๔๔ คน ติดเชื้อ ๓๔ ล้านคน

            อินเดีย เสียชีวิตแล้ว ๓๒๙,๑๒๗ คน ติดเชื้อ ๒๘ ล้านคน

            บราซิล เสียชีวิตแล้ว ๔๖๒,๐๙๒ คน ติดเชื้อ ๑๖ ล้านคน

            ฝรั่งเศส เสียชีวิตแล้ว ๑๐๙,๔๐๒ คน ติดเชื้อ ๕.๖ ล้านคน 

            หรืออย่างประเทศเพื่อนบ้านของไทย

            อินโดนีเซีย เสียชีวิตแล้ว ๕๐,๔๐๔ คน ติดเชื้อ ๑.๘ ล้านคน          

            ฟิลิปปินส์ เสียชีวิตแล้ว ๒๐,๘๕๙ คน ติดเชื้อ ๑.๒ ล้านราย

            มาเลเซีย เสียชีวิตแล้ว ๒,๗๒๙ คน ติดเชื้อ ๕ แสนกว่าคน

            สำหรับประเทศไทยสถิติไม่มีครับ อยู่ที่ลำดับ ๘๓ ของโลก เสียชีวิต ๑,๐๑๒ ราย มีผู้ป่วยรวม ๑๕๔,๓๐๗ คน     สถิติพวกนี้ไม่น่าจดจำ แต่จำเป็นต้องทำความเข้าใจ

            วิกฤตินี้เป็นวิกฤติของโลก ไม่ใช่เฉพาะของไทยเพียงประเทศเดียว

            ๘๒ ประเทศสถานการณ์ย่ำแย่กว่าไทย แม้บางประเทศจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปจำนวนมากจนมีทีท่าว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เช่นอิสราเอล

            แต่อิสราเอล สูญเสียพลเมืองที่มีค่าเพราะโควิด-๑๙ ไปถึง ๖,๔๑๑ คน   ป่วยกว่า ๘ แสนคน

            หมายความว่าช่วงแรกของการระบาดนั้น อิสราเอลทำได้ไม่ดี

            อิสราเอล ประเทศที่มีประชากรเพียง ๙ ล้านคนนี้ เป็นที่รับรู้กันว่า ๑ ชีวิตของพลเมืองของเขามีมูลค่ามหาศาล 

            หากคิดเป็นสัดส่วนต่อพลเมือง ๑ ล้านคน ชาวอิสราเอลเสียชีวิตไป ๖๘๙ คน

            ส่วนไทยอยู่ที่ ๑๔ ต่อ ๑ ล้านคน

            ถ้าถามว่าประเทศไหนทำได้ดีกว่ากัน ก็คงตอบยาก เพราะวิกฤติไวรัสโควิด-๑๙ ยังไม่จบ อิสราเอลอาจเจอการระบาดรอบถัดไปเพราะไวรัสกลายพันธุ์ถล่ม

            ไทยอาจกลับมาทำได้ดีอีกครั้งหลังปูพรมฉีดวัคซีน และโชคดีที่เชื้อกลายพันธุ์อยู่ในวงจำกัด

            ฉะนั้นการมานั่งด่า ไล่คนทำงานออกไป ดูจะมันปากกันไปหน่อย

            มีคนบอกว่าถ้ารัฐบาลเป็นประชาธิปไตย โควิดในประเทศไทยคงไม่ระบาดมากขนาดนี้

            การใช้ระบอบการปกครองมาตัดสินว่า โควิดระบาดมากระบาดน้อย ดูจะเป็นความกระสันทางการเมืองไปหน่อย  

            อเมริกา อินเดีย จีน คือตัวอย่างให้เห็นว่า ถ้าจะอ้างว่าประชาธิปไตยสามารถจัดการโควิดได้คงผิดถนัด เพราะจีนคอมมิวนิสต์คุมโควิดอยู่หมัด

            ขณะที่ประเทศประชาธิปไตยขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง อเมริกา อินเดีย ป่วย ตาย ลำดับ ๑ และ ๒ ของโลก

            ถามว่ารัฐบาลไทยมีศักยภาพในการจัดการกับโควิด-๑๙ ได้ดีแค่ไหน

            ประเทศไทยได้รับคำชมจากองค์กรระดับโลกมากมายว่า สามารถเอาโควิดอยู่ จากที่เคยระบาดเป็นประเทศที่สองของโลก

            แต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา สถานการณ์พลิกผันจากการเข้ามาของโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ผ่านมาทางกัมพูชา โดยแรงงานเถื่อน และคลัสเตอร์ทองหล่อ

            ถามว่าใครผิด มันก็ผิดกันหมด

            รัฐบาลการ์ดตก เจ้าหน้าที่รัฐเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เจ้าของธุรกิจมักง่ายใช้แรงงานเถื่อน ขาเที่ยวผับบาร์ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นหนุ่มสาว            

            ถ้าจะหาว่าใครผิด ก็นี่แหละครับ 

            แค่ห้ามเที่ยวผับบาร์ก็โวยกันลั่นแล้ว

            และหลายๆ ประเทศที่เกิดการระบาดรอบ ๒ รอบ ๓ บางประเทศไปถึงรอบ ๔ แล้ว หลักๆ ก็มาจากสาเหตุคล้ายๆ กันนี้

            ถ้าจะเปลี่ยนรัฐบาลคงต้องเปลี่ยนกันทั้งโลก

            และขณะนี้เราอยู่ในวิกฤติโลก ไม่ใช่วิกฤติไทยเพียงประเทศเดียว

            ครับ...แต่ละประเทศจึงต้องสร้างทางเลือก ทางรอดให้กับตัวเอง โดยเฉพาะ "วัคซีน"

            สำหรับประเทศไทย วัคซีนถูกชี้ชะตาด้วยข่าวเท็จ ข่าวลวง ข่าวลือ ข่าวปั่น มีคนอยากให้สถานการณ์ของไทยเลวร้าย เพื่อหวังเปลี่ยนขั้วการเมือง

            ฉะนั้น เราจะเห็นหน้าตาคนปล่อยข่าว ปั้่นข่าวล้วนอยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล

            ก็ยืนยันคำเดิม เชื่อหมอ อย่าเชื่อหมา

            เดือนมิถุนายนวัคซีนมาแน่ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเดิม

            วัคซีนจาก Astrazeneca ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ จะถูกแจกจ่ายไปจังหวัดต่างๆ และพร้อมเริ่มฉีดวีนที่ ๗ มิถุนายน

            มาดูความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนครับ

            วานนี้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างวัคซีนของ Astrazeneca เพิ่มเติมจาก ๕ ล็อตการผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้น ล่าสุดผลการตรวจออกผ่านมาตรฐานทุกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกับของเดิมอีก ๙ ล็อตที่ตรวจผ่านไปก่อนหน้านี้

            เท่ากับว่าวัคซีน Astrazeneca ที่ผลิตในไทย ตรวจผ่านคุณภาพ มาตรฐานทั้งหมด ๑๔ ล็อตการผลิต

            ๑๔ ล็อตการผลิตมีจำนวนเท่าไหร่

            ทาง Astrazeneca และสยามไบโอไซเอนซ์ เขาพูดน้อยครับ อาจเป็นเพราะนิสัยทำงานของฝรั่ง ไม่สนใจข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวไร้สาระที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

            แต่จากการที่กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ จำนวนการผลิตวัคซีนขณะนี้มีออกมาแล้วจำนวนมาก และพร้อมส่งตามกำหนด 

            ล็อตแรกๆ ทางสยามไบโอไซเอนซ์ยังใหม่อยู่ คุณหมอศุภกิจมีข้อมูลว่าแต่ละรุ่นอาจจะได้ราว ๑-๒ ล้านโดส

            รุ่นถัดไปอาจได้ ๒.๓-๓ ล้านโดส และขยับขึ้นไปเรื่อยๆ

            เป็นความคืบหน้า การผลิตวัคซีน Astrazeneca ที่ทุกคนควรรู้

            สรุปคือ วันนี้ผ่านมาตรฐานแล้ว ๑๔ ล็อต

            ใครที่ยังปล่อยข่าว เดือนมิถุนายนวัคซีนไม่มาตามนัด มีแต่วัคซีนทิพย์

            ระวังเป็นหมา.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"