ก้าวไกลจนล้ำเส้น


เพิ่มเพื่อน    

       ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

            มีคนเชื่อว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี  ๒๕๖๕ นั้น รัฐบาลจัดสรรงบประมาณซื้อวัคซีนโควิด-๑๙ ไว้  ๒๒ ล้านบาท

            นี่คือตัวอย่าง ไม่ได้เชื่อด้วยปัญญา

            แต่เชื่อเพราะถูกสนตะพาย

            เชื่อโดยไม่ใช้สมองค้นหาข้อเท็จจริง ใช้แต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง

            ครับ...ไปค้นมา ว่า ต้นสายปลายเหตุมันอยู่ที่ไหน ถึงได้มีการแชร์การเชื่อกันอย่างบ้าคลั่งว่า รัฐบาลตั้งงบประมาณซื้อวัคซีนไว้ ๒๒ ล้านบาทจริงๆ

            ต้นเรื่องมาจากคำอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ของ "ประเสริฐ จันทรรวงทอง"  เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

            คำอภิปรายท่อนหนึ่งระบุว่า....

                "...สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ถือว่าเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงด้านวัคซีน กลับได้งบเพียง ๒๒ ล้านบาท ทั้งๆ ที่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาเรื่องวัคซีนอย่างมาก..."

            ไม่แน่ใจว่า "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" ตั้งใจใช้ตัวเลขนี้สร้างความสับสนหรือไม่ แต่นักการเมืองที่ดูร่าง พ.ร.บ.งบประมาณมาหลายปี น่าจะแยกแยะได้ว่า งบประมาณก้อนนี้คืองบประมาณใช้สำหรับ "สำนักงาน" สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

            มีงบประจำคือเงินเดือนเจ้าหน้าที่เป็นหลัก

            สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ไม่มีหน้าที่ไปซื้อวัคซีน

            ฉะนั้นการอภิปรายให้เข้าใจไขว้เขวว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ต้องใช้งบประมาณซื้อวัคซีนนั้น เป็นการอภิปรายที่ไร้ความรับผิดชอบ

            อีกทั้ง "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" ไม่ออกมาบอกกับสังคมว่า ๒๒ ล้านบาท ไม่ใช่งบซื้อวัคซีน กลับปล่อยให้การเข้าใจผิดดำรงอยู่ต่อไป

            ถือว่าใช้ไม่ได้

            กรณีนี้ไม่ต่างไปจากการอภิปรายงบประมาณ สถาบันพระมหากษัตริย์ ของ "เบญจา แสงจันทร์" ส.ส.พรรคก้าวไกล 

            ว่ามีตัวเลขมโหฬาร ๓๓,๗๑๒ ล้านบาท

            อัษฎางค์ ยมนาค เขียนไว้ในเฟซบุ๊กชัดเจนครับ....

                "....ตัวเลข ๓๓,๗๑๒  ล้านบาทนี้มาจากไหน?

                ตัวเลข ๓๓,๗๑๒  ล้านบาท ที่พรรคก้าวไกล ประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อให้ราษฎร์สามกีบสังกัดสามสัส เข้าใจผิดและงาบไปแชร์และสร้างข่าวลือต่อ ด้วยคำว่า เป็นงบกษัตริย์....ตัวเลขนี้มาจากไหน?

                ผมจะขออธิบายแบบพวกเราชาวบ้านคุยกัน โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลทางวิชาการหรือตัวเลขรายละเอียดใดๆ ให้ชาวบ้านอย่างเราๆ ต้องปวดหัว เพราะเข้าใจยาก ว่า...

                ส.ส.เบญจาและพรรคก้าวไกล ไปจับตัวเลขงบประมาณจากหน่วยราชการหลายๆ หน่วยงานจากกระทรวง ทบวง  กรมต่างๆ ที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์มายำรวมกัน

                แล้วทำให้ราษฎรสามกีบสังกัดสามสัสเข้าใจว่า มันคืองบประมาณในส่วนของพระมหากษัตริย์

                เป็นงบที่ถวายให้ในหลวงใช้ส่วนพระองค์

                ทั้งที่ความจริง มันคืองบประมาณจากหลายหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวง ทบวง กรม ที่นอกจากจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำราชการของหน่วยงานราชการนั้นๆ  เช่น เป็นเงินเดือน เป็นรายจ่ายต่างๆ ของสำนักงาน ในการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังเป็นงบประมาณเพื่อช่วยเหลือราษฎร์

                สรุปง่ายๆ สั้นๆ อีกทีได้ว่า

                เงินงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข ๓๓,๗๑๒ ล้านบาท หรือเท่าไหร่ก็ตาม มันคืองบสำหรับค่าทำราชการ บวกกับเงินงบประมาณเพื่อพัฒนาประเทศ และเพื่อช่วยเหลือราษฎร์

                ที่แปลว่า มันคือเงินงบประมาณที่ย้อนกลับไปพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน

                ไม่ใช่เงินที่ถวายให้ในหลวงเอาไว้ใช้ส่วนพระองค์

............................................................................

                ตัวเลข ๓๓,๗๑๒ ล้านบาท ที่ ส.ส.เบญจาและพรรคก้าวไกล ประดิษฐ์ขึ้นมา มีจุดประสงค์แอบแฝงที่มุ่งให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ จะมีรัฐบาลหรือนักการเมืองคนใด หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคนไหน คิดสืบสวน สอบสวน หาความจริงเพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินคดีบ้างหรือไม่

                การที่ท่านละเลยหน้าที่เอาคนผิดมาลงโทษเท่ากับท่านสนับสนุนให้เขากระทำผิดหรือไม่...."

            จำชื่อ ส.ส.คนนี้ไว้นะครับ "เบญจา แสงจันทร์" 

            เธอนำงบ            พิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

            งบถวายความปลอดภัย

            งบส่วนราชการในพระองค์

            งบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการหลวงต่างๆ

            งบอื่นๆ เช่น พระราชทานเพลิงศพ เครื่องราชอิสริยาภรณ์

            ทั้งหมดนี้มารวมกันหมดแล้วเรียกว่างบประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์

            โดยนัยของพรรคการเมืองนี้อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่  พยายามทำให้สังคมเชื่อว่างบประมาณ ๓๓,๗๑๒ ล้านบาท ทำเพื่อพระมหากษัตริย์

            อยากให้ประชาชนที่ได้รับและลืมตาอ้าปากได้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการหลวง ช่วยกันส่งเสียงออกมาดังๆ ไปถึง "เบญจา แสงจันทร์" และพรรคก้าวไกลว่า เลิกจาบจ้วงให้ร้ายกันเสียที

            นี่ไม่ใช่การปฏิรูปงบประมาณเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นการสร้างความเกลียดชังสถาบัน

            เอาเถอะ คนที่เชื่อ ส.ส.ก้าวไกล คงไม่สนใจว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เพราะมีชุดความเชื่อกันอยู่แล้ว 

            แต่สำหรับประชาชนทั่วไป ต้องตามให้ทันนักการเมืองพวกนี้

            ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ หากจะนับเม็ดเงินด้วยวิธีนี้  บอกให้ว่า งบประมาณเกี่ยวกับการศึกษา ไม่ใช่ ๓.๓๒ แสนล้านบาท หรือประมาณ ๑๐.๗% ของงบประมาณทั้งหมดที่กระทรวงศึกษาธิการได้รับนะครับ

            ยังมีอีกมโหฬาร

            โรงเรียนในสังกัด กทม. มีทั้งหมด ๔๓๗ โรงเรียน ๘๐  เครือข่าย

            โรงเรียน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑,๔๐๗  ประกอบด้วย

            สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ๓๔๗ แห่ง

            สังกัดเทศบาลนคร ๑๗๘ แห่ง

            สังกัดเทศบาลเมือง ๔๐๒ แห่ง

            สังกัดเทศบาลตำบล ๓๔๓ แห่ง

            สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล ๑๓๗ แห่ง

            โรงเรียนกลุ่มนี้ล้วนใช้งบประมาณจากต้นสังกัดทั้งสิ้น

            พรรคก้าวไกลรู้หรือเปล่าเฉพาะค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้งหมดให้งบประมาณ ปีละ  (๒๐๐ วัน) ร่วม ๑ พันล้านบาท

            ยังมีค่าเงินเดือนครู บุคลากรทางการศึกษา ค่าบำรุงอาคารสถานที่ ค่าจัดซื้อจัดจ้าง ฯลฯ อีกจำนวนเท่าไหร่

            ฉะนั้นมันอยู่ที่เจตนา

            และเจตนาของพรรคก้าวไกลไม่ได้ต้องการปฏิรูปสถาบัน

            ครับ...มองไม่ออกจริงๆ

            พรรคการเมืองที่มีนโยบายยกเลิก ม.๑๑๒ จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร.

             

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"