ตร.คุมตัวอดีตทหารคลั่ง ทำแผนยิงพนักงานเซเว่น


เพิ่มเพื่อน    

 

25 มิ.ย.64 - ที่ สน.พหลโยธิน พนักงานสอบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัว นายกวิน แสงนิลกุล อายุ 23 ปี อดีตทหารเกณฑ์ ผู้ต้องหาในคดี "ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน,  พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร" หลังก่อเหตุยิง นายรัฐวิทย์ สันติคุปตพงศ์ อายุ 32 ปี พนักงานร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซอยลาดพร้าว 25 ถึงแก่ความตาย จากนั้นไปก่อเหตุยิง นายสุขสันต์ เสาวพันธ์ อายุ 54 ปี ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.สนาม ที่สถาบันธัญญาลักษณ์ จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ปากซอยลาดพร้าว 25

จุดแรกคือ โรงแรมการ์เด้น อินน์ ภายในซอยลาดพร้าว 25 ซึ่งนายกวินได้มาเปิดห้องพักก่อนก่อเหตุ จากนั้นจึงควบคุมตัวไปที่ จุดเกิดเหตุร้านสะดวกซื้อ บริเวณปากซอยลาดพร้าว 25 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ

โดยตำรวจได้จำลองเหตุการณ์ ถึงพฤติการณ์ทั้งก่อนและหลังที่นายกวินก่อเหตุ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีหลังจากนั้นตำรวจได้นำตัวนายกวินไปควบคุมที่ สน.พหลโยธิน และในช่วงบ่าย ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จะควบคุมตัวนายกวินไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุที่สถานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งใช้เป็นโรงพยาบาลสนามรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และเป็นอีกจุดเกิดเหตุที่นายกวินไปก่อเหตุต่อเนื่อง จากนั้น จึงจะควบคุมตัวมาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อเตรียมนำตัวไปขออำนาจศาลอาญารัชดาภิเษก ฝากขังในวันพรุ่งนี้ต่อไป

พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก. สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ส่วนความผิดฐานอื่นอยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งหากพบก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป วันพรุ่งนี้จะฝากขังผู้ต้องหาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นท์กับศาลอาญา โดยคัดค้านการประกันตัว

สำหรับปืนของกลาง 2 กระบอก พบว่ามีหนึ่งกระบอกเป็นของผู้ต้องหา ส่วนอีกกระบอกกำลังตรวจสอบ แต่พบว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนทั้งสองกระบอก โดยปืนลูกโม่ขนาด.38 ผู้ต้องหาอ้างว่าใช้ก่อเหตุในร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่โรงพยาบาลสนามใช้ทั้ง 2 กระบอก ขณะนี้ได้ส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพิ่มเติม

ส่วนในวันเกิดเหตุพบกว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ไปพักกับรุ่นพี่ที่เคยเป็นทหารด้วยกัน โดยได้ไปปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่ได้พูดคุยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุตอนที่รุ่นพี่คนนี้หลับไป ก่อนหลบหนี แต่ในกล้องวงจรปิดพบว่าทั้ง2 คนมาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านสะดวกซื้อด้วยกัน 2 ครั้ง จากนั้นตำรวจได้ไปปลุกให้มาสอบปากคำในช่วงเช้าวันที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องทางคดี และเป็นพยานที่ให้ข้อมูลจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา

ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ถูกผู้บังคับบัญชาระหว่างที่เป็นทหารกดดันเรื่องยาเสพติด หรือการทำร้ายร่างกาย จนทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้ต้องหาได้ให้การกับพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจำเป็นต้องเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างมาให้ปากคำหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาก็สามารถให้การแบบใดก็ได้ ส่วนจะนำเข้าสำนวนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการพิจารณา

สำหรับประเด็นการรักษาอาการทางจิตเวช เบื้องต้นได้รับข้อมูลจากครอบครัวว่าเคยได้รับการรักษา ส่วนจะเป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาหรือไม่ ต้องไปดูในขณะที่ผู้ต้องหาก่อเหตุว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนหรือไม่ โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินอาการ

ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนบางสำนัก ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้ต้องหาก่อนที่จะถูกจับกุม เป็นการก้าวล่วงการทำงานของตำรวจหรือไม่นั้น ผกก.สน.พหลโยธิน เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นเจตนาที่ดีของทุกฝ่าย แต่ขอสงวนการออกความเห็นในประเด็นดังกล่าว

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"