ปริศนาเปิดเมือง 120 วัน-มีหวังหรือไม่?


เพิ่มเพื่อน    

ภาพดวงเมืองรัตนโกสินทร์(และโลกที่ลัคนาสถิตราศีเมษ)และลีลารับมือโรคร้าย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผอ.ศบค.ที่นำกรำศึกโควิด19มาแล้วสองระลอกได้ประกาศเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 จะเปิดประเทศภายใน 120 วัน โดยจะเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่1กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป คิดง่ายๆคือจะเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2564

ทีนี้มันเกิดยุ่ง เพราะพอประกาศไม่นาน การระบาดระลอกสามก็สำแดงเดชเพิ่มให้เป็นที่หวาดเสียวมาก ตัวเลขติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงจัดในกรุงเทพฯ-ปริณฑลรวมจังหวัด แดงเข้มเป็นสิบ เล่นเอาขวัญกระเจิงไปหมด ท้าทายการประกาศเปิดประเทศยิ่งนัก

ผู้เขียนเองซึ่งอาศัยอยู่ในกทม.ด้วยพยายามก้าวข้ามความชุลมุนของการแก้ไขหา เพื่อไม่ให้ชี้นำหลักโหร เพื่อพยายามพยากรณ์ว่ามีโอกาสหรือไม่ที่จะเปิดเมืองได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2564ดังนี้

1.คำทำนายหลักก่อนหน้านี้โควิด19ยังจะอ้อยอิ่งอยู่ในเมืองและโลกต่อไป ก่อนจะกลายเป็นโรคสามัญประจำโลกประมาณกรกฎาคม 2565เป็นต้นไป(ตามข้อA-เมื่อมฤตยูจรย้ายจากราศีเมษเข้าไปเดินในราศีพฤษภ)

ขณะนี้เกิดลางนี้แล้วคืออังกฤษ และอิสราเอลซึ่งได้เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมาก เมื่อการติดเชื้อกลับมาเพิ่มพรวดพราดแต่กลุ่มอาการหนัก-ตายกลับลดน้อยลงอย่างไม่น่าเชื่อ ยังไม่นับรวมยารักษาที่กำลังทดลองอยู่มีโอกาสจะได้ในระยะที่เห็นๆ

และเมื่อ1กรกฎาคม 2564ที่ผ่านมาหากใครจับทางได้จะได้ยินแพทย์หญิงอภิสมัย ศรีสังสรรค์ รองโฆษกศบค.พูดระหว่างแถลงข่าวประจำวันว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญเริ่มพยากรณ์แล้วว่าโรคโควิด19กำลังจะกลายเป็นโรคสามัญ (น่าจะคล้ายหวัดใหญ่ที่ฉีดวัคซีนกันทุกปีเพื่อลดความรุนแรง-เสียชีวิต…ผู้เขียน)

2.เมืองรัตนโกสินทร์และปริมณฑล+บางจังหวัด เจอถานการณ์หนักระลอกสาม(ระยะที่มฤตยูจร0ทับลัคนาเมืององศาสนิท) ที่เริ่มจากสถาบันเทิง ไปแคมป์คนงาน- โรงงาน- ตลาด -คนในบ้านนั้น

ในที่สุดก็เป็นไปตามคำทำนายที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้คือภาครัฐปรับการทำงานครั้งใหญ่ดูล้อมกรอบB1.(เคยคาดว่าจะปรับครม.ด้วย)เช่นให้รพ.เอกชน-ท้องถิ่นนำเข้าวัคซีนได้(พระเสาร์จร7เดินถอยหลังในราศีมังกร)+ปรับแผนรับมือด้านสาธารณสุข(พฤหัสบดีจร5เดินถอยหลังในราศีกุมภ์)แบบกึ่งล็อคดาวน์ไล่ล่าโรคระบาดเช่นคุมเข้ม10จังหวัด-ปิดแคมป์คนงาน+ถมเงินเยียวยา7500ล้านบาทไปยังสี่กิจกรรมที่กระทบเกือบ7แสนคน(ราหูจร8ยังค้นทรัพย์ดวงเมือง) ฯลฯ

3.คาดหมายผลท่ามกลางความชุนมุนชุลเกที่เกิดขึ้น  ผลนี้จะเกิดระหว่างประมาณ 27กันยายน-9พฤศจิกายน 2564 -เมืองรัตนโกสินทร์จะได้เกณฑ์ตามโฉลกที่ประพันธ์โดยหลวงวิศาลดรุณกร ครูโหรผู้ล่วงลับคือ….ไข้หายเอง คนยำเกรงจะรุ่งเรือง…(พฤหัสบดีจรเป็นสิบกัมมะกับดวงชะตาเมือง)ดูล้อมกรอบTT.

แต่อย่าลืมว่าอิทธิพลของโรคนี้ยังจะเกิดแบบอ้อยอิ่งอยู่ในโลกต่อไปจนกว่าจะถึงกรกฎาคม2565เพียงแต่ความร้ายกาจต่อเมือง(โลก)จะลดความรุนแรงกว่าระลอกสาม และที่สำคัญเมืองยังมีภัยด้านอื่นๆผสมโรงคอยเกิดในแบบ..เกรงภยาภัยหลากๆ..(ทักษาเมืองตกภูมิเสาร์)

จึงเมื่อดูช่วงที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์อาชา ประกาศจะเปิดประเทศแล้ว ไม่น่าจะใช่เหตุบังเอิญ(คาดว่ามีโหรใหญ่เป็นที่ปรึกษา?)เพราะเมืองได้เกณฑ์นี้คลุมไปเกินระยะเวลาเปิดประเทศคือสิ้นเดือนตุลาคม 2564

ส่วนตั้งแต่ประมาณ9พฤศจิกายน 2564เป็นต้นไปชะตาเมืองจะเป็นอย่างไรนั้น แม้จะบอกมาหลายครั้งแล้วหลายคนคงลืม เอาไว้ใกล้ๆหรือจังหวะเหมาะจะบอกอีกครั้ง

4.การฟันฝ่าระยะจากนี้ไปให้ถึง27กันยายน 2564 มีอาการเริ่มปรากฏแล้วตามล้อมกรอบB2.คือระหว่าง2-20กรกฎาคม2564ความเจ็บไข้-คนป่วย-จะเริ่มค่อยๆย้วยจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล(จังหวัดใกล้ๆศาลหลักเมืองและชายแดนบางจังหวัด)ไปสู่หัวเมือง-ต่างจังหวัด-และชายแดน

ขณะนี้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดได้นำพลรบพยายามยกการ์ดสูงๆปกป้องประชาชน และยินดีรับคนของจังหวัดที่ติดเชื้อจากสิบจังหวัดแดงเข้มกลับไปรักษาที่บ้านแล้ว

สู้ไปให้ถึงประมาณ20กรกฎาคม 2564 ผลชนะหรือแพ้จะปรากฏเป็นลางในระยะนี้

5.ส่วนหลังจากนั้น ที่จะต้องฟันฝ่าต่อไป คาดหมายการสู้จะไปสู่อีกจุดหรืออาการหนึ่งตามล้อมกรอบB3ซึ่งจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

ขอให้ทุกท่านรักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยจากสงครามโรคคราวนี้ที่เกิดเฉียดๆห่าเคยลงปีระกา

เพื่อที่พอกลางปี2565เมื่อยืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร หรือยืนอยู่หน้าบ้านเราจะถามตัวเองว่าเมือง(โลก)-ตัวเราผ่านเจ็ดปี(ที่มฤตยูจรเดินในราศีเมษ)มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร-เพราะหลังจากนั้นดาวแห่งภัยอาเพศตัวนี้จะเข้าไปอาละวาดในราศีพฤษภต่ออีกเจ็ดปี


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"