'เทือก'หลั่งน้ำตา ขอเป็นขี้ข้าปชช.


เพิ่มเพื่อน    

    "รปช." เปิดตัวคึกคัก “เอนก” แจงทำพรรคการเมืองเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ตั้งเป้าดึงคนดี-เก่งนั่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ “สุเทพ” หลั่งน้ำตาปลื้ม รปช.สืบสานอุดมการณ์ กปปส. ไม่สนเสียงวิจารณ์ตระบัดสัตย์ ขออาสาเป็นขี้ข้า ปชช. อ้างกลับลำหนุน "บิ๊กตู่" เหตุเข้าร่วม รปช.แล้ว ด้านปชป.ทวงสัญญาอย่าตกปลาในบ่อเพื่อ "พท." ยังแค้นแกนนำ กปปส.ล้มเลือกตั้ง เหน็บขอให้ตระบัดสัตย์ครั้งสุดท้าย
    ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เวลา 09.00น. วันที่ 3 มิถุนายน พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ประชุมผู้ก่อตั้งพรรคและผู้สนับสนุนของพรรคครั้งแรก  โดยมีผู้ก่อตั้งและประชาชนเดินทางเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก อาทิ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์, ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล, นายประสาร มฤคพิทักษ์, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายธานี เทือกสุบรรณ, นายเชน เทือกสุบรรณ, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายสาธิต เซกัล และนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นต้น 
    โดยนายสุเทพยืนยันว่า จะไม่รับตำแหน่งผู้บริหารในพรรค หากพรรคได้เป็นรัฐบาลก็จะไม่รับตำแหน่งใด ๆ ในรัฐบาล จะเป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษาเท่านั้น
    จากนั้น นายเอนกกล่าวปาฐกถาพิเศษว่า พรรคการเมืองในประเทศไทยมี 3 แบบ คือ 1.พรรคของผู้นำทางทหารที่จำเป็นต้องทำการเมือง เช่น จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็มีพรรคเสรีมนังคศิลา 2.พรรคของคนที่รู้จักรวย เป็นคนทำธุรกิจการเมืองที่เลวร้ายที่สุดหรือทุนสามานย์ และ 3.พรรคของนักการเมือง ซึ่งทั้งพรรคทั้ง 3 แบบจะรู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของพรรค ใครเป็นนายทุนพรรค มีการกวาดต้อนคนไปเป็น ส.ส. หวังเป็นรัฐบาลสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาแบบที่เราไม่อยากเห็นอีกแล้ว 
    นายเอนกกล่าวว่า เราอยากเห็นพรรคที่ทุกคนมีความหมาย ทุกสมาชิกมีบทบาท ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีการทาบทามตนเป็นหัวหน้าพรรค จึงขอยืนยันว่าทำพรรคครั้งนี้ไม่ได้ทำ เพราะอยากเป็นหัวหน้าหรือรัฐมนตรี แต่ทำเพราะต้องการสืบสานแนวทางการปฏิรูปของมวลมหาประชาชนและคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน เพื่อทำพรรคการเมืองใหม่เป็นการเมืองเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการเมืองเพื่อประชาชน
    “วันนี้ภรรยาก็ให้การสนับสนุน และบุตรชายรวมทั้งหลานสาวก็ร่วมทำงานการเมืองด้วย โดยจะทำให้พรรคเป็นพรรคประชาชาติไทย ที่มีคนเก่ง คนดี และบุคลากรจากหลากหลายกลุ่มเข้ามาร่วมงานในระบบปาร์ตี้ลิสต์ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมให้มาก และคาดหวังว่าจะไม่ใช่พรรคเล็ก แต่เป็นพรรคสำคัญที่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังของบ้านเมืองในการขับเคลื่อนประเทศได้” 
    นายเอนกกล่าวอีกว่า ตนไม่กลัวแพ้ และเชื่อว่าการทำการเมืองครั้งนี้ไม่มีแพ้ เพราะเป็นการทำเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินไทย ด้วยการทำการเมืองแบบรู้รักสามัคคี ปฏิรูปแต่ไม่โค่นล้ม เป็นการทำการเมืองเพื่อลูกหลานในอนาคต ภายใน 3 เดือนนี้จะมีการเดินสายทั่วประเทศเพื่อเตือนประชาชนที่เคยออกมาเดินถนน ยอมตาย ยอมเจ็บและกำลังจะติดคุก ให้ร่วมกันทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของพลเมือง ทั้งนี้ มีคนเป็นห่วงกลัวว่าตนจะมัวหมอง ไม่เป็นที่รักของคนทุกฝ่ายอีกแล้ว จึงบอกว่าจะทำการเมืองที่สร้างสรรค์ คิดด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ๆ เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาธิปไตยเริ่มภายในพรรค จึงจะทำประชาธิปไตยนอกพรรคได้ 
เมินถูกด่าตระบัดสัตย์
    "ดังนั้นผู้บริหารพรรคจะมีก็ต่อเมื่อมีสมาชิกครบถ้วนตามกฎหมาย จึงจะเปิดประชุมสมัชชาพรรค ซึ่งขณะนั้นอาจมีสมาชิกเป็นหมื่นเป็นแสนลงคะแนนโดยไม่มีการจัดตั้งหรือสั่งการ ถ้าเลือกให้ผมเป็นหัวหน้าก็พร้อมเป็น แต่ถ้าไม่เลือกก็ทำงานด้านอื่น โดยส่วนตัวอยากเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพรรค เพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้" นายเอนกกล่าว
    ช่วงท้ายของงาน นายสุเทพลุกขึ้นกล่าวทั้งน้ำตาถึงเหตุผลที่ร่วมก่อตั้งพรรค รปช.ว่า เป็นเพราะคิดถึงการเสียสละและการต่อสู้ของประชาชนในยามที่บ้านเมืองมีภัย โดยมีผู้บาดเจ็บนับพัน เสียชีวิตหลายสิบคน จึงอยากให้คนเหล่านั้นเห็นภาพวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่พวกเรารำลึกถึงด้วยความเคารพในความเสียสละ และวันที่คนอย่างพวกเราลุกขึ้นมาประกาศอุดมการณ์สืบสานปณิธานของพี่น้องที่เสียสละ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างพรรคการเมืองที่เป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริงได้ในประเทศนี้ เพราะแค่มีข่าวก็มีคนดู มีเสียงวิจารณ์มากมายว่าเป็นพรรคของ กปปส. เป็นพรรคของลุงกำนัน ปรามาสว่าพรรคอย่างนี้โตไม่ได้ 
    "ผมใช้เวลาครุ่นคิดพูดคุยกับผู้คนเป็นเวลาสี่ปี ฟังความคิดและศึกษาการตัดสินใจของคนเหล่านั้น และดีใจที่ได้เห็นประชาชนทั้งที่อยู่ในชนบท ทุกภาคของประเทศ ทุกอาชีพ เป็นเกษตรกร เป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ทนายความ อดีตข้าราชการทุกสังกัด และพลเรือน โดยทั้งหมดพูดตรงกันว่าเป็นโอกาสเดียวที่จะรวมพลังประชาชนคนไทยเพื่อทำการเมืองในประเทศให้เป็นการเมืองของประชาชน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและแผ่นดิน" 
    อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส.กล่าวว่า ตนรู้ว่าอาจจะเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตีว่าตระบัดสัตย์ ไหนว่าไม่ยุ่งกับการเมือง จึงขอประกาศว่า ตนไม่ใช่คนอยู่เบื้องหลังของพรรคการเมืองนี้ และจะยืนเคียงข้างกับพี่น้องประชาชนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน และไม่สนใจคำวิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตนไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ขออาสาเป็นขี้ข้าของประชาชน เป็นผู้รับใช้ประชาชน เอาความรู้ ประสบการณ์ ทุ่มเทยืนเคียงข้างพี่น้องที่ตั้งพรรคการเมืองของประชาชนพรรคเดียวให้เกิดขึ้นให้ได้
    “ทันทีที่พรรคได้รับอนุญาตจาก คสช.ให้ปฏิบัติในการรณรงค์เชิญชวนพี่น้องประชาชนเป็นสมาชิกได้ ผมจะเดินไปหาพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ผมไม่มีอย่างอื่นเป็นต้นทุน ลงทุน 5 หมื่นเท่าทุกคน แต่ยังเก็บรองเท้าคู่เดิมมาใช้รณรงค์ให้ประชาชนมาร่วมเป็นเจ้าของพรรคการเมืองด้วยกัน พรรคนี้จึงไม่ใช่ของกำนันสุเทพ แต่กำนันสุเทพจะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคนี้ เหมือนชาวไทยทุกคนที่รักชาติ รักแผ่นดิน” นายสุเทพกล่าว
    ในการประชุมเปิดตัวพรรคครั้งนี้ ยังมีการตั้งคณะทำงาน 5 ด้าน ประกอบด้วย คณะทำงานเตรียมการจัดการประชุมสมัชชาพรรค คณะทำงานยกร่างข้อบังคับพรรค วินัย และมาตรฐานจริยธรรมพรรค คณะทำงานยกร่างนโยบายพรรคและโรงเรียนการเมืองพรรค คณะทำงานเตรียมการจัดตั้งสโมสรผู้นำเยาวชนพรรค และคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมเป็นเจ้าของพรรค
    ต่อมานายสุเทพตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ว่า ถามเรื่องนี้เร็วไป เพราะขณะนี้หัวหน้าพรรคยังไม่มี ซึ่งพรรคนี้เป็นพรรคการเมืองของประชาชน คนที่จะตัดสินใจคือประชาชน ไม่มีใครตัดสินใจแทนประชาชนได้ ตนเคยสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาลเพื่อแก้ปัญหา แก้วิกฤติประเทศ และดำเนินการปฏิรูปประเทศตามแนวทางที่ประชาชนเรียกร้อง  แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตนไม่ใช่คนที่มีเสรีที่อยากจะพูดอะไรก็ได้แล้ว เพราะได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรค รปช.แล้ว จากนี้การพูดต้องเป็นของพรรค รปช. ซึ่งต้องมาจากประชาชนที่เป็นเจ้าของพรรคทุกคน 
อย่าตกปลาในบ่อเพื่อน
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอดีต ส.ส.พรรค ปชป.ที่เคยเป็น กปปส.มาเข้าร่วมพรรคนี้ด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พรรคนี้ไม่ดูดใคร คนที่เคยเป็น กปปส.ร่วมต่อสู้มากับตน ก็ไม่ได้ชวนคนเหล่านั้นมาเลย เขาก็กลับพรรค แม้แต่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งอยู่บ้านเดียวกันกับตน เขาก็กลับพรรค ปชป. เพราะเขาอยากกลับไปปฏิรูปพรรคของเขา คนที่มาในวันนี้คืออดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเขามาเอง และถึงต่อให้ไล่เขาก็ไม่ไป
    ส่วนที่มีคนมองว่าพรรคนี้จะมาแย่งคะแนนของปชป. อดีตเลขาธิการพรรค ปชป.กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องเป็นกังวลใจ เพราะการทำงานของ รปช.ไม่ได้ตั้งตนเป็นศัตรูหรือคู่แข่งกับใคร เราพร้อมทำงานกับทุกพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนที่มีการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่ รปช.ยังยืนหยัดที่จะพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญนี้ ส่วนการนิรโทษกรรม ยืนยันตั้งแต่ก่อนเคลื่อนไหวจนกระทั่งโดนคดีหลายๆ คดี ทั้งคดีอาญาและแพ่ง ว่าไม่นิรโทษฯ ให้ใครทั้งสิ้น เราเต็มใจเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนไม่ดิ้นรนหนีคดีหรือนิรโทษฯ 
    นายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเดินทางมาร่วมงานเปิดตัวพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีในนามแกนนำ กปปส.จังหวัดจันทบุรี ที่มีการเปิดตัวตั้งพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง และยังนับถือส่วนตัวต่อนายสุเทพ โดยยังมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ยังไม่ได้ลาออกแต่อย่างใด   
    เมื่อถามย้ำว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ จะอยู่กับพรรคเดิมหรือย้ายสังกัดพรรคใหม่ นายธวัชชัยกล่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ลำบาก แต่ต้องทำ โดยเลือกจะมาช่วยงานนายสุเทพ โดยจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม รปช. และอาสาขอเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัครใน 2 จังหวัดคือจันทบุรีและตราด โดยยังมีแกนนำ กปปส. จ.ตราดและทีมงานเดิมมาช่วยงานการเมืองครั้งนี้ด้วย
    ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวแสดงความยินดีกับการเปิดตัวพรรค รปช.ว่า ถือว่าเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และยอมรับว่าคงมีผลกระทบกับพรรค ปชป.บ้างในเรื่องฐานเสียงที่เป็นฐานเดียวกัน แต่ถ้าดูแนวทางที่นายเอนก ประกาศว่าจะไม่มีการดูดอดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่น และจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายในทางการเมือง ถือเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้อง แต่ถ้ามีการดูดอดีต ส.ส. ก็จะเป็นการติดกระดุมเม็ดแรกที่ผิด เพราะควรจะให้แต่ละพรรคทำกิจกรรม ไม่ใช่ไปตกปลาในบ่อเพื่อนเหมือนการเมืองแบบเก่า เมื่อจะทำพรรคการเมืองก็ต้องสร้างสมาชิกของตัวเอง 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายสุเทพต้องขอโทษประชาชนก่อนหรือไม่ที่เป็นผู้นำในการชัตดาวน์ประเทศ ก่อจลาจลขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้ประเทศเสียหาย และเสียโอกาสจากการก่อจลาจลหรือไม่ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าการตั้งพรรคครั้งนี้ของนายสุเทพ จะเป็นไปเพื่อเตรียมการการเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ตั้งพรรคเพื่อป่วนประเทศ หรือเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง เคยประกาศจะไม่เล่นการเมือง ก็กลับมาเล่น ประกาศไม่ตั้งพรรคการเมือง ในที่สุดก็มาตั้ง เคยประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกว่าไม่เคยประกาศ สร้างวาทกรรมไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งถ้าไม่ปฏิรูป แล้ววันนี้ที่จะมาเลือกตั้ง การปฏิรูปเสร็จสิ้นแล้วหรือ อะไรคือผลสัมฤทธิ์หรือตัวชี้วัดว่าการปฏิรูปที่มีความก้าวหน้ามีอยู่จริง
     นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตแกนนำ นปช. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายสุเทพในการเปิดตัวพรรคของตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้ในอดีตนายสุเทพไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง และมีการนำมวลชนไปขัดขวางการเลือกตั้ง จากนั้นจนถึงวันนี้ ระยะเวลาผ่านมากว่า 4 ปี นายสุเทพคงตาสว่างขึ้น เพราะการปฏิรูปที่นายสุเทพเคยวาดฝันไว้ ก็ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว วันนี้นายสุเทพกลับมาเปิดตัวพรรคการเมืองของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง แสดงให้ว่าการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งที่เคยกล่าวอ้างไว้ เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อนำไปสู่อะไรบางอย่างเท่านั้นเอง และกลับมากลืนน้ำลายตัวเอง สิ่งที่กังวลคือ วันนั้นเชิญชวนคนมาปูทางให้เกิดการยึดอำนาจ วันนี้จะเชิญชวนคนให้มาปูทางสืบทอดอำนาจอีก ทั้งที่ 4 ปีที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าล้มเหลว
ตระบัดสัตย์ครั้งสุดท้าย
     นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่นายสุเทพตั้งพรรคการเมืองเข้ามาในระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนได้เลือก คสช.เอง ไหนๆ ก็จะเล่นการเมือง ก็ควรเปิดตัวให้ชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์เป็นลูกผู้ชาย เป็นชายชาติทหาร ต้องกล้าคิดกล้าทำ ขนาดรัฐประหารยังทำมาแล้ว ก็ควรเปิดตัวให้ชัดเจนเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองไปเลย เลิกเหนียมได้แล้ว
    นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายสุเทพประกาศเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง รปช. ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่หวนกลับคืนการเมืองอีกก็ตาม แต่วันนี้ยอมตระบัดสัตย์ กลืนน้ำลายตัวเองมาเล่นการเมือง ในฐานะนักการเมือง ก็ยินดีต้อนรับอดีตนักการเมืองที่กลายมาเป็นนักการเมืองอีกครั้ง เข้าสู่สนามเลือกตั้งตามกติกาการเเข่งขัน หวังว่าครั้งนี้นายสุเทพจะตระบัดสัตย์ทั้งต่อตนเองและประชาชนเป็นครั้งสุดท้าย
    นายสิระ พิมพ์กลาง หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อนไทย และแกนนำคนเสื้อแดงสกลนคร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพรรค รปช. เตรียมลงสู่สนามเลือกตั้ง ขอให้นำนโยบายมาแข่งขันกันให้ประชาชนตัดสินใจ ขอให้ประสบความสำเร็จ แม้ในวันนี้จะยังไม่แน่ชัดว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนตัวอยากเห็นนายสุเทพออกมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง ไม่ต้องแอบอยู่ข้างหลัง เพราะคนสนใจการเมืองรู้อยู่แล้วพรรคนี้ใครสนับสนุนอยู่ 
    นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวเช่นกันว่า ขอแสดงความยินดีกับ รปช.และทุกพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อจะทำให้ประชาชนหลากหลายสาขาวิชาชีพมีทางเลือก พิจารณาตามนโยบายที่ตรงกับแนวทางอุดมการณ์ของตน รวมทั้งจะได้มีส่วนร่วมในการเข้าไปดำเนินกิจกรรมการเมือง 
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นตามโรดแมปหรือไม่ว่า ถ้าดูตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับแล้ว ใช้เวลาเต็มที่ตามที่กฎหมายกำหนด การเลือกตั้งทั่วไปอาจจะยาวไปถึงเดือนพฤษภาคมได้ แต่กฎหมายก็ไม่ได้บังคับว่าต้องใช้เวลาเต็มที่ตามที่กำหนดไว้ สามารถทำให้เร็วกว่าได้ แต่ทำให้ช้ากว่าไม่ได้ แต่เห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องลากยาวไปถึงเดือนพฤษภาคม การจะกำหนดให้มีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้งและพรรคการเมืองก็พร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งอยู่แล้ว
    "ประสบการณ์การจัดการเลือกตั้งของไทย ก็ไม่เคยใช้เวลาถึง 150 วันเพื่อจัดการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาเรามักใช้เวลาเลือกตั้งภายใน 45 วัน หรือ 60 วัน ถ้าคราวนี้จะเพิ่มวันขึ้นมาโดยข้ออ้างว่า กกต.และพรรคการเมืองมีกิจกรรมต้องทำมากกว่าเมื่อก่อนก็พอรับได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 150 วัน เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จึงเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสม" นายองอาจกล่าว
    นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง คนติดตามข่าวสารการเมืองกับความตั้งใจเลือกพรรคการเมือง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,026 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง 15 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา พบว่า คนที่ติดตามข่าวสารการเมืองทุกวัน หรือเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.9 ตั้งใจจะไปเลือกตั้งมากกว่ากลุ่มที่ติดตามข่าวสารการเมือง บางวันมีอยู่ร้อยละ 84.7 และกลุ่มที่ไม่ติดตามข่าวสารการเมืองเลย แต่ตั้งใจจะไปเลือกตั้ง มีอยู่ร้อยละ 73.3
    เมื่อถามว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองในใจหรือยัง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.2 ยังไม่มีพรรคการเมืองใดในใจ ในขณะที่ร้อยละ 18.8 มีพรรคการเมืองในใจแล้ว และเมื่อจำแนกออกตามความถี่ติดตามข่าวการเมือง พบว่า กลุ่มคนที่ไม่ติดตามข่าวการเมืองเลยส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 86.2 ระบุยังไม่มีพรรคการเมืองในใจมากที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ติดตามข่าวสารบางวัน ร้อยละ 79.1 และกลุ่มที่ติดตามข่าวการเมืองทุกวันหรือเกือบทุกวัน ร้อยละ 84.2 ยังไม่มีพรรคการเมืองในใจ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"