​​​​​​​ด้วยสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป


เพิ่มเพื่อน    

        

ก็ยังหนักไปทาง โควิด-ไม่โควิด นั่นแหละ...สำหรับบ้านเราช่วงนี้ รวมทั้งโลกทั้งโลก ที่อาจกำลังต้องเจอกับการระบาดระลอก 3 ระลอก 4 ระลอก 5 หรือระลอกเท่าไหร่ก็มิอาจสรุปได้ อันเนื่องมาจากเชื้อโควิด ท่านออกจะเก่งกาจ เฉลียวฉลาด เอาเรื่อง สามารถปรับแปรสภาพ กลายพันธุ์ เปลี่ยนแปรตัวเองไปจากเดิม จน ภูมิคุ้มกัน อาจทำอะไรไม่ได้มากมายซักเท่าไหร่ แม้จะฉีดเข็มแรก เข็มสอง เข็มสาม ไปมั่งแล้วก็ตาม...

                                                          -----------------------------------------------------

            ดังนั้น...แนวโน้มที่บางประเทศ หรืออาจหลายๆ ประเทศ จะเริ่มออกอาการแบบ ชั่ง...แม่มม์ม์ม์ ก็เริ่มพอเห็นๆ กันมั่งแล้ว คือพยายามเลิกคิดที่จะไปสนใจว่าการติดเชื้อ แพร่เชื้อ ในแต่ละวันพุ่งขึ้นไปแล้วเท่าไหร่ เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น หรือการติดเชื้อสะสมที่เขยิบขึ้นไปเป็นแสน เป็นล้าน ไปแล้วในหลายต่อหลายประเทศ หันมา  ทัมใจ (ทำใจ) ว่าท่านเชื้อไวรัสโควิดนั้น คงไม่ต่างอะไรไปจาก ไข้หวัด ธรรมดาๆ ที่จะต้องหายา หรือหาอะไรต่อมิอะไรมากรอกปากกันไปตามสภาพ ส่วนที่จะตาย-ไม่ตาย ไปมั่ง ก็คงต้องขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการเยียวยา ดูแล รักษา ที่ก็ยังหาจุดลงตัวแทบไม่ได้อีกนั่นแหละ...

                                                           ----------------------------------------------------

            แต่ทำไงได้...ในเมื่อบรรดากิจกรรม ธุรกรรมต่างๆ  มันล้วนแล้วแต่ติดๆ-ขัดๆ อันเนื่องมาจากการระบาด การแพร่กระจาย ของท่านเชื้อโควิด จนแทบมิอาจทำอะไรได้เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะไปไหน-ต่อไหน จะพูดคุย สุมหัว รวมตัวชิตๆ แชตๆ จะท่องเที่ยว เดินทาง ทำมา-ค้าขาย ชนิดไม่ว่าระบบเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม ต่างมีแต่เดี้ยง...กับ...เดี้ยง กันไปเป็นแถบๆ โอกาสที่จะ อดตาย แทน ป่วยตาย ชักยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที การ ทัมใจ หรือ ทำใจ กันในลักษณะที่ว่านี้ จึงชักเริ่มปรากฏให้เห็นในบางสังคม บางประเทศ ส่วนจะถูก-จะผิด เหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร หรือไม่ ประการใด  อันนั้น...คงต้องอาศัยดุลยพินิจ พิจารณา ในทางส่วนตัว  ส่วนรวม ไปว่ากันเอาเอง...

                                                              ----------------------------------------------------

            แม้แต่ บ้านเรา เองก็เถอะ!!!...ที่ต้องแซนด์บ๊ง แซนด์บ็อกซ์ อะไรต่อมิอะไรกันไปมั่งแล้ว ก็น่าจะด้วยเหตุเพราะความกลัว อดตาย มันเริ่มหนักหนา-สาหัสพอๆ กับความกลัว ป่วยตาย ยิ่งเข้าไปทุกที ดังนั้น...ถึงแม้จะติดเชื้อกันคราวละ 5 พัน 6 พัน ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหวนกลับมาเหลือตัวเลขหลักเดียว หรือเหลือศูนย์ กันตอนไหน  เมื่อไหร่ แต่ความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้าง ปราสาททราย เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เลยกลายเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ต้องหันมาปล่อยมุกตลก ต้องหันมา นะจ๊ะ...นะจ๊ะ กันไปตามสภาพ ไม่งั้น...โอกาสที่จะ เคียดชิบหาย ถึงขั้นโดดตึกตาย ผูกคอตาย เอาเลยก็ไม่แน่ แม้ว่าประเภท ลาออก ไปเอง อาจเป็นไปไม่ได้เอาเลยก็ตาม...

                                                                  ---------------------------------------------------

            สรุปรวมความแล้ว...คงต้องยอมรับว่า มันออกจะเป็นอะไรที่ชุลมุน ชุลเก อยู่พอสมควร สำหรับบรรยากาศความเป็นไปของประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา หรือแม้แต่ของโลกทั้งโลกในทุกวันนี้ ชนิดที่คงต้องเรียกว่า...แม้ว่าโดยเหตุการณ์ โดยฉากสถานการณ์ มันอาจไม่เหมือนอย่างในอดีตแบบเป๊ะๆๆ แต่โดยภาพรวมของความชุลมุน ชุลเก อาจทำให้อดไม่ได้ต้องย้อนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต โดยเฉพาะที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเส้นทาง แนวทางของแต่ละประเทศแต่ละสังคมระดับที่ ความเป็นรัฐบาล แทบช่วยอะไรได้ ไม่สามารถถ่วงรั้ง เหนี่ยวรั้ง ความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ไม่ให้เกิดขึ้น หรือไม่ให้ต้องไหลไปตามกระแส อะไรทำนองนั้น...

                                                                    ------------------------------------------------------

            คือโดยประวัติศาสตร์มนุษยชาติ...นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมานั้น มันมักต้องผ่านฉากเหตุการณ์ประเภทไม่ว่าผู้ปกครอง ผู้มีอำนาจ จะเก่งกาจ เฉลียวฉลาด เพียงใด มีความมุ่งมั่นในทางที่ดีซักเพียงไหนต่อเพียงไหน แต่ถ้าหาก  พระผู้เป็นเจ้า ท่านไม่เป็นใจให้ซะอย่าง โอกาสที่จะต้องพังระเนนระนาดไปทั้ง ปราสาททราย ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ โดยไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน สังคมไหน ก็เถอะ ส่วนใหญ่...ต่างเคยผ่านฉากเหตุการณ์ ฉากสถานการณ์ที่ว่ามาแล้วด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นภายใต้ความชุลมุน ชุลเก ของเหตุการณ์ช่วงนี้ จะย้อนยุคไปไกลถึงขั้นเมื่อครั้งเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์หรือไม่ อย่างไร ก็ยากที่จะคาดคำนวณได้ แต่ก็คงต้องเก็บมาคิดๆ เอาไว้มั่ง โดยเฉพาะเมื่อแต่ละประเทศยังแทบมองไม่เห็นทางออก ทางไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของท่านเชื้อโควิดได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่หันมา ทัมใจ และ ทำใจ กันไปเป็นแถวๆ...

                                                                     ---------------------------------------------------------

            อย่างไรก็ตาม...บรรดา ความเปลี่ยนแปลง ใดๆ ในโลกนี้ ยังไงๆ มันคงหนีไม่พ้นไปจาก กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ นั่นแหละทั่น คือคงต้องเป็นไปในแบบ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป แม้ว่าอะไรที่เคยดีๆ  มันอาจต้องเลวร้าย อาจต้องฉิบหายอย่างมิอาจปฏิเสธ แต่สุดท้ายถ้าหากมันยังคงตั้งมั่นอยู่ในความดี ความถูกต้อง เป็นธรรม อย่างไม่คิดผันแปรไปเป็นอื่น ผลสรุปที่จะนำไปสู่ความดีงาม แบบชนิด ทำดี-ได้ดี...ทำชั่ว-ได้ชั่ว ย่อมอุบัติขึ้น ณ วันใด-วันหนึ่ง แม้จะต้องเจอกับช่วงเวลาแห่ง  ระยะผ่าน ที่อาจยืดเยื้อ ยาวนาน เพียงใดก็ตาม...

                                                                     -----------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Dhammapada... “That which seems ever-lasting will perish; that which is high will be laid low; where meeting is, parting will be; where birth is, death will come. – สิ่งใดดูคงทนถาวรตลอดไป สิ่งนั้นจะพินาศภินท์พัง สิ่งใดสูงส่ง สิ่งนั้นจะล่มสลาย สิ่งใดสนิทชิดชอบ สิ่งนั้นจะพลัดพรากจากกัน ที่ใดมีเกิด-ที่นั่นมีตาย...”

                                                                      ---------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"