ปิดแล้วจบไหม! จับตานายกฯเรียก'ทีมแพทย์-ศปก.ศบค.'ประชุมด่วน ล็อกดาวน์กทม.หรือไม่


เพิ่มเพื่อน    

 

25 มิ.ย.64-  ที่บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่า สำหรับการแพร่ระบาดที่มียอดสูงขึ้นทุกวัน หลายคนมีข้อเสนอแนะมากมายซึ่งตนจำเป็นต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค.ว่ามาตรการต่างๆที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ซึ่งต้องคำนึงหลายๆเรื่องด้วยกัน ขณะที่การตรวจเชิงรุกแน่นอนยอดมันต้องมี แต่มันก็ดีกว่าไม่ตรวจ ถูกหรือไม่ ตรวจแล้วก็รักษาได้ ควบคุมได้ ส่วนเรื่องเตียงผู้ป่วยสีแดง ตนได้สั่งให้มีการจัดหาเพิ่มเติม ซึ่งได้คุยกันเรียบร้อยแล้วกับกทม.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อันดับแรกคือต้องหาสถานที่ให้ได้ หาห้องความดันลบที่ใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยสีแดงให้ได้ และต้องหาเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ จะเห็นได้ว่าวันนี้ทุกคนเต็มที่แล้ว ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งฉีดและคัดกรอง ตรวจรับ และรักษา และเราจะหาเพิ่มเติมได้จากไหน จะปรับกันอย่างไร ตนคิดว่าขั้นตอนน่าจะเรียบร้อยภายในไม่กี่วันนี้ วันนี้ตนได้สั่งนโยบายไปว่าต้องหาเตียงเพิ่มให้ได้ 100 เตียง โดยเร็วที่สุด ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์วิจัยต่างๆที่ได้มีการพัฒนาแล้ว เหมือนกับโรงพยาบาลบุษราคัม และต้องเชื่อมต่อระบบได้ด้วย นั่นคือสิ่งสำคัญ และต้องมีหมอเฉพาะทางดูแล

"ผมติดตามทุกเรื่อง ผมก็ถามคุณหมอ หลายคนเสนอว่าต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น ปิดโน่นปิดนี่ เราก็พยายามทำอย่างดีที่สุด ชีวิตต้องเดินหน้า ครอบครัวต้องหากินต้องมีเงินใช้ วันนี้เราแก้ด้วยวิธีการ พบการระบาดตรงไหนก็ปิดตรงนั้น สำคัญต้องร่วมมือ ปิดก็คือปิด ต้องอยู่ในพื้นที่เพื่อไม่ให้แพร่ไปที่อื่น และแก้รักษาให้ได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่อยากให้ร่วมมือกับผม ถ้าเล็ดลอดกันไป ก็มากันอีก จะปิดตรงไหนก็รั่วหมด จะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ เพราะรู้ว่าคนของเรามีรายได้น้อยจำนวนมาก หาเช้ากินค่ำ ฉะนั้นเราต้องเร่งรัดการดำเนินการเรื่องวัคซีนให้เร็วที่สุด ให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่เข้ามา" นายกฯกล่าว

นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องแรงงานต่างด้าว ได้กวดขันทุกช่องทางในเรื่องการลักลอบ มีการเพิ่มจุดตรวจ 400-600จุดแล้ว แต่จะวางตลอดแนวไม่ได้ ระยะทางตั้ง 2,500 กม. เข้าใจหรือไม่ แต่ก็ยังมีคนพยายามที่จะลักลอบเข้ามา ซึ่งก็ถูกจับได้ ตนได้กำชับไปที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งวันนี้แรงงานที่เข้ามามี 3 ประเภท 1.ถูกกฎหมาย มาทำงานในพื้นที่อนุญาต 2.ถูกกฎหมาย และทำงานนอกพื้นที่ 3.ผิดกฎหมายทั้งหมด เราต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ตนได้สั่งกระทรวงแรงงานให้ไปตรวจโรงงานที่มีแรงงานผิดกฎหมายจะต้องมีความผิด นั่นคือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ตราบใดที่มีดีมานก็ต้องมีซัพพลาย มีคนแสวงหาผลประโยชน์ตรงนี้ ซึ่งตนไม่ยอมทั้งสิ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากผลกระทบโควิด-19 รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทุกอย่าง รัฐบาลแก้ปัญหาหลายเรื่องไม่ได้ทำงานหน้าเดียว ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เรื่องสำคัญที่รัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ยึดหลักในการแก้ปัญหา คือการติดเชื้อการแพร่ระบาดตรวจสอบคัดกรองเชิงรุก ปิดกั้นพื้นที่แพร่ระบาด ด้วยความร่วมมือทุกภาคส่วน การจัดหาวัคซีน ให้ฉีดได้มากที่สุดและเร็วที่สุด พร้อมกับการจัดหาเพิ่มเติม และให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปให้ได้ แม้ว่าจะมีโควิดในเวลานี้ แต่ก็ยังมีหลายประเทศอยากจะมาเยี่ยมเยือนเมืองไทย ซึ่งเราต้องมีมาตรการที่รัดกุม เช่น ที่ภูเก็ต วันนี้ก็มอบหมายให้รองนายกฯเศรษฐกิจและด้านสาธารณสุข โดยตนจะไปเปิดงานในวันที่ 1 กรกฎาคม มันต้องทำทั้งสองอย่าง ไม่ใช่หยุดทั้งหมด นั่นคือเป้าหมายที่เราต้องการ การทำงานต้องมีเป้าหมาย ส่วนนี้ก็แก้ปัญหาแล้วเดินหน้าไป ถ้ามันทำได้ก็ทำได้ ถ้าทำไม่ได้เราก็ต้องหยุดก็แค่นั้น ถ้าทำได้เราก็ใช้แนวคิดเเซนด์บ็อกซ์ ไปในส่วนอื่นๆได้ เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศถึง 40 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เป็นศูนย์ไม่มีรายได้ รายได้การจัดเก็บภาษีก็ลดลง เราไปรีดกับใครไม่ได้ เราจึงต้องเร่งเปิดตรงนี้ หลายประเทศเขาบอกว่าไม่กังวลประเทศไทย แม้สถิติเราจะตกใจ แต่เขาไม่ตกใจ เขามากกว่าเราเยอะ แต่เราก็ต้องทำให้เขาปลอดภัยกลับไป จะประมาทไม่ได้ เราต้องดูแล

นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องของการเปิดประเทศที่พูดกันมาหลายวัน ก็ต้องขอบคุณบรรดาคณะแพทย์ที่มีความห่วงใย แต่ก็ขอความกรุณาฟังทางนี้ ทั้งศบค.และสาธารณสุขซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง ซึ่งเขามีข้อมูล หากสงสัยขอให้ถามกันมา ถ้าจะไปพูดกันไปกันมามันก็จะไปคนละทางสองทาง ตนคิดว่าเราไม่อยากเดินหน้าไปสู่ความวุ่นวายที่จะทำให้เกิดความสับสนอลม่าน ความอดอยากปากแห้งของพี่น้องคนไทย นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำไปพร้อมกับการให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ไม่ใช่นายกฯจะทำตรงนี้แล้วไม่สนใจเรื่องสุขภาพมันใช่ที่ไหน เราก็ทำอย่างนี้มาเรื่อยๆอยู่แล้ว

"วันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ สถาบันทุกพระองค์ ทรงทำตรงนี้กันอยู่ และวันนี้ก็ได้เน้นผู้ที่ด้อยโอกาสผู้พิการ หรือกลุ่มเปราะบางเป็นหลัก ส่วนที่เหลือก็จะฉีดให้อีก ทุกสถานที่มีการฉีดมีทุกที่ สำคัญที่สุดผู้ลงทะเบียนหมอพร้อมต้องได้รับการฉีดเราต้องเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ก่อน วันนี้แอปพลิเคชันมาจากหลายที่ ก็ขอให้มีการเสนอเข้ามาก่อน ยังไม่ต้องนัด เพราะหากนัดก่อนวัคซีนมา ก็จะมีปัญหาอันนี้คือบทเรียน"นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่า เอาชัดๆเลยว่ายังไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์กทม.ใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า กำลังพิจารณาอยู่ ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะทำหรือไม่ทำ เดี๋ยวต้องฟังข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ถึงเหตุผลและความจำเป็น และจะนำไปพิจารณาในที่ประชุมศบค.ซึ่งมีอยู่หลายกระทรวงด้วยกันรวมถึงจะต้องไปถามพี่น้องประชาชนข้างล่างด้วยว่าจะทำอย่างไร เขาจะร่วมมือกับเราอย่างไร ถ้าจะต้องปิด เขาจะเดือดร้อนอย่างไร รัฐบาลก็ต้องหาเงินไปดูแลเขาอีก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หลายคนเสนอให้เจ็บแล้วจบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า "แล้วแน่ใจไหมว่าปิดแล้วมันจบ คุณรับรองให้ผมได้ไหม ถ้านักข่าวบอกให้ผมปิด แล้วถ้าผมปิด แล้วถ้าไม่จบจะทำยังไง ตอบคำถามผมต่อซิ ผมกำลังคิดว่า ถ้ามันทำเจ็บแล้วจบมันก็ควรทำ แต่ถ้าเจ็บแล้วไม่จบมันต้องหาวิธีการอื่นไหม ทำให้ดีที่สุดนั่นแหละ อยู่ที่คนทุกคนต้องปกป้องระวังตัวเอง ผมไม่โทษใครทั้งสิ้น แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึก"

เมื่อถามว่า หากไม่ล็อกดาว์น 7วัน จะใช้กฎหมายแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายมีทุกตัวอยู่แล้ว ถามว่าคนที่เคารพกฎหมาย เมื่อวานก็ยังเดินเกะกะอยู่ ไม่เห็นหรือ กลัวกฎหมายไหม ข้อสำคัญคือ กฎหมายบังคับคนทุกคน ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะฝืนกฎหมาย ต้องถามเขาว่ากลัวกฎหมายหรือไม่ เพราะคนที่กลัวกฎหมายคือพวกเรา ตนก็กลัว แล้วคนที่ไม่กลัวกฎหมายคือใคร แล้วสร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้างไหม อย่าเอาเรื่องนี้มาถามตนอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเรียกประชุมศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 หรือ ศปก.ศบค. และทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ศูนย์โควิด-19 ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน เข้าหารือถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด - 19 และเรื่องวัคซีน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียด ที่แพทย์และหลายฝ่ายต้องรองรับสถานการณ์โควิด หลายโรงพยาบาลปิดรับห้องฉุกเฉินและห้องไอซียู เนื่องจากเต็มหมดแล้ว รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามอีกหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลสนามบุษราคัมจะหมดสัญญาเช่า ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมี 3,000 -4,000 ราย ติดต่อกัน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีการเสนอให้ที่ประชุมศบค.พิจารณา ถึงเรื่องการล็อกดาวน์กรุงเทพฯ

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"