14 มิ.ย.64-ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai  ว่าน่าสมเพชคนที่ดูแคลนจาบจ้วงสิ่งศักดิ์สิทธิว่าไม่มีจริง จนสร้างกรรมหนักด้วยการปากพล่อยและการโพสต์อย่างหยาบคายของตัวเอง ...

ในรูปซ้ายและรูปขวาบน คือพระธาตุที่เสด็จตกลงมาตรงหน้าผม ตอนที่ผมนั่งสมาธิต่อหน้าพระจักษุธาตุที่บ้านบุญในปี 2011  

ส่วนเพชพญานาคในผอบ พระอาจารย์ประจักษ์เสกให้ร่วงลงมาจากกำมือนั่นลงมาในฝ่ามือผม  ตอนที่พระอาจารย์ประจักษ์จะออกจากบ้านบุญที่กรุงเทพฯ เพื่อไปสร้างพระมหาเจดีย์พระจักษุธาตุ ที่วัดป่าศรีคุณาราม จังหวัดอุดรธานีให้สำเร็จในอีกสามปีต่อมา

ในวันที่ 29 พฤษภาคม ปี 2020  พระธาตุโพธิสัตว์เสด็จอจินไตยลงมาในบาตรขณะที่ผมกำลังทำพิธีทางจิตเพื่อบ้านเมืองบนยัญจักรวาลที่อาศรมเทพมังกร จังหวัดชัยภูมิ โดยมีแก้วพระนารายณ์ตามลงมาด้วย 3 องค์โดยเสด็จเข้ามาในดอกบัวที่ทำจากกระดาษเงินกระดาษทองที่อยู่ในบาตร ตามรูปขวาล่าง

หากมองในภาพใหญ่  วิกฤติของโลกมันก่อตัวชัดเจนหลังวิกฤตซับไพรม์ ปี 2008 แล้ว  แต่มาระเบิดในปี 2020 นี้เอง  และน่าจะยืดเยื้อยาวไปถึงปี 2030 เป็นอย่างน้อย

การผ่านพ้นยุคสมัยที่เป็นวิกฤติโลกรอบด้านแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ... เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  

ผู้นั้นต้องมีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น เปี่ยมไปด้วยสติ ปัญญา ความรู้ตัว  อีกทั้งยังต้องสามารถสร้าง "มณฑลแห่งพลัง" ขึ้นมาครอบคลุม "ยาน"ของตนได้ด้วยเพื่อฝ่าพายุมรสุมลูกแล้วลูกเล่าอันเนื่องมาจากวิกฤติหายนะโลก

"ปาฏิหารย์" คือส่วนหนึ่งของ "มณฑลแห่งพลัง" ที่ว่านั้น

คาถาชินบัญชร คือมนตราเพื่อสร้างมณฑลแห่งพลังที่ว่านั้น

ปาฏิหารย์ก่อให้เกิดศรัทธา เพื่อเป็นก้าวอันมั่นคงที่จะนำพาจิตของผู้นั้นไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนกระทั่งรู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองว่า ... ทุกสิ่งไม่เที่ยง  กายใจนี้คือทุกข์ และไม่มีอัตตาตัวตนที่แท้จริง.