พ้อพรรคร่วมรุมถล่ม! ‘บิ๊กตู่’บ่นกลางครม.ถกงบสองวัน‘ภท.-ปชป.’ขยี้ไม่เลิก


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” ตัดพ้อไหนบอกโอเค แต่ให้ลูกพรรคถล่มงบ 65 โครมๆ  กำชับรัฐมนตรีเร่งชี้แจงให้เข้าใจว่าสาธารณสุขอย่าดูแค่งบโดดๆ “2 อนุชา” ประสานเสียงเรือแป๊ะไม่ระหองระแหง “ปชป.” เปิดแผลใหม่ ซัดร่าง พ.ร.บ.งบประมาณส่อเค้าผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง “กรวีร์” ขย่มซ้ำงบพิลึกพิลั่น  “ก้าวไกล-พท.” พุ่งเป้าถล่มงบกลาโหม

    เมื่อวันอังคารที่ 1 มิถุนายน ถือเป็นวันที่สองในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ขณะเดียวกันก็มีการประชุม ครม.ด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ตามปกติ โดยมีรายงานว่า ในการประชุม ครม.ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี?และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงการประชุมสภาในเชิงตัดพ้อ? น้อยใจกรณี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณว่า “ขอให้ช่วยๆ กัน ตรงไหนเกี่ยวข้องก็ให้ช่วยเร่งตอบ ปากก็ว่าโอเค แต่ปล่อยให้ลูกพรรคซัดโครมๆ”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้บอกกับนายอนุทิน? ชาญวีรกูล? รองนายกฯ และ ?รมว.สาธารณสุข? รวมทั้งนายสาธิต? ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข? ให้ช่วยชี้แจงรายละเอียดงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกตัดไปว่าเป็นส่วนไหนอย่างไร และให้บอกด้วยว่าในพระราชกำหนดเงินกู้กระทรวงสาธารณสุขได้งบตรงไหนอย่างไรบ้าง? โดยระหว่างที่? พล.อ.ประยุทธ์กำลังพูดอยู่? ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ขัดข้อง? ทำให้รัฐมนตรีหลายคนหลุดจากระบบเชื่อมต่อออกไป? แต่พอเมื่อแก้ไขกลับมาแล้ว หลายคนไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอะไรไปบ้าง มีแต่ได้ยินเสียงนายสาธิตหัวเราะแหะๆ แก้เขินอยู่
    ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจกับการจัดสรรงบประมาณของ สธ.ว่า ในที่ประชุม ครม. นายอนุทินได้ชี้แจงว่าอาจเกิดการเข้าใจผิดกันในเรื่องการจัดสรรงบ เพราะนอกเหนือจากงบรายกระทรวงแล้ว ในส่วนของ สธ.ยังมีงบอื่นๆ ทั้งที่เป็นงบกลางและงบจากกรอบวงเงินกู้ ซึ่งเมื่อนำมาบวกกันแล้วจะเห็นได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาโควิด-19
    “งบ สธ.มีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 153,900 ล้านบาทก็จริง แต่ยังมีงบที่ตั้งไว้ที่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีงบประมาณที่ตั้งไว้ที่กองทุนการแพทย์ฉุกเฉินอีก ฉะนั้นเมื่อรวมกันแล้วก็จะมีวงเงินในส่วนของงบปกติตั้งไว้ถึงกว่า 293,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการพูดถึง มีการพูดถึงเฉพาะงบที่ สธ.ได้รับจึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาได้” นายอนุชากล่าว
    เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาและดูแลพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไรหลังเกิดความระหองระแหงขึ้น นายอนุชากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าไม่มีความระหองระแหงในพรรคร่วมรัฐบาลอะไรทั้งสิ้น การประชุม ครม.ก็พูดคุยกันด้วยดีทุกอย่าง ทุกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้มีการชี้แจงว่าจะพูดคุยกับสมาชิกของพรรคตัวเอง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในรายละเอียดเพิ่มเติม โดยนายอนุทินได้บอกว่าในการประชุมสภาหลังสมาชิกได้อภิปรายในบางส่วนแล้ว ก็จะลุกขึ้นชี้แจงด้วยตัวเองถึงงบประมาณของ สธ.ที่ได้รับอย่างเหมาะสม โดยนายกฯ ได้กรุณาจัดสรรงบประมาณทั้งในส่วนของงบกลาง งบเงินกู้เพิ่มเติมให้ ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลในปัจจุบันไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ยังทำงานด้วยความพยายามที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประชาชนมีความชัดเจนในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการฉีดวัคซีน การจัดหาวัคซีนทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุเลาลงให้ได้มากที่สุด
ยันพรรคร่วมเหนียวแน่น
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่มีอะไรหรอก ก็ธรรมดา พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นอยู่แล้ว ส่วนการอภิปรายนั้นมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ถล่ม ก็พูดกันถึงเรื่องที่ต้องทำร่วมกัน ไม่มีอะไรขัดแย้ง
ทั้งนี้ เมื่อถามย้ำกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ภท. อภิปรายบอกหัวหน้าพรรคถ้าเขาไม่รักกลับบ้านดีกว่า นายอนุชาไม่ต้องตอบคำถาม ก่อนโบกมือให้สื่อมวลชน
    ด้านการประชุมสภาวันที่สองนั้น ก่อนการประชุม นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การอภิปรายงบประมาณ คิดว่าเป็นไปด้วยดี และเชื่อว่าจะผ่านไปด้วยดี
    ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ทุกฝ่ายทำงานได้ราบรื่น ใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพ วันนี้ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน มั่นใจว่าบรรยากาศก็จะดี ส่วนเนื้อหาสาระทางฝ่ายค้านเราพอใจเป็นการอภิปรายโดยภาพรวมที่ชี้ให้เห็นถึงสภาวะสถานการณ์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลประเมินผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และการประเมินสถานการณ์โควิด
    ในเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภาเริ่มการประชุม โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. อดีต รมช.การคลัง อภิปรายว่า ขณะนี้เรากำลังประสบกับภาวะวิกฤติงบประมาณตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง มาตรา 20 เกี่ยวกับการขาดดุลและงบลงทุน ซึ่งเราทำผิดข้อนี้ แม้จะบอกว่าได้แก้ไขโดยแจ้งกล่าวก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบงบประมาณขณะนี้เข้าสู่จุดบอด กำลังจะประสบปัญหาชนเพดาน ซึ่งไม่ได้ตำหนิรัฐบาล เพียงแต่อยากให้เราดูแลระบบงบประมาณให้ดีจะได้เป็นเครื่องมือสำคัญของประเทศ เพราะขณะนี้ระบบงบประมาณกำลังอยู่ในวิกฤติ แม้เจ้าหน้าที่บอกว่าหนี้สาธารณะยังไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้ที่ 60% และปั่นตัวเลขจีดีพี ซึ่งไม่อยากให้เราทำผิดกฎหมาย โดยอนุมัติงบประมาณไป เพราะงบประมาณรายจ่ายปี 2565 จะขาดดุลถึง 7 แสนล้านบาท
    “ถ้าสภาอนุมัติงบปี 2565 เท่ากับเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลทำผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 10 (1) กำหนดให้นายกฯ ต้องแถลงฐานะการคลัง แต่การแถลงของนายกฯ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ยังมีความไม่สมบูรณ์ หรือไม่แน่ใจว่านายกฯ จงใจทำผิด พ.ร.บ.หรือไม่ นายกฯ แถลงเพียงตัวเลขหนี้และตัวเลขไม่กี่ตัวที่ไม่ใช่ฐานะการคลัง ประกอบกับในมาตรา 11 กำหนดว่าต้องแถลงวิธีการหาเงินด้วย แต่นายกฯ ไม่แถลง ไม่อยากเห็นเราทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่นายกฯ เซ็นเอง รัฐบาลไม่แสดงฐานะการคลัง ไม่อธิบายหนี้ที่เสนอเพิ่มเติม และไม่แสดงวิธีการหาเงินชดเชยการขาดดุล”นายพิสิฐระบุ
    ต่อมาเวลา 10.35 น. นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. อภิปรายพุ่งเป้าไปที่งบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่างบบุคลากรที่กองทัพมีบุคลากรที่เป็นนายพลจำนวนมาก เลื่อนยศตอบสนองกัน แต่ไม่ดูว่าตอนนี้ชาวบ้านลำบาก กองทัพคือปัญหาประเทศ ไม่ได้รังเกียจทหาร แต่การจัดงบแบบนี้ทำไม่ได้ การจัดสรรงบ ถามว่าจะไปรบกับใคร และการที่มีทหารเกณฑ์มากมายถามว่าเอาไปทำอะไร การเช่ารถยนต์ต่างๆ รายการปรับปรุงอาคารกองทัพบกต่างๆ จึงฝากชั้นกรรมาธิการว่าอะไรที่เริ่มในงบปี 65 ขอตัดให้หมด
เด็กภท.ขย่มงบพิลึกพิลั่น
    จากนั้น เวลา 11.15 น. นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท. อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณปีนี้เป็นปีที่ผิดแปลกและแตกต่างไปจากงบปี 63-64 เพราะโจทย์ใหญ่และความคาดหวังของประชาชนอยู่ที่การแก้ไขปัญหาโควิด แต่กระทรวงสาธารณสุขที่เปรียบเหมือนหัวหอกและเรือธงในการแก้ปัญหากลับถูกตัดงบอย่างน่าใจหาย อยากย้ำเตือนไปยังสำนักงบฯ ว่าเรากำลังทำสงครามกันอยู่ เราอยู่ในสงครามโรค อาวุธยุทโธปกรณ์ที่กองทัพมีอยู่นั้น ไม่สามารถเอาชนะกับสงครามครั้งนี้ได้ แต่อาวุธเพียงอย่างเดียวคือการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขเพื่อเป็นหลักประกันในการต่อสู้กับโควิด
      “การจัดทำงบปีนี้พิลึกพิลั่นจริงๆ และไม่มีใครรู้ว่าการจัดทำงบประมาณครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลและรัฐสภาแห่งนี้ก็ได้ หากเป็นครั้งสุดท้ายผมอยากเห็นการจัดสรรงบครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาและพาชีวิตคนไทยไปสู่ภาวะปกติ” นายกรวีร์กล่าว
    ต่อมา เวลา 11.55 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ชี้แจงกรณีนายพิสิฐอภิปรายถึงหนี้สาธารณะว่า จะทะลุเพดานหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในกรอบ 60% ที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลังเป็นผู้กำหนด ซึ่งการพิจารณาแผนการบริหารหนี้สาธารณะ รัฐบาลมีการจัดทำทั้งแผนระยะสั้นและปานกลาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการวินัยการเงินฯ เพื่อพิจารณา ส่วนการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน ส่วนใหญ่เป็นการจัดเก็บภาษี โดยข้อมูลด้านสถานะการเงินการคลังนั้น มีการแสดงไว้ในเอกสารฉบับที่ 5 แล้วสมาชิกสามารถดูได้
    นายพิสิฐกล่าวโต้ตอบว่า การชี้แจงของ รมว.การคลังเป็นเพียงบางส่วน และไม่ใช่ส่วนที่แสดงความเป็นห่วง คือ นายกฯ ประกาศในคำแถลงของสภาว่าวิธีการแก้ปัญหา เรื่องของงบลงทุน จะอาศัยการกู้เงินในการออกกฎหมายตาม พ.ร.บ.หนี้ แต่ตัวอย่างของ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท มีการออกกฎหมายอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ไม่มีข้อมูลปรากฏให้ ส.ส. หรือ ส.ว.ตรวจสอบ และรัฐบาลก็ใช้ไปเรื่อยๆ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องในหลักบริหารจัดการงบประมาณที่ดี จึงขอให้ระมัดระวังไม่ทำอีก ซึ่งรัฐบาลอาจมีเหตุผลเรื่องโควิด-19 แต่งบประมาณประจำปีควรจัดการ เพื่อมาทำเรื่องโควิดให้มากกว่านี้ แทนที่จะอาศัยการกู้เงินที่ง่าย แต่จะสร้างผลกระทบที่ตามมาในเรื่องตัวเลขหนี้ที่เราเห็นกันมาแล้ว
    ในเวลา 16.20 น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) อภิปรายพุ่งเป้าไปที่กระทรวงกลาโหม ทั้งเรื่องของการจัดซื้ออาวุธแบบปีเดียวจบ งบประมาณบุคลากร โดยเสนอให้ปลดถ่ายกำลังพลก่อนเกษียณอายุ พร้อมระบุว่า งบประมาณปีนี้ ให้ผ่านไม่ได้จริงๆ จากที่ฟังการอภิปรายมาตลอด 2วัน เห็นพรรคภูมิใจไทยที่มีความเป็นห่วงในการถูกปรับงบในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่ว่าห่วงใยว่างบถูกปรับลดแล้วก็ยกมือให้ ไม่ทำตัวเป็นเด็กดื้องอแง แต่เมื่อได้รถไฟฟ้ามาเป็นของเล่นแล้ว จะยกมือผ่านให้การโหวตคว่ำร่างงบ ปี 2565 เป็นวิธีการที่รวบรัดที่สุดในการคืนงบให้กระทรวงสาธารณสุข เพราะจะกลับไปใช้งบ 2564 พลางก่อน ไม่ต้องรอแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ และไม่ต้องหวัง พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เป็นวิธีโรแมนติกที่สุดที่จะพาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกลับสู่บ้านคืนสุข และส่ง พล.อ.ประยุทธ์กลับบ้านเก่า
     จากนั้น นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรค ภท. ลุกขึ้นประท้วงนายพิจารณ์ที่พาดพิงพรรค และขอให้ถอนคำว่าพรรคภูมิใจไทยทำตัวเป็นเด็กงอแง ซึ่งนายพิจารณ์ก็ได้ถอนคำพูด ก่อนแก้ไขว่าหวังว่าพรรคภูมิใจไทยจะโหวตตามที่ได้อภิปราย
ยันงบวัคซีนมีไม่จำกัด
    เวลา 17.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงว่า วันนี้มีวัคซีน 2 ยี่ห้อ และคาดว่า จะได้ยี่ห้ออื่นเข้ามาอีกในเดือน มิ.ย. ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ปัญหาคือวันนี้ทุกประเทศในโลกแย่งชิงวัคซีนกัน การใช้งบเรื่องของวัคซีน เราใช้ทั้งงบประมาณปกติ งบพิเศษ ทั้งเงินกู้และงบกลาง ยืนยันว่าเราไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อวัคซีน ส่วนการนำเข้าต้องขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ขอยืนยันว่า ศบค.ไม่ได้ใช้อำนาจตนคนเดียว แต่รัฐมนตรีทั้งหมดอยู่ในนี้ด้วย กทม. หมอ ที่ปรึกษา บุคลากรทางการแพทย์ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งใช้ข้อมูลจากตรงนั้นมาตัดสินใจ ไม่ใช่ไปสั่ง 
     เมื่อถึงช่วงนี้นายกฯ ได้หยุดพูดพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวอีกว่า “ท่านเข้าใจผมผิดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ”  ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสถานการณ์ เราพยายามทำเต็มที่ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ งบวัคซีนมีไม่จำกัด ในสถานการณ์ที่หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ใช้หนี้จำนำข้าวไปเท่าไหร่ ใช้หนี้ไปกว่า 5 แสนล้านบาท ไม่อยากจะย้อนกลับ แต่ใช้หนี้ไปแล้ว 7.5 แสนล้านบาท เหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้อีก 12 ปีถึงจะหมด
      นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่า รัฐบาลมีงบไม่จำกัดในการซื้อวัคซีนทุกยี่ห้อที่มีประสิทธิภาพ ขอให้มั่นใจว่า ไม่ว่างบวัคซีนจะอยู่ในงบส่วนใด ทั้งงบกลาง เงินกู้ แต่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคระบาดทุกโรค ส่วนเรื่องค่าเสี่ยงภัยนั้น รัฐบาลนี้ได้อนุมัติค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัย 1,500 บาท ให้แพทย์และพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1,000 บาท ที่เข้าเวรดูแลผู้ป่วยโควิด มีการเบิกค่าใช้จ่ายไปครบแล้ว เรื่องความพร้อมของระบบสาธารณนั้น รัฐบาลนี้เท่านั้น ที่กล้าให้คำยืนยันว่าคนไทยหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หากติดโควิดจะได้รับการรักษาถึงมือแพทย์ทุกคน ไม่มีใครถูกเลือกไม่ได้รับการรักษาเหมือนประเทศอื่น ไม่มีผู้ป่วยคนใดถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการรักษา จะมีโรงพยาบาลทุกระดับชั้นตามความเหมาะสม.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"