ตร.ต้วมเตี้ยมล่ายิ่งลักษณ์ ‘โจ๊ก’ฉับไวรวบหมิ่น‘ลุงตู'


เพิ่มเพื่อน    

  ตร.ประสานอังกฤษทราบที่อยู่ "ปู" แจงการให้วีซ่าขึ้นอยู่กับ กม.แต่ละประเทศ ด้าน "บิ๊กโจ๊ก"   รวบ “รัตนะ เฮง” หนุ่มเขมรทำเว็บปลอมคำพูด “บิ๊กตู่”แลกยอดไลค์ ด้านเจ้าตัวปฏิเสธโยน "หลุยส์" 

    เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ก่อนมีคำพิพากษาคดีจำนำข้าวของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองช่วงเดือน ส.ค.2560 ที่ผ่านมา ต่อมาจากแหล่งข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้วีซ่า พำนักในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 10 ปี ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกประกาศสืบจับและสั่งการให้ทุกหน่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือส่งหมายจับไปที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อพิจารณาดำเนินการถอนหนังสือเดินทางและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กต.ได้แจ้งยกเลิกหนังสือเดินทางประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้วทุกฉบับ  
    ในส่วนของการทำคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น  พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า การจะยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้นั้น ต้องชัดเจนเรื่องที่อยู่ในประเทศที่ร้องขอ และเงื่อนไขการขอตามที่บัญญัติใน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ที่เป็นคดีความผิดโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี, เป็นคดีอาญาความผิดทั้ง 2 ประเทศ และไม่ใช่เรื่องการทหารหรือการเมือง ซึ่งที่ผ่านมามีภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวตามสถานที่ต่างๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยืนยันที่อยู่ที่แน่นอน หลังจากนั้นทาง ตร.จะส่งให้ทางอัยการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศปลายทางต่อไป
    "ในส่วนของ ตร. ได้ใช้ช่องทางตำรวจสากลในการติดต่อประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับประเทศสมาชิกทั้ง 192 ประเทศมาโดยตลอด ในส่วนการประสานงานกับตำรวจสากลพิจารณาออกหมายน้ำเงิน เพื่อสืบเสาะหาแหล่งพักพิงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ทาง ตร.ได้ยื่นคำขอไปแล้ว ต่อมาวันที่ 2 มี.ค.2561 ทางตำรวจสากลได้ปฏิเสธการออกหมายน้ำเงินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องทางการเมือง" รองโฆษก ตร.ระบุ 
    ส่วนกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า  น.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นขอวีซ่าเข้าพำนักในอังกฤษได้เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นวีซ่าเข้า-ออกอังกฤษได้ตลอดและสามารถอยู่ได้ครั้งละไม่เกิน 6 เดือนนั้น พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่นไปขอวีซ่า ซึ่งขณะนี้ยังพิสูจน์ทราบไม่ได้ว่าเป็นหนังสือเดินทางของประเทศใด แต่ไม่ใช่ของประเทศไทยแน่นอน เพราะ กต.ได้ถอนออกหมดแล้ว ซึ่งการอนุมัติวีซ่าก็เป็นดุลยพินิจหลักเกณฑ์ กรอบกฎหมายของประเทศนั้นๆ เอง ไม่เกี่ยวข้องกับทางการไทย
     ทั้งนี้ การได้หนังสือเดินทางและวีซ่าเข้า-ออกประเทศต่างๆ รวมทั้งการปฏิเสธการออกหมายน้ำเงิน เพื่อสืบเสาะแหล่งพักพิง ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ในการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์มาดำเนินคดี ซึ่งต่อไปทาง ตร.จะประสานไปยังประเทศอังกฤษเพิ่มเติม ถึงแหล่งพำนักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งดำเนินการตามกรอบเวลา อำนาจหน้าที่ที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และดำเนินการอย่างจริงจังมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากตำรวจต่างประเทศอยู่ตลอด 
    สำหรับประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ทำเว็บไซต์ปลอม พาดหัวข่าว "บิ๊กตู่" ฟิวขาด ด่ากราด ไล่ให้เติม "น้ำเปล่า" แทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เพื่อโจมตีรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุด พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) และคณะ เดินทางกลับจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา คืนวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมควบคุมตัว นายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหมายจับศาลอาญาที่ 1154/2561 ลงวันที่ 30 พ.ค.2561 ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนกลับมาด้วย
     พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น สร้างความเสียหาย ความสับสนในข้อมูลข่าวสารในประเทศ และกระทบต่อเสถียรภาพของทางรัฐบาล ซึ่งตนได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.ให้ตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว จนทราบว่าจดทะเบียนโดยนายรัตนะ เฮง ชาวกัมพูชา อีกทั้งมีการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยรอบปีนี้มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จถึง 3 ครั้ง มีการบิดเบือนข้อมูลการสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี 1 ครั้ง บิดเบือนด้านนโยบายรัฐบาล 1 ครั้ง และโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนครราชสีมา โดยข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปทางโซเชียลฯ ถูกส่งต่อออกไปเป็นจำนวนมาก
      จากการสอบสวนเบื้องต้น นายรัตนะอ้างว่า เว็บไซต์ดังกล่าวจดในนามของตนเองจริง ซึ่งการเปิดสมัครเว็บไซต์ที่ประเทศกัมพูชาจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวบุคคลด้วยเลขหน้าบัตรเครดิต โดยเพื่อนของตนที่ชื่อหลุยส์ เป็นผู้ขอให้เปิดเว็บไซต์ดังกล่าวให้ อีกทั้งไม่มีส่วนรู้เห็นกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ พร้อมขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเสียหายให้กับทางรัฐบาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อในคำให้การ หลังพบว่ามีรายได้เข้าบัญชีของนายรัตนะ ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการที่มีคนกดไลค์กดแชร์ติดตามข่าวสาร รวมทั้งพบบทสนทนาระหว่างนายหลุยส์กับนายรัตนะพูดคุยกัน โดยที่นายหลุยส์ขอให้นายรัตนะทำการปิดเว็บไซต์หลังถูกทางการไทยติดตาม ซึ่งหลังจากนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไป
    นอกจากนี้ มีรายงานการตรวจสอบประวัตินายรัตนะว่า เป็นนักธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอาง อัญมณี และจำหน่ายเงินสกุลอิเล็กทรอนิกส์ หรือบิตคอยน์ จบการศึกษาด้านไอที ทำให้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และมีความชื่นชอบติดตามข้อมูลข่าวสารจากประเทศไทย เพื่อหาข้อมูลมาสร้างข่าวบิดเบือน แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่ม 6 คนไทยที่ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวมาแล้ว
     เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 14 และ 17 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับเป็นเงิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทย ก่อนคุมตัวไปสอบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังในการจ้างวานเพื่อบิดเบือนข่าวสารหรือไม่ เพื่อดำเนินคดี ก่อนนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"