งงเป็นแถว! 'เขตหลักสี่' ปิดประกาศห้ามใช้ รพ.สนามพลังแผ่นดิน เมินสถานการณ์ฉุกเฉิน


เพิ่มเพื่อน    

3 มิ.ย.64 - พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยภาพเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตหลักสี่ปิดประกาศคำสั่งห้ามใช้ หรือเข้าไปในอาคารโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน และคำสั่งระงับการก่อสร้าง รพ.สนามพลังแผ่นดิน พร้อมข้อความระบุว่า มีหลายท่านถามผมว่าร้านค้าผิดกฎหมายที่รุกประชิดตลอดแนวรั้ว รพ.สนามพลังแผ่นดินย้ายไปแล้วหรือยัง???...คำตอบ คือ ยังไม่ย้ายครับ มีแต่สำนักงานเขตหลักสี่ออกคำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคาร รพ.สนามพลังแผ่นดิน และออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง รพ.สนามพลังแผ่นดินตามภาพที่แนบ (ภาพเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ได้มาปิดประกาศคำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคาร รพ.สนามพลังแผ่นดิน และออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง รพ.สนามพลังแผ่นดิน)

แต่ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ เพราะ รพ.สนามพลังแผ่นดินจะยังคงรับการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักจาก รพ.สนามต่างๆ ตลอดจน รพ.รัฐและเอกชน โดยผมยึดถือ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่รัฐบาลประกาศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เหนือกว่าคำสั่งเขตท้องที่ครับ

ก่อนหน้านี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังได้โพสต์ถึงสถานการณ์ดูแลรักษาผู้ป่วยในรพ.สนามว่า เมื่อ 2 มิ.ย.64 เวลา 21.29 น.ได้รายงานผลการปฏิบัติงานเดือน พ.ค.64 โดย รพ.สนามพลังแผ่นดิน และเครือข่าย รพ.สนาม ระดับ 1 พอจะอนุมานประโยชน์จากระบบปฎิบัติการ รพ.สนาม ขั้นสมบูรณ์ได้ว่า

1. รพ.สนาม ระดับ 1 สามารถกักกันโรคและรักษาผู้ป่วยจัดชั้นสีเขียว (ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย) โดยร้อยละ 78 สามารถปลอดเชื้อและกลับบ้านได้ , ร้อยละ 7 ของผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยเริ่มมีอาการป่วยมากขึ้นจำเป็นต้องถูกส่งต่อไปรักษายัง รพ.สนาม ระดับ 3 (รพ.สนามพลังแผ่นดิน) ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 15 สะสมคงค้างอยู่ในการกักกันรักษาของ รพ.สนาม ระดับ 1 ต่อไป

2. รพ.สนามระดับ 3

2.1 การที่ รพ.สนามระดับ 3 มีขีดความสามารถหอผู้ป่วยในสนาม ระดับ 2 ทำให้สามารถรับการส่งต่อผู้ป่วยจาก รพ.สนาม ระดับ 1 ที่เริ่มกลายเป็นผู้ป่วยจัดชั้นสีเหลือง (ผู้ป่วยโควิด-19 อาการปานกลาง) เริ่มมีอาการปอดอักเสบเพื่อทำการรักษาได้แต่เนิ่นๆ เป็นการสกัดกั้นไม่ให้อาการแย่ลงไปสู่การเป็นผู้ป่วยจัดชั้นสีแดง (ผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก) โดยร้อยละ 44 สามารถรักษาจนกลับบ้านได้ ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 56 ยังคงสะสมคงค้างอยู่ในการรักษาของหอผู้ป่วยในสนาม ระดับ 2 ต่อไป

2.2 การที่ รพ.สนามระดับ 3 มีขีดความสามารถ ไอ ซี ยู สนาม ทำให้สามารถรับผู้ป่วยจัดชั้นสีแดง (ผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก) จำนวนมากและสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักใน ไอ ซี ยู ได้ร้อยละ 50 ส่วนผู้ป่วยอาการหนักใน ไอ ซี ยู ที่เสียชีวิตประมาณร้อยละ 36 นั้นล้วนแล้วแต่มีอาการวิกฤตจากภาวะการหายใจล้มเหลวแล้วซึ่งถือว่าเป็นกรณีที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงทั้งสิ้น ส่วนผู้ป่วยอาการหนักใน ไอ ซี ยู ที่เหลืออีกร้อยละ 18 นั้นยังคงสะสมคงค้างอยู่ในเป็นผู้ป่วยอาการหนักใน ไอ ซี ยู สนาม ที่อยู่ในความพยายามรักษากันต่อไป

2.3 การที่ รพ.สนามระดับ 3 มีขีดความสามารถทางศัลยกรรม-สูติกรรม-หัตถการฉุกเฉินในสนาม จะสามารถลดอุบัติการณ์เสียชีวิตและความพิการให้แก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ทั้งผู้ป่วยฉุกเฉินที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วหรือผู้ป่วยฉุกเฉินที่ยังไม่ทราบผลว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ แต่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินที่จำเป็นต้องรับการรักษาทางศัลยกรรม-สูติกรรม-หัตถการฉุกเฉินโดยทันทีไม่สามารถรอซึ่งจะเป็นการเสียโอกาสของผู้ป่วยฉุกเฉินในการมีชีวิตรอด

2.4 การที่ รพ.สนามระดับ 3 มีขีดความสามารถฟอกไต[Hemodialysis] จะสามารถลดอุบัติการณ์เสียชีวิตให้แก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ ยกเว้นรายที่มีอาการวิกฤตจากภาวะหายใจล้มเหลวแล้ว

สถานการณ์ขณะนี้โดยส่วนตัว ผมประเมินว่าระบบสาธารณสุขไทยมีความพร้อมรับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักจัดชั้นสีแดงในกรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างมีเสถียรภาพแล้ว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"