15มิ.ย.ประเมินโรงงานไม่ผ่านมาตรการเข้มโควิดโดนลงโทษ!


เพิ่มเพื่อน    

02 มิ.ย.2564 - พญ.อภิสมัย ศรีสังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้มีการหยิบยกกรณีการติดเชื้อในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่ จ.สระบุรีมาหารือ เนื่องจากขณะนี้มีการกระจายเชื้อไปหลายจังหวัด โดยโรงงานดังกล่าวมีแรงจำนวนมาก เป็นคนไทย 4 พันกว่าคน ชาวต่างชาติพันกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา ซึ่งการติดเชื้ออยู่ในหลายแผนกด้วยกัน กระจายติดไปทั้งโรงงาน กรมควบคุมโรควิเคราะห์ว่า พนักงานคนไทยจะอยู่บ้านพักส่วนตัวหรือหอพักโดยรอบโรงงาน ส่วนแรงงานต่างชาติจะอยู่หอพักที่โรงงานจัดให้ บางจุดค่อนข้างแออัด อยู่กันห้องหนึ่ง 3-6 คน ใช้พื้นที่กลาง ร่วมรับประทานอาหาร แต่พบว่าในส่วนของแรงงานฝีมือหรือช่างแม้จะอยู่ปะปนกับแรงงานอื่นๆแต่มีการติดเชื้อน้อย เป็นเพราะแรงงานกลุ่มนี้มีมาตรการส่วนตัวเข้มข้นและระมัดระวังตัวอย่างสูงสุด 

อย่างไรก็ตาม สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย ได้รายงานตัวเลขการพบผู้ติดเชื้อในโรงงานต่างๆ ว่าในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมามีการติดเชื้อใน 10 จังหวัด ส่วนใหญ่จะติดในโรงงานขนาดใหญ่ที่มีแรงงานเกิน 200 คน เนื่องจากสถานที่แออัด ระบบระบายอากาศไม่ดี จุดสัมผัสไม่สะอาด มีการรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าโรงงานที่มีขนาดใหญ่พบการติดเชื้อมากถึง 20% โรงงานขนาดเล็กติดเชื้อเพียง 5% ทั้งนี้ ตัวเลขโรงงานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมไว้ 63,000 แห่ง โดยมีโรงงานที่มีผู้ติดเชื้อและเข้าสู่การประเมินตนเองในแบบประเมินตนเองด้านสาธารณสุข จำนวน 8,200 โรงงาน แต่พบว่าโรงงานขนาดใหญ่ 3,300 โรงงาน เข้าไปประเมินเพียง 650 โรงงาน ทั้งที่เป็นเป้าหมายที่มีการติดเชื้อมากกว่าโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่มีการเฝ้าระวังตนเองค่อนข้างน้อยเพียง 20%  

 “จึงเน้นย้ำให้ภายในวันที่ 15 มิ.ย. โรงงานขนาดใหญ่ที่มีรายชื่ออยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรมต้องเข้าไปประเมินตนเองให้ครบถ้วน 100% จะเลือกทำบางส่วนไม่ได้ และขอให้ตอบตามความเป็นจริง หากได้คะแนนน้อยหรือไม่ผ่านเกณฑ์จะมีทีมพี่เลี้ยงลงพื้นที่ไปช่วยปรับปรุงแก้ไขให้ผ่าน แต่หากขอความร่วมมือแล้วเพิกเฉย ไม่ประเมินตนเอง เป็นเหตุให้มีการติดเชื้อและกระจายไปที่อื่น ตรงนี้จะมีการพิจารณาบทลงโทษ แต่หากโรงงานทำได้ดี จะมีการให้รางวัล ปรับให้เป็นสถานประกอบต้นแบบ” 

 พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับกรณีแคมป์คนงานที่ประชุมศบค. ชุดเล็กได้หารือกันว่าจากการวางมาตรการการ ควบคุมการแพร่ระบาดของแคมป์ที่พักคนงาน ไซด์ก่อสร้าง ทาง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. ได้มอบให้กรมควบคุมโรคทบทวนรายละเอียดในแง่ของการจัดการบับเบิลแอนด์ซีล การพยายามที่จะทำให้การแพร่ระบาดมีวงจำกัดอยู่เฉพาะที่แคมป์คนงาน เพื่อให้สถานประกอบการ แคมป์คนงาน สามารถที่จะเกิดความเข้าใจในแง่ของรายละเอียดการปฏิบัติให้ตรงกันแล้วจะได้ทำให้ถูกต้อง เนื่องจากขณะนี้หลายแคมป์คนงานบอกว่าที่ทำอยู่นั้นเพียงพอและถูกต้องแล้วจึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดติดเชื้อ โดยทางกรมควบคุมโรคจะได้นำเสนอรายละเอียดข้อปฏิบัติยิบย่อยให้ แต่หากยังไม่ปฏิบัติตามผอ.ศปก.ศบค.ได้ขอความช่วยเหลือให้ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(ศปม.) ให้การสนับสนุนการทำงานของ กทม.และกรมควบคุมโรค เพื่อกำชับให้มาตรการที่ออกมาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อว่าการแพร่ระบาดจะสามารถควบคุมได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม สุดท้ายฝากไปที่ประชาชนมาตรการรัฐที่เข้มข้น ถ้าผู้ประกอบการ แคมป์คนงาน สถานประกอบการย่อหย่อนปฏิบัติไม่ได้ หมายความพี่น้องประชาชนจะไม่ได้รับความปลอดภัย ดังนั้น ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนจึงต้องช่วยเป็นหูเป็นตา ที่ผ่านมาศบค.ได้รับทราบเหตุการณ์ หรือการฝ่าฝืนมาตรการในตรงนี้นั้นตรงนี้เป็นเพราะพี่น้องประชาชนแจ้งเข้ามา และสื่อมวลชนช่วยกันเป็นกระบอกเสียง จึงขอความร่วมมือจากทุกคนให้ทำหน้าที่ต่อไป เราคงจะได้เห็นสถานการณ์ที่ดีขึ้น
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"