โกงโดยระบอบทักษิณ


เพิ่มเพื่อน    

 

งามไส้!

            วานนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด "กิตติรัตน์ ณ  ระนอง" เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

            โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้าคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า  จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

            ทุจริต "ข้าว" เป็นมหากาพย์ของรัฐบาลระบอบทักษิณที่จะถูกพูดถึงไม่มีวันจบ

            จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งประเทศไทยถูกปกครองโดยตระกูลนักการเมืองโกง

            ไม่ได้โกงสิบล้านร้อยล้าน

            แต่โกงพันล้านหมื่นล้าน

            สร้างความเสียหายให้ประเทศนับแสนๆ ล้าน

            และกรณีของ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" คล้ายกรณี  "บุญทรง เตริยาภิรมย์"

            พร้อมตัวละครเดิมๆ "อภิชาติ  จันทร์สกุลพร " หรือ  "เสี่ยเปี๋ยง เจ้าพ่อสยามอินดิก้า

            หากสุดท้ายต้องติดคุก ก็จะเป็นการติดคุกแทนนายไปอีกคน

            คนที่ไม่รู้จักเนื้อแท้ของระบอบทักษิณ อาจไม่เข้าใจว่า ระบอบเฮงซวยนี้ทำอะไรได้บ้าง

            แต่คนที่รู้จัก ต่างรู้ดีว่ายังมีสิ่งที่ระบอบทักษิณสร้างความเสียหายให้ประเทศเอาไว้อีกมากมาย

            เพียงแต่คอร์รัปชันหลายเรื่องไม่แดงออกมา

            เพราะต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์

            คดีของ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" มาไล่เลียงกันดูนะครับ

            เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์  องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ  BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าว ปริมาณ ๓ แสนตัน ในราคาตันละ ๕๕๙ เหรียญสหรัฐฯ

            เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาดังกล่าว องค์การคลังสินค้าได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการค้าข้าวให้เสนอขายข้าวขาว ๑๕ % เพื่อส่งมอบให้แก่ BULOG  ของรัฐบาลอินโดนีเซีย

            โดยวิธียื่นซองเสนอราคา ในวันที่ ๑๓ ธันวาคม  ๒๕๕๔

            แต่ไม่ปรากฏว่าหนังสือดังกล่าวได้มีการประกาศเป็นการทั่วไป ซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.๒๕๔๑

            นี่คือพิรุธ นำไปสู่การโกงครั้งใหญ่

            ต่อมาวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔  มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน ๒ ราย

            คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด

            และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด

            แต่ที่พิลึกพิลั่นคือทั้งสองบริษัทได้มอบอำนาจให้พนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา

            ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ปิดตาจิ้มก็ถูก

            บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ

            จึงเหลือเพียงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพียงบริษัทเดียว

            จากนั้น "สุรศักดิ์ ศรีประภา" ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า พ่วงรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าอีกตำแหน่ง อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย

            องค์การคลังสินค้าได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน ๑ แสนตัน

            ราคาตันละ ๕๕๙ เหรียญสหรัฐฯ

            ต่อมาองค์การคลังสินค้าทำบันทึกต่อท้ายสัญญากับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก จำนวน ๒ แสนตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเสนอราคาขายข้าวเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด

            ป.ป.ช.ฟันธงทันที

            "สุรศักดิ์ ศรีประภา" ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า

            "พิพรรธารย์ มาตธินินทร์" รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า

            "สมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า

            ทั้ง ๓ คนร่วมกระทำไปโดยมุ่งหมายและมีวัตถุประสงค์ ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าและไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม

            อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า

            สำหรับ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" นั้น ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่าที่ทำไปไม่ชอบด้วยกฎหมาย

            "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" พยักหน้ารับรู้ครับ

            แต่กลับไม่มีการทบทวนใดๆ

            ท่องคาถา ถูกครับนาย ใช่ครับท่าน

            ครับ...."กิตติรัตน์ ณ ระนอง" โดน ม.๑๕๗ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

            จะเรียกว่าซ้ำรอยเดิมก็ได้ เพราะบริษัท สยามอินดิก้า  ซึ่งก็คือ บริษัท เพรซิเดนท์อะกริเทรดดิ้ง ในสมัยรัฐบาล  นช.ทักษิณ มี "วัฒนา เมืองสุข" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สร้างเรื่องฉาวโฉ่มาก่อนแล้ว

            พัวพันการทุจริตรับจำนำข้าว ในปี ๒๕๔๖-๒๕๔๗        "เสี่ยเปี๋ยง" และบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ยังเข้าไปพัวพันการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร อีกต่างหาก

            ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก "วัฒนา เมืองสุข" ๙๙ ปี

            "เสี่ยเปี๋ยง" ๖๖ ปี จากความผิด ๑๑ กระทง

            "วัฒนา เมืองสุข" อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ที่ยืดเยื้อมาจะครบปีเต็มแล้ว

            ส่วน "เสี่ยเปี๋ยง" อยู่ในคุก

            นายคนนี้เกิดมาโกงจริงๆ 

            ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งจำคุก ๔๘ ปี คดีทุจริตฮั้วประมูลการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

            ติดไปพร้อมกับ "บุญทรง" นั่นแหละครับ

            ขณะที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หนีไปดูไบ

            ถ้ายังจำกันได้ "นิพนธ์ พัวพงศกร" นักวิชาการทีดีอาร์ไอ เคยให้คำจำกัดความ โครงการรับจำนำข้าวไว้ว่า          "โครงการ Built-in Corruption"

            ออกแบบมาเพื่อให้มีการโกงกินกันทุกขั้นตอน

            ครับ....นี่คือขบวนการโกง โดยระบอบทักษิณ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"