Phuket Sandbox หรือ Phuket Sunset


เพิ่มเพื่อน    

รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือที่จะเปิดประเทศภายใน 120 วัน เพื่อใช้การท่องเที่ยวเป็นเฟืองสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะทำการทดลองเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้ว 2 เข็ม ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 14 วัน โดยให้เข้ามาเที่ยวที่ภูเก็ตและจะต้องพำนักอยู่ในภูเก็ตเป็นเวลา 14 คืน ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวสถานที่อื่นในประเทศไทย โดยจะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวน 3 ครั้ง คือตอนมาถึง ตอนพำนักอยู่ระยะหนึ่ง และเมื่อครบ 14 วันที่สามารถจะไปเที่ยวสถานที่อื่นๆ           ในประเทศไทย การเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยจำกัดพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวให้อยู่ในจังหวัดเดียวเช่นนี้เรียกว่า Sandbox ซึ่งถ้าหากว่าประสบความสำเร็จที่ภูเก็ต ก็จะกลายเป็น Phuket Model ที่สามารถนำเอาไปใช้ในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ได้อีกหลายแห่ง

ก่อนที่จะคัดเลือกทำโครงการ Sandbox ที่ภูเก็ตนั้น มีแผนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในภูเก็ตได้ฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม ในอัตราที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ และที่เลือกภูเก็ตนั้น เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเป้าหมายที่สำคัญของประเทศไทยในอันดับต้นๆ และภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว เนื่องจากมีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลาย สามารถรองรับความต้องการ รสนิยมและความคาดหวังของนักท่องเที่ยวได้หลากหลาย

ในการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวด้วยภูเก็ต Sandbox เราก็มีมาตรการที่จะรักษาดุลยภาพระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ นั่นหมายความว่าในการฟื้นเศรษฐกิจของภูเก็ตด้วยการท่องเที่ยวนั้น คนในภูเก็ตต้องปลอดภัย นักท่องเที่ยวต้องปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 จึงต้องมีการใช้มาตรการต่างๆ ที่จะกำหนดการเข้ามาในภูเก็ต และการพำนักอยู่ในภูเก็ต ป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเอาเชื้อโควิดเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย เราจึงเปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ผ่านมาแล้ว 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่ามีภูมิคุ้มกันเพียงพอแล้ว และเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องมีการตรวจหาเชื้อถึง 3 ครั้งในเวลา 14 วันที่พวกเขาพำนักอยู่ในภูเก็ต จากนั้นหากพวกเขามีความต้องการที่จะท่องเที่ยวต่อในประเทศไทย พวกเขาก็สามารถที่จะออกไปท่องเที่ยวนอกพื้นที่ภูเก็ตได้ ถ้าหากมีนักท่องเที่ยวที่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยที่ภูเก็ต แล้วมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เราก็จะฟื้นเศรษฐกิจของภูเก็ตได้ และเมื่อจังหวัดอื่นนำเอา Phuket Model ไปใช้อีกหลายจังหวัด เราก็จะฟื้นเศรษฐกิจได้ทั้งประเทศ

แต่น่าเป็นห่วงว่า Phuket Sandbox จะกลายเป็น Phuket Sunset เพราะมีนโยบายเรื่องการเก็บเงิน ค่าตรวจเชื้อโควิดนักท่องเที่ยวที่เข้ามาที่ภูเก็ต ไม่รู้ว่าใครคิดที่จะเก็บเงินค่าตรวจเชื้อนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน Phuket Sandbox ครั้งละ 4,500 บาท 3 ครั้ง (เมื่อมาถึง เมื่ออยู่ 7 วัน และเมื่อครบ 14 วัน) ก็เกือบ 15,000 บาท มา 2 คนผัวเมียก็เกือบ 30,000 บาท เงินที่จะมาเที่ยวหายไปเยอะเลย ขอถามว่า เราต้องตรวจเขา 3 ครั้งเลยหรือ ในเมื่อเขาฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ผ่านมาแล้ว 14 วันก่อนที่เขาจะเดินทางมาเมืองไทย จะตรวจน้อยครั้งลงได้หรือไม่ เราต้องคิดเงินเขาแพงขนาดนั้นเลยหรือ จะคิดถูกกว่านั้นได้หรือไม่ หรือจะใช้งบประมาณพิเศษอะไรตรงนี้เพื่อยกเว้นค่าใช้จ่ายให้เขาได้หรือเปล่า ให้พวกเขาเต็มใจจะมาเที่ยวเมืองไทย พอพวกเขารู้ว่าค่าตรวจเชื้อสูงขนาดนี้ เขาก็อาจจะถอยไม่มาแล้ว Phuket Sandbox ก็จะกลายเป็น Phuket Sunset ไปในบัดดล คนที่คิดจะมาอ้างว่าเราเก็บคนไทยที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่มาขอตรวจ ก็ราคาเกือบๆ ประมาณนี้ ไม่ได้นะ คิดแบบนี้ไม่ถูกแน่ๆ คนไทยที่ไม่เสี่ยงแต่อยากตรวจเอง เพราะกลัวว่าจะติด เราจึงคิดเงินแพง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม อยากมาเที่ยวในเมืองไทย เขาไม่ใช่คนที่ขอให้เราตรวจ เราต่างหากที่บังคับให้เขาตรวจ ดังนั้นจะคิดด้วยหลักการเดียวกับการคิดเงินกับคนไทยที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแล้วมาขอตรวจไม่ได้ ถ้าคิดเขาแพงแบบนี้ เขาอาจจะไม่มา เราก็ไม่ได้รายได้จากการมาเที่ยวของเขา แต่ถ้าคิดถูกกว่านี้หรือไม่คิดเลย มาหวังเอารายได้จากที่เขาเข้ามาเที่ยว มาใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ไม่ดีกว่าหรือ ให้โรงแรม ให้ร้านอาหาร ให้ธุรกิจอื่นๆ ตลอดจนคนงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รายได้จากนักท่องเที่ยว แล้วรัฐบาลก็ได้รายได้จาก VAT จากภาษีเงินได้นิติบุคคล มันจะไม่ดีกว่าหรือ คิดดูอันไหนจะได้มากกว่ากัน คิดกันให้ลึกๆ สักนิด อย่าคิดตื้นๆ ถ้าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวจริงๆ ต้องคิดแบบ incentive mindset ไม่ใช่ restriction mindset ที่ทำให้ entry protocol ยุ่งยากจนคนไม่อยากมา

ใครก็ตามเป็นคนคิดจะเก็บเงินตรงนี้ คิดใหม่นะ ตอนนี้มีเสียงนินทาแล้วด้วยว่าจะมีคนกินหัวคิวในการส่งนักท่องเที่ยวไปตรวจตามโรงพยาบาลต่างๆ เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เกิดคำถามแล้วว่าหน่วยไหนจะมากินหัวคิว เป็นเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยาน หรือเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวฯ หรือตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้แจ้ง แต่ข่าวลือมันมีออกมาแล้ว ถ้าหากยังยืนกรานที่จะเก็บค่าตรวจในอัตราที่สูงขนาดนี้แล้ว จะต้องมีคนไปสืบแน่นอนว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยใดไปเรียกเก็บหัวคิวในการส่งนักท่องเที่ยวไปตรวจยังโรงพยาบาลต่างๆ หรือไม่ ถ้ามีคนสืบได้ว่ามีนโยบายนี้ออกมาเพื่อกินหัวคิวจริงดังที่เป็นข่าวลือ รัฐบาลเสียหายแน่ ฝ่ายค้านและฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลเอามาถล่มแน่นอน และถ้าหาก Phuket Sandbox กลายเป็น Phuket Sunset นายกรัฐมนตรีโดนขย้ำแน่นอน

 ขอร้องคิดใหม่เถอะ รายได้จากค่าตรวจมันสู้รายได้จากที่พวกเขาเต็มใจจะเข้ามาเที่ยว มาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไม่ได้หรอก ทั้งรายได้ของผู้ประกอบการ ของคนงาน และของรัฐบาลที่จะได้ภาษี เชื่อเถอะ ถ้าเก็บค่าตรวจนักท่องเที่ยวจะหายไปมากกว่าครึ่ง หรือจริงๆ แล้วมีใครต้องการให้โครงการ Phuket Sandbox เป็น Phuket Sunset เพราะไม่อยากให้โครงการนี้สำเร็จเป็นผลงานของรัฐบาลที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีได้คะแนนนิยมสูงขึ้น เรื่องนี้ฝากให้หลายฝ่ายที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ช่วยพิจารณาแก้ไขด้วยเถิด ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานหอการค้า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่จะทำหน้าที่ตรวจ อย่าให้เราเสียจำนวนนักท่องเที่ยวเพราะการ Overcharge ที่ทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศเลย ใช้วิสัยทัศน์มองไปให้ไกลกว่ารายได้ที่จะได้จากการคิดค่าตรวจ ซึ่งเป็นประโยชน์กับโรงพยาบาล และคนกินหัวคิว (ถ้ามาอยู่จริง) เท่านั้น แต่ถ้านักท่องเที่ยวเข้ามากันมากๆ ผลประโยชน์ตกอยู่กับหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้าง และคนทำมาหากินที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

เรากำลังจะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวใน Phuket Sandbox แล้ว ดังนั้นการตัดสินใจต้องรวดเร็ว การประกาศเงื่อนไขต่างๆ ต้องฉับพลัน เพราะนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการต้องการเวลาในการเตรียมตัวก่อนที่จะถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อย่ามองเป็นเรื่องเล็ก ต้องคิดเชิงรับแบบองค์รวม ไม่ใช่มองแค่จะหารายได้จากการตรวจหาเชื้อเท่านั้น มันเป็นการคิดสั้นเกินไป แต่จะส่งผลเสียหายกับประเทศมหาศาล.

 

 

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"